เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 281 - ตำนานเซียนพิณ หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์
- Home
- เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)
- ตอนที่ 281 - ตำนานเซียนพิณ หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์
ตอนที่ 281 – ตำนานเซียนพิณ หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์
หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็ไม่ค่อยได้ออกจากห้องของเขาและยังคงบ่มเพาะต่อไป สมาชิกคนอื่นไม่ค่อยได้เห็นเขาบ่อยครั้งนักและเขาจะพบปะกับฉินเซียวเป็นครั้งคราวเท่านั้น
เขามักจะเตือนผู้อาวุโสหวู่ไม่ให้มารบกวนเขาอีกต่อไป มันเกือบจะเหมือนกับว่าเขาหายตัวไปจากตระกูลเทียนฉิน และไม่ได้เห็นเจี้ยนเฉินมาเป็นเวลานาน
เหตุการณ์เช่นนี้ได้เป็นมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 1 เดือน เจี้ยนเฉินได้รับความช่วยเหลือจากแกนอสูร ทำให้ก้าวไปสู่ระดับเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษขั้นสูงสุดได้
หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ในปรับเสถียรภาพของพลังที่เขาได้ค้นพบใหม่และเพื่อกำจัดอันตรายใด ๆ ที่ซ่อนอยู่ ซึ่งติดมากับแกนอสูรในร่างกายของเขา หลังจากเสร็จสิ้นเขาก็ยังคงบ่มเพาะกับแกนอสูรอีกครั้ง
ในไม่ช้าอีกครึ่งเดือนก็ผ่านไป ข่าวของหินหลากสีได้หมดความสนใจในตระกูลเทียนฉินไปแล้วเนื่องจากทุกคนลืมไปหมดแล้ว
ในทำนองเดียวกัน หมิงตงก็ไม่ได้อยู่นิ่งเฉยและทำตามการนำของเจี้ยนเฉินโดยกักตัวเองอยู่ในห้องของเขาและบ่มเพาะความแข็งแกร่งของตัวเองอย่างจริงจังด้วยความช่วยเหลือของแกนอสูร
สิบวันต่อมาในตอนเช้า ในที่สุดเจี้ยนเฉินก็เปิดประตูห้องของเขาและเดินออกมา
เจี้ยนเฉินมองไปที่ห้องใกล้เคียงของหมิงตงและสามารถตรวจสอบได้แม้กระทั่งความผันผวนของพลังงานขนาดเล็กและไม่ชัดเจนที่อยู่หลังประตูที่ปิด หมิงตงยังคงบ่มเพาะอยู่ในขณะนี้
เจี้ยนเฉินสูดอากาศยามเช้าเข้าลึก ๆ อย่างช้า ๆ และบ่นพึมพำว่า ” เราอยู่ที่นี่มา 2 เดือนแล้ว ไม่นานจากนี้ ตระกูลเทียนฉินจะส่งคนไปยังเมืองทหารรับจ้างอย่างแน่นอน” เมื่อมองไปที่บ้านของฉินเซียวแล้ว เจี้ยนเฉินก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจเดินข้ามไป เวลาที่แน่นอนนั้นจะถูกกำหนดขึ้นเมื่อมีการกำหนดโดยฉินเซียว
ขณะที่เจี้ยนเฉินกำลังจะเข้าสู่บริเวณที่สงบเงียบ ยามที่ยืนอยู่ข้างประตูก็ขัดขวางเขา
“พี่ชาย ตอนนี้ฉินเซียวอยู่ข้างในหรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินคำนับด้วยความเคารพ
“นายน้อยไปที่สนามฝึกตั้งแต่ตอนเช้า เขาไม่ได้อยู่ในบริเวณนี้” ยามตอบ
หลังจากนั้น เจี้ยนเฉินก็มุ่งหน้าไปยังสนามฝึกซ้อม หลังจากสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา เจี้ยนเฉินเดินไปพร้อมกับฉินเซียวเพื่อไปยังสนามฝึกซ้อมหลายครั้ง ดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยกับเส้นทางไปยังสนามฝึกซ้อม
ขณะที่เจี้ยนเฉินที่กำลังเดินข้ามสวนไป ท่วงทำนองอันไพเราะของพิณก็ดังขึ้นในศาลาใกล้ ๆ ราวกับว่าเพลงนั้นมีความสามารถที่น่าหลงใหล ในขณะที่ทุกคนได้ยินทำนองนี้ก็จะรู้สึกราวกับว่าสายใยในหัวใจของพวกเขาก็ดังก้องกังวาน
TL หมายเหตุ พิณ : https://en.wikipedia.org/wiki/Zither
ชั่วขณะที่เจี้ยนเฉินได้ยินเสียงของพิณเขาก็หยุดเดินโดยไม่รู้ตัวและหันไปมองไปทางต้นกำเนิดเสียง เขาเห็นหญิงสาวคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีขาวโดยหันหลังมาทางเจี้ยนเฉินอยู่ในศาลา นิ้วสีขาวราวหยกของนางพริ้วไหวราวกับร่ายรำไปตามสายของพิณ ขณะที่ท่วงทำนองอันหวานซึ้งก็ดังขึ้นทั่วพื้นที่
เจี้ยนเฉินเดินไปที่ศาลาและไปที่ด้านหลังของหญิงสาวที่สวมเสื้อคลุมสีขาวอย่างรวดเร็ว ผมสีดำของนางคลุมอยู่ที่มาไหล่เลยลงมาที่หลังของนาง ผ้าคลุมสีขาวคลุมใบหน้าของนาง ดังนั้นเจี้ยนเฉินจึงมองไม่เห็นสีหน้าของนาง
ส่วนของใบหน้าของหญิงสาวที่สามารถมองเห็นได้นั้น สามารถอธิบายได้ว่าเป็นสาวงามจนแทบจะล่มเมืองได้
หญิงสาวที่เล่นพิณเป็นน้องสาวคนรองของตระกูลเทียนฉิน
ในพริบตา นางก็เล่นเพลงเพลงรักอันหวานซึ้งจบแล้วหันไปมองเจี้ยนเฉิน ” คุณชายสนุกไปกับเสียงพิณที่ข้าเล่นหรือไม่ ? ” น้องสาวคนรองมีน้ำเสียงที่ไพเราะ มีเสน่ห์เหมือนนกจาบฝนสวรรค์ที่ทำให้ทุกคนที่ฟังนางจะหลงเสน่ห์ หากใครไม่แข็งแกร่งพอ พวกเขาก็จะบ้าคลั่งหลังจากได้ยินเสียงของนาง
เจี้ยนเฉินตอบด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ” ความสามารถของน้องรองกับพิณนั้นน่าทึ่งมาก แม้ว่าข้าจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องของพิณ แต่ข้าก็ยังพบว่าตัวเองชอบเพลงนี้”
นางยิ้มหวานแล้วพูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า” ข้าขอบคุณ คุณชายที่ชมข้า”
เจี้ยนเฉินยังคงยิ้มให้นาง” ความสามารถของน้องรองเกี่ยวกับพิณนั้นมาถึงขอบเขตขั้นสมบูรณ์แบบและเหมาะกับบทเพลงอมตะแล้ว ข้าผู้นี้ชื่นชมทักษะของเจ้าอย่างแท้จริงและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าใจของข้าถูกกระตุ้น”
” ข้าชอบศิลปะทั้งสี่และศึกษาอย่างระมัดระวัง ตั้งแต่เมื่อข้ายังเด็ก แต่ข้าก็ยังห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบในขณะที่เสียงที่น่าพิศวงของข้ามีความสวยงามมากส่วนใหญ่เป็นเพราะตัวพิณเอง” นิ้วสีขาวละเอียดอ่อนของน้องรองลูบไล้สายพิณในขณะที่นางพึมพำ” ถึงแม้ว่าพิณนี้จะเป็นพิณเลียนแบบพิณปิศาจร่ำไห้ แต่ก็ใช้ส่วนประกอบที่มีราคาแพงมากมาย ถึงแม้ในตอนนี้ภายในพิณศักดิ์สิทธิ์อันนี้จะมีพลังเซียนของหญิงเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์อยู่แล้ว ดังนั้นเพลงที่ดังออกมาจากเครื่องดนตรีชิ้นนี้ก็สามารถกระตุ้นจิตวิญญาณของผู้คนได้มากจนสามารถดูดซับได้
” เซียนพิณ ? หญิงเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ ? ” เจี้ยนเฉินถามด้วยความสับสน “น้องรอง ใครคือหญิงเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ผู้นี้ ? “
น้องรองของตระกูลเทียนฉิน มองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยท่าทางแปลก ๆ ก่อนที่สีหน้าของนางจะแสดงอาการโล่งอก สีหน้าแสดงการเคารพอยู่บนใบหน้าของนางขณะที่นางพูด “ในเมื่อคุณชายเจี้ยนเฉินมาจากอาณาจักรที่อยู่ห่างไกลจากที่นี่ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะไม่รู้จักเซียนพิณ หญิงเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ ในราชอาณาจักรนี้นางเป็นบุคคลที่รู้จักกันดีในฐานะผู้ใช้พิณปิศาจร่ำไห้ในระดับที่น่ากลัว แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญของทวีปก็ยังจะได้รับผลกระทบ หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ใช้พิณของนางเป็นอาวุธในแบบที่ไม่สามารถต่อสู้ได้ มีคนไม่มากนักที่จะทนยืนอยู่ได้ใต้พิณของนางและเมื่อนางใช้มัน นางสามารถทำให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเสียงเพลงหลงในภาพมายาได้ พิณของนางมีความสามารถในการลบวิญญาณของคนอื่นและแม้กระทั่งร่างกายเพื่อให้พวกเขากลายเป็นผีดิบหลังจากความตาย”
” ความสามารถของหญิงเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์เกี่ยวเรื่องพิณได้มาถึงขอบเขตของความสมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว เมื่อนางเล่นพิณของนาง จากนั้นแม้แต่สภาพอากาศก็จะเปลี่ยน ในตำนานเล่าว่าเมื่อสิบปีที่แล้วนางเพียงคนเดียวสามารถป้องกันสงครามระหว่างสองราชอาณาจักรได้ด้วยการบรรเลงพิณของนางในสนามรบ ในช่วงเวลาสั้น ๆ นางทำให้ทหารหลายแสนคนตกอยู่ในอาการหลับลึกซึ่งพวกเขาได้ตื่นขึ้นมาหลังจากสามวันสามคืนผ่านไป”
น้องรองพูดด้วยความเคารพหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์อย่างแท้จริง ช่วงเวลาที่นางเริ่มพูดถึงหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ ดวงตาของนางเริ่มเป็นประกายแปลก ๆ
” เพลงรักเพลงเดียวจากพิณทำให้กองทัพทั้งสองหลับไปเป็นเวลาสามวันสามคืนและจะน่ากลัวสักเพียงไหน หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ผู้นี้ ? ” เจี้ยนเฉินพูดด้วยความตกใจ
” ความสามารถของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ในการเล่นพิณที่น่าพิศวง สามารถกล่าวได้ว่าไม่มีใครเทียบได้และเพลงของนางก็เหมาะที่จะถูกเรียกว่าเพลงอมตะ” น้องรองพูด ในเมื่อนางรักศิลปะทั้งสี่ ตั้งแต่นั้นนางจึงได้กำหนดให้หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์เป็นเป้าหมายของนาง
“อา หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์นั้นวิเศษจริง ๆ หากได้รับโอกาส ข้าคนนี้จะขอทำความคุ้นเคยกับดนตรีของนาง” เจี้ยนเฉินพูด
“หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์เป็นเซียนแล้ว นางไม่ใช่คนที่พบเห็นได้โดยง่าย” น้องรองมองเจี้ยนเฉินด้วยท่าทางที่อยากรู้อยากเห็น” คุณชายเจี้ยนเฉิน ข้าได้ยินมาว่าท่านต้องการเข้าร่วมงานชุมนุมของกลุ่มทหารรับจ้างใช่หรือไม่”
เจี้ยนเฉินนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ ๆ แล้วตอบว่า “ถูกต้อ ง! ข้าตัดสินใจที่จะเข้าร่วมในงานชุมนุมของทหารรับจ้างครั้งต่อไป”
” ข้าไม่เคยเห็นงานชุมนุมของทหารรับจ้างมาก่อน แต่ข้าได้ยินมาว่ามันค่อนข้างอันตราย มีข่าวลือว่าโอกาสของผู้ที่เข้าร่วมมีโอกาสที่จะรอดชีวิตประมาณหนึ่งในสิบส่วน แม้แต่เซียนปฐพีก็ไม่รับประกันว่าจะมีชีวิตรอด คุณชายเจี้ยนเฉินต้องระวังตัวด้วย” น้องรองพูดเบา ๆ
“ข้าขอบคุณน้องรองสำหรับคำแนะนำของเจ้า ข้าจะระวังตัว”
หลังจากคุยกับน้องรองพักหนึ่ง เจี้ยนเฉินก็ออกจากศาลาเพื่อไปยังสนามฝึกซ้อม
บริเวณสนามฝึกซ้อมของตระกูลเทียนฉินเป็นแท่นยกระดับที่มีความยาว 200 ฟุต เมื่อเจี้ยนเฉินมาถึง เขาเห็นฉินเซียวเพิ่งกระโดดลงจากเวทีในขณะที่นายทหารผู้คุ้มกันทั้งห้าคนกำลังนอนอยู่บนพื้นพร้อมกับหน้าที่ซีดเซียว
ฉินเซียวรับผ้าเช็ดตัวที่ยื่นให้เขาโดยผู้คุ้มกันแล้วเช็ดเหงื่อก่อนที่จะหัวเราะกับเจี้ยนเฉิน “น้องเจี้ยนเฉิน ลมอะไรหอบเจ้ามาที่นี่ เจ้าอยากประลองกับข้าหรือไม่ ? “
เจี้ยนเฉินยิ้มตอบกลับไปที่ฉินเสี่ยวก่อนที่จะตอบ “พี่ฉินเซียว ข้าแค่อยากจะมาถามว่าเมื่อไรเราจะมุ่งหน้าไปที่เมืองทหารรับจ้าง”
“ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องรีบ ! ยังมีเวลาอีก 3 เดือนกว่าจะถึงงานชุมนุมของกลุ่มทหารรับจ้าง เราจะรอจนเหลืออีกครึ่งเดือน ก่อนจะออกเดินทาง” ฉินเสี่ยวกล่าว
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เจี้ยนเฉินก็ยังลังเลอยู่บ้าง” พี่ ฉินเซียว ข้าต้องจากไปชั่วคราว แต่ข้าจะกลับมาอีกครั้ง”
ความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินได้มาถึงขั้นสูงสุดของระดับเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษแล้วและงานชุมนุมของกลุ่มทหารรับจ้างจะมีอัจฉริยะที่มีความสามารถมากมายในระดับเซียนปฐพี ดังนั้นก่อนงานชุมนุมของกลุ่มทหารรับจ้าง เจี้ยนเฉินต้องการบ่มเพาะจนกว่าเขาจะทะลวงผ่านเป็นเซียนปฐพีได้ ด้วยเหตุนี้ งานชุมนุมของกลุ่มทหารรับจ้างจะเป็นเหตุที่ง่ายยิ่งกว่าที่จะชนะ
ฉินเสี่ยวไม่ได้ถามว่าเจี้ยนเฉินกำลังทำอะไรอยู่ แต่เขาเตือนว่าเจี้ยนเฉินไม่ควรผิดนัด ดังนั้นเจี้ยนเฉินจึงออกจากตระกูลเทียนฉินด้วยสัตว์อสูรจากเมืองหว่าลู่เหริน
“เจี้ยนเฉินออกจากตระกูลเป็นไปได้ว่าอาจจะมุ่งหน้าไปยังสถานที่ห่างไกล ไปรายงานเรื่องนี้กับผู้อาวุโสหวู่ ยามที่ยืนอยู่ข้างประตูพูดกับอีกคนหนึ่งขณะที่พวกเขาดูเจี้ยนเฉินออกจากบริเวณนั้น
ภายในลานกว้างที่แยกกัน ผู้อาวุโสหวู่และชายอีกคนที่อายุเท่ากัน ในขณะที่เขานั่งด้วยกันที่โต๊ะเดียวกัน
“ผู้อาวุโสหวู่ บ่าวรับใช้ที่ซื่อสัตย์ของท่านมีข่าวที่ต้องรายงาน ! ” ทันใดนั้นมียามคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในลานแล้วตรงไปยังผู้อาวุโสหวู่
เมื่อได้ยินอย่างนี้ดวงตาของผู้เฒ่าก็หรี่ลงเมื่อเขามองยามด้วยท่าทางที่น่ารำคาญ “เจ้าไม่รู้หรือว่ามันเป็นสิ่งต้องห้ามที่จะรบกวนข้าเมื่อข้าเล่นหมากรุกอยู่กับคนอื่น” ผู้อาวุโสพูดด้วยความโกรธ
“ผู้อาวุโสหวู่ นี่เป็นคำสั่งส่วนตัวที่ท่านสั่งให้เราทำเป็นอันดับแรก ท่านบอกให้เรารายงานกับท่านโดยตรงไม่ว่าเวลาใด” ผู้คุ้มกันพูด
ณ จุดนี้ หัวใจของผู้อาวุโสกระตุก เมื่อเขาตะโกนออกไปที่ผู้คุ้มกัน “เจ้าเข้ามาได้” อนุญาตให้ผู้คุ้มกันเข้ามาในลานด้านใน
“ตาเฒ่าหวู่ มีอะไรที่สำคัญมาก? จนไม่สามารถรอให้เกมหมากรุกของเราจบหรือ?” ผู้อาวุโสที่นั่งตรงกันข้ามถาม
“ผู้อาวุโสเหอ ข้ามีเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องทำ เกมหมากรุกคงต้องรอไปก่อน” ผู้อาวุโสหวู่พูดโดยไม่หันมามองขณะที่เขาติดตามผู้คุ้มกันไป
เมื่อเขาออกจากลาน ผู้อาวุโสหวู่หันกลับมามองผู้คุ้มกัน โดยไม่ต้องถาม ผู้คุ้มกันก็ตอบทันทีว่า “ผู้อาวุโสหวู่ เจี้ยนเฉินเพิ่งจากไปโดยมุ่งหน้าไปยังพื้นที่นอกเมือง”
ดวงตาของผู้อาวุโสหวู่เริ่มเปล่งประกาย” เขามุ่งหน้าไปทางใด?”
” ประตูเมืองตะวันออก”