เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2819 – ไม่เกรงกลัวอย่างแท้จริง
ตอนที่ 2819 – ไม่เกรงกลัวอย่างแท้จริง
เมื่อมองไปที่หัวหน้าศาลาที่ห้าที่ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเย็นชาและไร้กังวล คอของอันเล่ยก็ค่อนข้างแห้งผากไปชั่วขณะ
เหตุผลหลักที่เขากล้าพอที่จะมาที่เมืองร้อยเซียน ก็เพราะการตายของเสิ่นหราน ซึ่งการตายของหัวหน้าศาลาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หัวหน้าศาลาเทพที่ห้าของพวกเขาอ่อนแอลงเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่มีความสามารถในการต่อกรกับพวกเขาอีกต่อไป ในความเชื่อของเขา ศาลาเทพที่ห้าอาจจะยอมถอยหลังกลับไปในขณะที่สถานการณ์เป็นเช่นนั้น เมื่อเมืองร้อยเซียนต้องเผชิญกับปัญหาใด ด ๆ ตราบเท่าที่มันไม่ได้ส่งผลเสียต่อผลประโยชน์ของพวกเขาอย่างรุนแรง
กระนั้นเขาไม่เคยคาดหวังว่าศาลาเทพที่ห้าจะเพิกเฉยต่อแนวทางการกระทำตามเหตุผลโดยสิ้นเชิง แม้ว่าฝ่ายของพวกเขาจะเสียเปรียบอย่างมาก แต่เขาไม่เพียงแสดงความตั้งใจที่จะรั้งตัวเองไว้ เท่านั้น แต่เขายังดุร้ายกว่าเดิมแทน เขาตบหน้ารองหัวหน้าศาลาทันทีที่มาถึง
นี่เป็นสิ่งที่น่าอับอายอย่างยิ่ง แม้ว่าจะไม่มีความคับข้องใจระหว่างพวกเขา แต่ความเกลียดชังที่ขมขื่นก็ยังคงเกิดขึ้นจากสิ่งนี้
“เขาเป็นบ้า เขาเป็นบ้า คุนเทียนสูญเสียความคิดของเขาไปแล้ว” อันเล่ยสามารถสาปแช่งภายในเท่านั้น ความถนัดและความหยิ่งผยองที่หัวหน้าศาลาที่ห้าแสดงให้เห็นในตอนนี้ทำให้เขาคิดที่ จะถอยหนี
การตบทำให้รองหัวหน้าศษลา สีหวู่ฉิง ตกตะลึงเช่นกัน เจี้ยนเฉินส่งเขาปลิวไปและเขาลืมที่จะลุกกลับขึ้นมาตอนที่เขาล้มลงบนพื้นจริง ๆ สีหน้าของเขาว่างเปล่าไปหมดโดยยังไม่ฟื้นคืน นสติ
หลังจากนั้น 5 วินาที สีหวู่ฉิงก็ตอบสนองในที่สุด เขายังคงอยู่ในท่าทางเดิมบนพื้นยกเว้นร่างกายของเขาเริ่มสั่นอย่างรุนแรง ดวงตาของเขากลายเป็นสีแดงสดในทันที ตานั้นแดงก่ำ
ในช่วงเวลาต่อมา ความโกรธที่พลุ่งพล่านและความตั้งใจในการฆ่าที่น่าสะพรึงกลัวก็ปะทุออกมาจากเขา เขากระโดดขึ้นจากพื้นอย่างรุนแรงและใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวอย่างน่ากลัว เขาคำรา ามราวกับสัตว์ร้าย “คุนเทียน เจ้ากล้าทำให้ข้าอับอายเช่นนี้ได้อย่างไร ! ข้าจะทำให้เจ้าชดใช้ ! ”
ในเผ่าดาวทมิฬ รองหัวหน้าศาลาเป็นบุคคลที่มีสถานะเป็นที่เคารพนับถือ แม้ว่าจะมีความแตกต่างระหว่างพวกเขากับหัวหน้าศาลา แต่ความแตกต่างนี้ก็ไม่ได้มากอย่างที่เจี้ยนเฉินคิดไว้
อย่าลืมว่าทุกคนคือขั้นอสงไขย พวกเขาทั้งหมดอยู่ในขอบเขตการบ่มเพาะเดียวกันไม่ต้องพูดถึงว่า สีหวู่ฉิง เป็นขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 4 ในตอนนี้
ความแข็งแกร่งแบบนั้นเป็นเพียงการบ่มเพาะระดับที่ต่ำกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับหัวหน้าศาลาเพียงไม่กี่คนที่ยังคงอยู่ชั้นสวรรค์ที่ 5
ตูม !
ทันใดนั้น สีหวู่ฉิงก็ปะทุขึ้นด้วยพลังงานเมื่อความกดดันของขอบเขตตั้งต้นท่วมท้นออกมา ด้วยดวงตาที่แดงก่ำคู่หนึ่ง เขาโจมตีเจี้ยนเฉินโดยตรงเหวี่ยงกระบี่ในมือเข้าหาเจี้ยนเฉินอย่ างเด็ดเดี่ยว
เจี้ยนเฉินยังคงสงบนิ่ง มีเพียงแรงกดดันมหาศาลเท่านั้นที่ปะทุขึ้นอย่างรุนแรงราวกับภูเขาบดขยี้สีหวู่ฉิงอย่างน่ากลัวยิ่งกว่าครั้งที่แล้ว
สีหวู่ฉิงเดินโซซัดโซเซเกือบจะล้มลง สีหน้าของเขาซีดจาง แสงและพลังงานบนกระบี่ที่เขาเหวี่ยงเข้าหาเจี้ยนเฉินก็กระพริบ พลังตัวตนของเจี้ยนเฉินทำให้พลังการโจมตีของเขาลดลงถึงระด ดับต่ำสุดจนทำให้เจี้ยนเฉินสามารถคีบปลายแหลมได้อย่างง่ายดายและสงบนิ่งระหว่างสองนิ้ว
ติ้ง !
หลังจากนั้นก็มีเสียงดังขึ้น เจี้ยนเฉินสะบัดนิ้วเบา ๆ และปลายกระบี่แหลมระหว่างนิ้วของเขาก็เริ่มสั่นอย่างรุนแรงทันทีเหมือนได้รับแรงกระแทกอย่างหนัก ในขณะเดียวกันพลังก็เคลื่อน นผ่านกระบี่ไปถึงมือที่ถือกระบี่ของสีหวู่ฉิง ทำให้แขนขวาของเขาชาทันที
อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินไม่มีแผนที่จะปล่อยสีหวู่ฉิงไปแบบนี้ เขาพูดอย่างเย็นชา “เจ้าเป็นแค่รองหัวหน้าศาลา แล้วเจ้ากล้าเรียกชื่อหัวหน้าศาลาคนนี้โดยตรงได้อย่างไร ! เจ้าสมควรถูกลง งโทษเพราะไม่เชื่อฟัง ! ” ในขณะที่เขาพูดอย่างนั้น เขาก็เข้าใกล้สีหวู่ฉิงด้วยการก้าวเท้าและหยุดยั้งเขาด้วยพลังตัวตนของเขา ก่อนที่จะตบหน้า สีหวู่ฉิงอีกครั้งและส่งเขาปลิวไปอีก ก
คราวนี้เขาตบใบหน้าอีกครึ่งหนึ่งของสีหวู่ฉิง พลังอันยิ่งใหญ่ไม่เพียงแต่ทำให้ใบหน้าของสีหวู่ฉิงกลายเป็นเยื่อกระดาษชุ่มเลือด แต่ยังมีรอยแตกในกะโหลกของเขาด้วย
สีหวู่ฉิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขาเงยหน้าขึ้นและคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวราวกับสัตว์ร้ายที่ต้องการตอบโต้ อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินมีพลังมากกว่าที่เขาคิดไว้มาก เมื่อเทียบกับ เจี้ยนเฉิน ไม่เพียงแต่เขาไม่มีปัญญาที่จะโต้กลับ แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งในชั้นสวรรค์ที่ 4 ของขั้นอสงไขย แต่เขาก็ไม่สามารถแม้แต่จะหลบได้หลังจากถูกกำหราบ
“ข้าเป็นเอาเมืองร้อยเซียนกลับคืนมาจากเก็ตตี้ มีเพียงข้าเท่านั้นที่สามารถตัดสินชะตากรรมของเมืองร้อยเซียน ศาลาเทพอื่น ๆ ไม่มีสิทธิ์ในเรื่องนี้ ในฐานะรองหัวหน้าศาลาเทพที่หก ไม่เพียงแต่เข้ามาที่ดินแดนของข้าเพื่อโอ้อวดอำนาจของเจ้า แต่เจ้ายังพูดถึงข้าอย่างไม่สบอารมณ์ เจ้าไม่สามารถให้อภัยได้ ! ” เจี้ยนเฉินกล่าวอย่างเย็นชา เขามาถึงตรงหน้าสีหวู่ฉิงในพ พริบตาและกระทืบลงบนหลังของเขาอย่างหนักก่อนที่สีหวู่ฉิงจะลุกขึ้นไป
เสียงกระดูกแตกดังออกมา เจี้ยนเฉินได้ทำลายกระดูกสันหลังของสีหวู่ฉิงด้วยเท้าของเขาลามไปถึงซี่โครงของเขา โดยพื้นฐานแล้วกระดูกทั้งหมดในครึ่งบนของสีหวู่ฉิงถูกบดขยี้ อวัยวะขอ องเขาแตกเป็นชิ้น ๆ
สีหวู่ฉิงส่งเสียงฮึดฮัดและไอออกมาเป็นเลือดจำนวนมากพร้อมกับชิ้นส่วนอวัยวะ
คราวนี้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างแท้จริง !
“คุนเทียน จะ เจ้ากล้าทำกับข้าแบบนี้ได้ยังไง” สีหวู่ฉิงกระอักเลือดออกมาสองสามครั้งขณะที่เขาพูดเสียงแหบ ตอนนี้ใบหน้าของเขากลายเป็นสีขาวซีดและผมของเขายุ่งเหยิง ท่าทางที่น่ าประทับใจของเขาเมื่อก่อนหน้านี้หายไปนานแล้ว
“นับประสาอะไรกับเจ้า แม้แต่หัวหน้าศาลาที่หกของเจ้ามาและกล้าที่จะยั่วโมโหข้า ข้าก็จะทุบตีเขาให้แหลกละเอียด” เจี้ยนเฉินพูดอย่างเย็นชาและเปล่งประกายด้วยความไม่เกรงกลัว หลังจากนั นเขาคว้าสีหวู่ฉิงราวกับสิ่งของขึ้นมาจากพื้นและเหวี่ยงเขาออกจากเมืองร้อยเซียนโดยตรง “ จำไว้ว่าเมืองร้อยเซียนเป็นสถานที่ที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของข้า หากไม่ได้รับอนุญาตจา ากข้าก็ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้สร้างปัญหาที่นี่ ข้าจะไม่ไว้ชีวิตใครที่ทำแบบนั้น”
นอกเมืองร้อยเซียน สีหวู่ฉิงซึ่งถูกบดขยี้ราวกับแพนเค้กได้กระแทกพื้นด้วยรูปลักษณ์ที่น่ากลัวอย่างยิ่ง เนื่องจากถูกเหวี่ยงออกไปด้วยความเร็วมากเกินไป เขาจึงไถลไปตามพื้นเป็นระยะท ทางหลายกิโลเมตรก่อนที่จะหยุดในที่สุด มีเลือดพุ่งออกจากปากของเขาทันที
กระดูกสันหลังของเขาถูกบดขยี้ กระดูกของเขาในครึ่งบนของร่างกายแทบไม่มีที่ไม่แตก หากไม่มีกระดูกรองรับ เขาก็ไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ในทันที ดังนั้นสิ่งที่เขาทำได้คือนอนลงบนพื้ นและกินยาฟื้นฟูสองสามเม็ดที่เขามีในแหวนมิติเพื่อรักษา
“คุนเทียน -” เขาส่งเสียงร้องโหยหวนราวกับสัตว์ร้ายในขณะที่ความเกลียดชังและความตั้งใจในการฆ่าของเขาเพิ่มขึ้นจนถึงขีดจำกัด เขาพักอยู่ครู่หนึ่งจนกระทั่งกระดูกสันหลังที่แตกของเขา เริ่มประสานกันก่อนที่จะบินขึ้นไปในอากาศทันทีและถอยห่างออกไปจากที่นี่
ในโถงศักดิ์สิทธิ์แพนธีออน หลังจากที่ได้เห็นว่าเจี้ยนเฉินทำร้ายสีหวู่ฉิงด้วยตัวเอง หัวใจของอันเล่ยก็เย็นยะเยือกทันที เขาพบว่าเขายังคงประเมินความบ้าคลั่งของหัวหน้าศาลาที่ห้ าต่ำไป ในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเขาได้ทำให้รองหัวหน้าศาลาให้อยู่ในสภาพที่น่าสมเพชและน่าอับอายในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อาการหนาวสั่นถึงกับเริ่มวิ่งลงไขสันหลังของเขา
นี่เป็นเพราะไม่มีอะไรเช่นนี้เคยเกิดขึ้นกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นของเผ่าดาวทมิฬตลอดประวัติศาสตร์ที่พวกเขารู้กันมา
ในขณะนี้ เจี้ยนเฉินจ้องมองไปที่อันเล่ย มันเฉียบคมมากในขณะที่เขาพูดอย่างเย็นชาว่า “อันเล่ย เจ้ามาสร้างปัญหาในดินแดนภายใต้การคุ้มครองของข้าด้วยหรือ ? ”
“ไม่ไม่ไม่ ท่านเข้าใจผิด ท่านหัวหน้าศาลา ข้ามาที่เมืองร้อยเซียนเพียงเพื่อแลกเปลี่ยนเหรียญผลึกกับองค์กรที่นี่ เนื่องจากตอนนี้ท่านอยู่ที่นี่แล้ว ท่านหัวหน้าศาลา ข้าก็จะขอลา” เมื่อต้องเผชิญกับคำถามที่เย็นชาของเจี้ยนเฉิน อันเล่ยจึงเลือกที่จะยอมแพ้โดยไม่ลังเลเลย ด้วยตัวอย่างที่เขาเห็นจากสีหวู่ฉิง ทำไมเขาถึงยังพยายามรักษาหน้าของเขาไว้อีก ?