เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2802: ความลึกลับก็ได้รับคำตอบ
ตอนที่ 2802: ความลึกลับก็ได้รับคำตอบ
แม้แต่จินหงก็พยายามที่จะรักษาความสงบในขณะที่เขาเผชิญกับแก่นแท้โลหิตของจอมปราชญ์สูงสุดตรงหน้าของเขา หัวใจของเขาร้อนรุ่มและเลือดหมุนเวียนภายในร่างกายของเขามากกว่าที่เคย พลังของสายโลหิตของเขาหลอมละลายราวกับจะมอดไหม้
นี่เป็นเพราะแก่นโลหิตของจอมปราชญ์ของเจี่้ยนเฉินนั้นมีต้นกำเนิดเดียวกันกับสายเลือดของเขา พวกมันมาจากคนเดียวกัน เห็นได้ชัดว่าพลังที่สามารถปลดปล่อยออกมาจากแก่นโลหิตนั้นถูกจ จำกัด เมื่ออยู่ในมือของผู้อื่นเป็นอย่างมาก แต่มันจะเป็นเรื่องที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงเมื่อมาอยู่กับเขา จินหง
ไม่เพียงแต่เขาสามารถดูดซับมันได้อย่างสมบูรณ์และใช้พลังทั้งหมดของแก่นโลหิตได้ แต่เขายังสามารถใช้แก่นโลหิตเพิ่มพลังของสายเลือดของเขาหรือแม้แต่ทำให้สายเลือดของเขาพัฒนาไปยั งอีกระดับได้
จินหงจ้องมองเจี้ยนเฉินที่หมดสติด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เห็นได้ชัดว่าเขารู้ว่ามันง่ายราวกับปอกกล้วยถ้าเขาต้องการเอาแก่นโลหิตจากเจี้ยนเฉินในตอนนี้ แต่เขาไม่ได้ทำ แม้จะรู สึกอย่างไรสายตาของเขาก็หนักแน่นเสมอ เขาไม่ได้ตาบอดเพราะความโลภ
เขาชี้ไปที่ลำคอของเจี้ยนเฉินและพลังงานบริสุทธิ์พุ่งออกมาจากถึงปากของเจี้ยนเฉินและนำแก่นโลหิตของจอมปราชญ์สูงสุดที่ต้องการหลบหนีตลอดเวลากลับเข้าสู่ร่างของเจี้ยนเฉิน
หลังจากนั้นเขาก็หยิบขวดหยกออกมาจากแหวนมิติของเขา ในขณะที่เขาเปิดฝา พลังชีวิตที่หนาแน่นก็แผ่ออกมาทันที
กลิ่นอายชีวิตนั้นยิ่งใหญ่และบริสุทธิ์มาก ยิ่งไปกว่านั้นมันเกินระดับความจริงอย่างสมบูรณ์และมาถึงระดับเทพที่แท้จริง เพียงแค่กลิ่นอายชีวิตก็เปลี่ยนให้พื้นที่รกร้างรอบ ๆ ภายในหน นึ่งพันเมตรเขียวชอุ่ม
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่สิ่งของเหล่านี้จะถูกนำเข้ามาจากภายนอก มันเป็นสิ่งที่หาจากมากจากโลกดาวทมิฬ
จินหงหยดของเหลวสีเขียวที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งชีวิตลงบนเจี้ยนเฉิน ในขณะที่ของเหลวสีเขียวสัมผัสกับผิวหนังของเจี้ยนเฉิน มันก็สลายไปอย่างเงียบ ๆ และถูกดูดซึมเข้าไป
ในช่วงเวลาต่อมา บาดแผลบนตัวเจี้ยนเฉินก็เริ่มหายเป็นปกติในระดับที่มองเห็นได้ แม้แต่ชิ้นเนื้อก็เริ่มที่จะงอกใหม่
ของเหลวสีเขียวที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งชีวิตนี้เห็นได้ชัดว่ามันมีผลกระทบที่น่าอัศจรรย์อย่างมากเมื่อดูจากการรักษาบาดแผล ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที เจี้ยนเฉินก็หายจากอาการบาดเจ จ็บโดยสิ้นเชิง
แน่นอนว่ามีเพียงบาดแผลที่เนื้อของเขาที่ได้รับการรักษา วิญญาณที่เสียหายอย่างหนักของเขาไม่อาจรักษาให้หายได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้แม้ว่าบาดแผลภายนอกจะหายไปหมด เจี้ยนเฉินก็ยังคง งซีดเซียว
ในตอนนี้เองที่เจี้ยนเฉินลืมตาขึ้น เขายังคงอยู่ในสภาพอ่อนแอใบหน้าของเขาซีดเซียวและดวงตาของเขาก็หมองหม่น
เขาจ้องมองจินหงที่อยู่ข้าง ๆ และอ้าปากอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จินหงก็หยุดเขาไว้ จินหงกล่าวอย่างจริงจังว่า “อย่าพูดอะไรตอนนี้ ข้าจะพาเจ้ากลับไปเมืองร้อยเซียนก่อน เรา าจะคุยกันเมื่อเราไปถึง”
จากนั้นจินหงก็จะกลับไปที่เมืองร้อยเซียนพร้อมกับเจี้ยนเฉิน
“ไม่จำเป็นต้องพากลับไปที่เมืองร้อยเซียน ตอนนี้บาดแผลของข้าส่วนใหญ่ดีขึ้นแล้ว ข้าแค่ต้องการที่ที่ปลอดภัยในการพักผ่อนแล้วข้าจะหายดี” เจี้ยนเฉินพยายามดิ้นรนอย่างหนัก เขามอง ไปที่ราชาเทพฉู่เจี๋ยและคนอื่น ๆ ที่พวกเขานำมาด้วย แต่เขาไม่มีจิตสังหารที่จะฆ่าพวกเขาทั้งหมด หลังจากนั้นเขาก็ลอยขึ้นไปบนอากาศด้วยท่าทางโคลงเคลงบินไปในระยะไกล ในเวลาเดียวกัน เขาก็กล่าวว่า “จินหง ข้ารู้ว่าเจ้ามีคำถาม หาสถานที่ซึ่งข้าสามารถจะอธิบายให้เจ้าฟังอย่างช้า ๆ ”
ที่ชานเมืองของภูเขาโลกาแฝด บนยอดเขาที่ปกคลุมไปด้วยหมอกหนาทึบ เจี้ยนเฉินนั่งสมาธิด้วยเสื้อคลุมที่เต็มไปด้วยเลือด ตัวของเขาถูกพลังปราณคลุมร่างทำให้เปล่งแสงสีแดงเลือดอย่าง ราง ๆ มันดูเหมือนกับรังไหมสีเลือดขนาดใหญ่
จินหงนั่งอยู่ข้าง ๆ เขา ขณะที่เขาจ้องมองไปที่แสงสีแดงรอบ ๆ เจี้ยนเฉิน ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลายพร้อมกับความสงสัยลึก ๆ และความอยากรู้อยากเห็นอย่างรุนแรง
เห็นได้ชัดว่าเขาสงสัยเกี่ยวกับต้นกำเนิดของแก่นโลหิตหมาป่านภาโบราณ
สำหรับบาดแผลของเจี้ยนเฉิน จิงหงเลิกกังวลไปแล้ว อย่างแรกด้วยน้ำพุแห่งชีวิตและตอนนี้พลังจากสายเลือดของจอมปราชญ์สูงสุด เขาเชื่อว่าเจี้ยนเฉินสามารถฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ ไม่นานภ ภายใต้การรักษาของทั้งสองพลังนี้
อย่างไรก็ตามจินหงไม่รู้จักพลังของแก่นโลหิต มันไม่ได้มีผลกับเจี้ยนเฉินที่มหัศจรรย์อย่างที่เขาคิด เจี้ยนเฉินเพียงทำให้มันเปล่งประกายจากพลังของแก่นโลหิตเพื่อหลอกให้เขารู้สึ กว่ามันสมเหตุสมผล
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีอะไรที่จินหงจะสังเกตได้ พลังที่มองไม่เห็นครอบคลุมรัศมีไปกว่าหนึ่งแสนกิโลเมตรรอบ ๆ สถานที่แห่งนี้และตัดพลังแห่งการมีอยู่ทั้งหมดออกไป แม้ว่าพลังแห่งการ มีอยู่จะรั่วไหล แต่ก็ไม่อาจลอยไปถึงเมืองหลวงของเผ่าดาวทมิฬได้
นี่คือเจตจำนงสูงสุดของเจี้ยนเฉิน จริง ๆ แล้วเขาได้ห่อหุ้มภูมิภาคนี้ด้วยเจตจำนงสูงสุดของเขา ขณะที่เขาเริ่มใช้พลังของแก่นโลหิต
บาดแผลทั้งหมดของเขาจากการกระทำที่ผิดธรรมชาติของแก่นโลหิตในร่างกายของเขาและแม้แต่การแสดงท่าทางหมดสติก็เป็นสิ่งที่เจี้ยนเฉินจงใจทำขึ้นมา
เขาทำเช่นนี้เพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าเขาอ่อนแอ
เขาดูเหมือนอ่อนแอต่อหน้าจินหง แม้กระทั่งการเปิดเผยของการมีอยู่ของแก่นโลหิตจอมปราชญ์สูงสุด เพื่อที่เขาจะได้รู้ว่าจินหงจะทำอย่างไรกันแน่ เขาอยากจะรู้ว่าจินหงจะลงมือกับ บเขาหรือไม่
ท้ายที่สุด การตอบสนองของจินหงก็ไม่ได้ทำให้เจี้ยนเฉินผิดหวังเลย และเจี้ยนเฉินก็เริ่มไว้ใจจินหงจากก้นบึ้งของหัวใจ
“เจ้าคงอยากรู้ว่าแก่นโลหิตในร่างกายของข้ามาจากไหนใช่หรือไม่ ? ” ในตอนนี้เสียงของเจี้ยนเฉินดังขึ้น ขณะที่เขารักษาตัว เขาอยู่ในรังไหมสีแดงล้อมรอบ ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ท ที่เขาจะออกมาจากมัน
เมื่อได้ยินเช่นนั้นจิงหงก็อดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปมองเจี้ยนเฉินที่อยู่ในพลังปราณ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็พูดว่า “เจ้ากำลังบอกว่าเจ้ารู้จักต้นกำเนิดโลหิตในร่างกายของ เจ้างั้นหรือ ? ”
“ข้ารู้ ข้าไม่เพียงแต่รู้ที่มาของมัน แต่ข้ายังรู้ด้วยว่าเจ้าได้รับมรดกของจอมปราชญ์สูงสุดมาจากที่ใด ในฐานะสหายที่ล่วงลับและข้าบังเอิญเปิดสถานที่ที่มีมรดกของมาป่านภาโบรา าณ” เจี้ยนเฉินกล่าวอย่างใจเย็น
“ห๊ะ ? ” จินหงตะลึง เขาผุดลุกขึ้นทันที ในช่วงเวลานั้นเจี้ยนเฉินสร้างความตกใจให้กับเขารุนแรงยิ่งกว่าตอนนี้จินหงพบแก่นโลหิตหมาป่าบนตัวเขา
เผ่าหมาป่าหายนะของเขาถือว่าการพบมรดกของหมาป่านภาโบราณถือเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่ของเผ่าเสมอมา พวกเขาเชื่อว่าพวกเขาได้รับพรจากสวรรค์และชะตาที่ถูกลิขิต
อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยคิดเลยว่าทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับหยางยู่เทียน เหตุผลที่เขาได้รับมรดกของจอมปราชญ์สูงสุดในตอนแรกนั้นเป็นเพราะหยางยู่เทียนซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ เขา หยางย ยู่เทียนกลายเป็นผู้มีพระคุณที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาแทน
ครู่หนึ่งจินหงไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไร อารมณ์ของเขาหลากหลายปะปนกันอย่างมาก ถ้ามันเป็นอย่างที่หยางยู่เทียนพูดจริง ๆ นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นหนี้บุญคุณหยางยู่เทียนอย ย่างมากหรอกหรือ ?
และการเป็นหนี้บุญคุณนี้นั้นมันมากเสียจนเขาไม่มีวันใช้คืนได้อีกเลยตลอดชีวิตของเขา
ท้ายที่สุดถ้าหยางยู่เทียนไม่ได้เปิดสถานที่ของมรดก เขาจะไม่มีวันได้รับมรดก หากไม่มีมรดก จินหงอาจจะยังเป็นคนธรรมดา ๆ ในตระกูลของเขา เขาจะไม่ได้เพลิดเพลินไปกับสิทธิ์พิเศษอย่า างทุกวันนี้ของเขาได้
โดยทั่วไปแล้วหยางยู่เทียนได้ให้ชีวิตใหม่แก่เขา โดยไม่ได้พูดเกินจริง
จินหงสูดหายใจเข้าลึก ๆ สองสามครั้งก่อนที่จะถอยหลังอย่างช้า ๆ และโค้งคำนับให้เจี้ยนเฉิน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยการขอบคุณอย่างจริงจัง
“พี่จินหง ไม่จำเป็นที่ท่านต้องทำอย่างนี้ การได้รับเลือกให้เป็นผู้สืบทอดจากหมาป่านภาโบราณนี่อาจจะเป็นของท่าน ข้าแค่อยากรู้ว่าทำไมท่านถึงไม่เอาแก่นโลหิตออกไปจากข้า ? ข้า าได้รับบาดเจ็บสาหัส ด้วยความแข็งแกร่งของท่าน การเอาแก่นโลหิตไปจากข้ามันก็เป็นเรื่องง่าย ท่านไม่สนใจเลยหรือ ? ”
“นั่นเป็นแก่นโลหิตของจอมปราชญ์และมันมีต้นกำเนิดเดียวกับมรดกของท่าน มันสามารถส่งผลกระทบที่ไม่อาจจินตนาการของท่านได้” เจี้ยนเฉินกล่าวต่อ