เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2836 : การล่า
ตอนที่ 2836 : การล่า
การล่านี้คงอยู่กว่า 7 วัน ระหว่าง 7 วันนี้มีสัตว์อสูรกลืนชีวิตระดับราชาเทพตายไปนับไม่ถ้วน ตลอดหลายวันมานี้คือยุคทมิฬของภูเขาโลกาแฝดตั้งแต่ที่มันถูกสร้างขึ้นมา เพราะภูเข ขาโลกาแฝดไม่เคยสูญเสียสัตว์อสูรกลืนชีวิตมากขนาดนี้ตลอดหลายปีที่มันก่อตั้งขึ้นมา และพวกนี้ต่างก็เป็นสัตว์อสูรกลืนชีวิตระดับราชาเทพ
หลังจากที่ผ่านการล่ามาหลายวัน สุดท้ายมันก็ยากที่ยอดฝีมือของศาลาเทพทั้งสิบจะหาสัตว์อสูรกลืนชีวิตระดับราชาเทพเจอ
ตอนที่พวกเขาเข้ามาในภูเขาโลกาแฝดตอนแรกและขยายการรับรู้ขอบเขตตั้งต้นออกไป พวกเขาก็มักจะพบสัตว์อสูรกลืนชีวิตอยู่หลายตัวในระยะการรับรู้ของพวกเขา แม้ว่าระยะการรับรู้จะลดลงเ เพราะการจำกัดของที่นี่
แต่ตอนนี้พวกเขาต้องใช้เวลาไปมากว่าเดิมและเดินทางไกลกว่าเดิมก่อนที่จะพบกับสัตว์อสูรกลืนชีวิตระดับราชาเทพ
มันราวกับว่าสัตว์อสูรกลืนชีวิตระดับราชาเทพในภูเขาโลกาแฝดนั้นถูกล่าจนสูญพันธุ์ไปแล้วในเวลาไม่นานมานี้
ตอนนั้นเองก็มีเสียงร้องดังออกมาจากส่วนลึกของภูเขาโลกาแฝด มันคือเสียงของจักรพรรดิดาวทมิฬและเสียงคำรามอันหงุดหงิดของยอดฝีมือขั้นบรรพกาล คลื่นเสียงอันน่ากลัวนี้มีพลังแทงทะ ะลุที่สูง มันดังไปทั่วภูเขาโลกาแฝด
เมื่อได้ยินเสียงของจักรพรรดิดาวทมิฬ เหล่ายอดฝีมือขั้นอสงไขยในส่วนต่าง ๆ ก็พากันหยุดมือก่อนที่จะรีบบินออกไปโดยเร็วที่สุด พวกเขาไม่ได้ลังเลหรือสงสัยเลยแม้แต่น้อย
“จักรพรรดิดาวทมิฬได้สั่งการให้ถอย ดูเหมือนว่าเขาใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว การควบคุมสัตว์อสูรกลืนชีวิตขอบเขตตั้งต้นได้จำนวนมากนานแบบนี้ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ฟื้นฟูพลังขึ้นมาเต็มที่ จัก กรพรรดิดาวทมิฬผู้นี้น่าประทับใจจริง ๆ ” เจี้ยนเฉินมองไปทางจักรพรรดิดาวทมิฬก่อนที่จะถอยกลับไป
ส่วนลึกของภูเขาโลกาแฝดนั้นปกคลุมไปด้วยหมอกหนา ภูมิประเทศเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่องซึ่งทำให้หลงทางได้ง่าย
แต่สำหรับเผ่าดาวทมิฬแล้ว โลกดาวทมิฬนั้นจะมีแสงนำทางพวกเขาอยู่ ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงของภูมิประเทศที่น่าตกใจแค่ไหน แต่พวกเขาก็ไม่มีทางหลง
เจี้ยนเฉินไม่ใช่สมาชิกของเผ่าดาวทมิฬ ดังนั้นเขาจึงไม่อาจจะรับรู้ถึงโลกดาวทมิฬได้ แต่เขาได้ทิ้งตราประทับไว้ด้านนอกมานานแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลว่าจะหาทางออกไปไม่ได้
ยอดฝีมือขอบเขตตั้งต้นเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาเดินทางได้พันกิโลเมตรในทันที ผลก็คือในเวลาแค่ 2 ชั่วยาม หัวหน้าศาลาและรองหัวหน้าศาลาทุกคนในภูเขาโลกาแฝดก็ถอนตัวออก มาจากที่นั่นเข้าไปถึงอาณาเขตของเผ่าดาวทมิฬ
“มันนานมากแล้วตั้งแต่ที่เผ่าของเราได้ปฏิบัติการครั้งใหญ่แบบนี้ ครั้งนี้แน่นอนว่าเราคคงฆ่าสัตว์อสูรกลืนชีวิตระดับราชาเทพทั้งหมดในภูเขาโลกาแฝดไป…”
“ใช่ แม้ว่าจะมีบางตัวหนีไปได้แต่มันก็ไม่ได้มีความหมายอะไรมากนัก ถึงอย่างนั้นข้าก็รู้สึกเหมือนกับว่าการที่เราฆ่าสัตว์อสูรกลืนชีวิตระดับราชาเทพไปนี้ มันดูเกินไปหน่อย …”
“เราทำอะไรเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะความแข็งแกร่งที่จำกัดของเรานั้น มันจึงใช้ความพยายามอย่างมากที่คนนอกจะฆ่าสัตว์อสูรกลืนชีวิตสักตัว หากเราต้องพึ่งพวกนั้น ใครจะไปรู้ว่าต้อง งใช้เวลานานแค่ไหนกว่าที่จะล่าสัตว์อสูรกลืนชีวิตได้ครบ สำหรับราชาเทพของเผ่าเราแล้ว พวกนั้นได้กลายเป็นอาหารของสัตว์อสูรกลืนชีวิตทันทีเมื่อความแข็งแกร่งถูกยับยั้ง ผลก็คื อทางเดียวที่เราจะล่าสัตว์อสูรกลืนชีวิตระดับราชาเทพได้จำนวนมากในเวลาอันสั้นก็คือเราต้องจัดการด้วยตัวเอง….”
ยอดฝีมือขอบเขตตั้งต้นพากันพูดคุยกัน หลายคนหายใจหอบ ยอดฝีมือขอบเขตตั้งต้นที่อ่อนแอบางคนอย่าง ปิงหยวนถึงกับหน้าซีดไปเล็กน้อย
7 วันของการล่านี้ส่งผลต่อพวกเขาต่างกันไป ยิ่งอ่อนแอเท่าไหร่ก็ยิ่งเหนื่อยล้าเท่านั้น
มีแรงกดดันมหาศาลพุ่งมาหาพวกเขาจากภูเขาโลกาแฝด จักรพรรดิดาวทมิฬเป็นคนสุดท้ายที่โผล่ออกมา ผมของเขายุ่งเหยิง ใบหน้าของเขาแสดงท่าทีอ่อนล้าออกมา เสื้อผ้าหลายส่วนขาดหลุดลุ่ย เ เขาเหมือนจะดูอยู่ในสภาพน่าอนาถ
แต่เขาไม่ได้บาดเจ็บแต่อย่างใด
แม้ว่าทุกคนจะออกมาจากภูเขาโลกาแฝดแล้ว แต่ภูเขาโลกาแฝดก็ไม่ได้สงบลง สัตว์อสูรกลืนชีวิตพบว่าพวกมันตายไปจำนวนมาก ดังนั้นพวกมันจึงคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้นจนทำให้ภูเขานั นสั่นสะเทือน พวกมันวิ่งพร่านไปทั่วส่วนลึกและมารวมตัวกันที่ริมอาณาเขตภูเขาโลกาแฝด สายตาของพวกมันส่องประกายภายในหมอกหนาซึ่งแสดงให้เห็นถึงความโกรธแค้นและหงุดหงิด
แต่พวกมันเหมือนจะกลัวบางอย่างและไม่กล้าจะออกมาจากอาณาเขตภูเขาโลกาแฝด
“สัตว์อสูรสกปรกพวกนี้ไม่ได้โง่ พวกมันรู้ว่าไม่ควรก้าวเท้าเข้ามาในอาณาเขตของเรา” เสียงของหัวหน้าศาลาคนหนึ่งดังขึ้น เขาไม่ได้กลัวสัตว์อสูรกลืนชีวิตอีกต่อไปหลังจากที่ออก มาจากภูเขาโลกาแฝดแล้ว
“ฮึ่ม หากเราเข้าไปในภูเขาโลกาแฝด เขาก็จะถูกยับยั้งโดยจิตของจอมปราชญ์สูงสุดแห่งจิตวิญญาณไม้ แต่หากพวกนั้นกล้าเข้ามาในอาณาเขตของเรา พวกนั้นก็จะได้รับการยับยั้งโดยจิตของ งบรรพชนของเรา ไม่ใช่แค่ความแข็งแกร่งที่จำกัด แต่การฟื้นฟูบาดแผลเองก็ยากขึ้นไปด้วย จากนั้นการฆ่าสัตว์อสูรสกปรกพวกนั้นก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับเรา” หัวหน้าศาลาอีกคนพูดขึ้นมา ใบหน้าเขาแสดงท่าทียั่วยุออกมา
โลกดาวทมิฬและภูเขาโลกาแฝดนั้นควรตจะบอกว่าเป็นอาณาเขตที่จอมปราชญ์สูงสุดของทั้งสองเผ่าสร้างขึ้นมาในอดีตในพื้นที่ที่ต่างกัน สมาขิกของทั้งสองฝ่ายจะถูกยับยั้งความแข็งแกร่ง เอาไว้เมื่อก้าวเท้าเข้ามมาในอาณาเขตของอีกฝ่าย
“หากไม่ได้มีคนอย่างจักรพรรดิดาวทมิฬ เผ่าดาวทมิฬในตอนนี้คงไม่อาจจะเข้าไปในภูเขาโลกาแฝดและฆ่าสัตว์อสูรกลืนชีวิตระดับราชาเทพไปได้มากมายแบบนี้” เจี้ยนเฉินเห็นถึงปัญหาสำคัญ เขาพบว่าจำนวนสัตว์อสูรกลืนชีวิตขอบเขตตั้งต้นในภูเขาโลกาแฝดนั้นมีพอ ๆ กับยอดฝีมือขอบเขตตั้งต้นของเผ่าดาวทมิฬ แม้ว่าจะต่างกันอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร
มันไม่ใช่แค่เรื่องปริมาณแต่รวมถึงความแข็งแกร่งด้วย เผ่าดาวทมิฬนั้นมียอดฝีมือขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 9 อย่างจักรพรรดิดาวทมิฬ ส่วนภูเขาโลกาแฝดนั้นเองก็มีสัตว์อสูรกลืนชีวิ ตขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 9 เช่นกัน
ทั้งสองฝ่ายเหมือนจะรักษาสมดุลกันไว้อยู่แต่ก็มีบางด้านที่ขี่กันอยู่
เหตุผลว่าทำไมสมดุลนี้ถึงพังลงก็เพราะจักรพรรดิดาวทมิฬแข็งแกร่งเกินไป แม้ว่าจะเป็นขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 9 แต่เขาก็สรามารถเข้าไปในส่วนลึกของภูเขาโลกาแฝดได้และถึงกับรับ บมือกับสัตว์อสูรกลืนชีวิตขอบเขตตั้งต้นได้เพียงลำพัง
สัตว์อสูรกลืนชีวิตขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 9 นั้นไม่อาจจะทำอะไรจักรพรรดิดาวทมิฬได้
แต่ก็คล้ายกัน จักรพรรดิดาวทมิฬรู้ดีว่าไม่มีพลังเพียงพอจะฆ่าสัตว์อสูรกลืนชีวิตขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 9 ได้ในภูเขาโลกาแฝด !
สำหรับเจี้ยนเฉินแล้ว สถานการณ์ของทั้งสองฝ่ายในตอนนี้เหมือนกับภาคต่อการล้างแค้นของจอมปราชญ์สูงสุดแห่งจิตวิญญาณไม้กับจอมปราชญ์สูงสุดของเผ่าดาวทมิฬ
“นับศพสัตว์อสูรกลืนชีวิตและดูว่าเพียงพอสำหรับพิธีหรือไม่” จักรพรรดิดาวทมิฬพูดขึ้นมา ตอนนี้เขาเหมือนจะกลายเป็นวังวนที่ดูดแก่นของโลกไป พลังงานโดยรอบนั้นหายไปอย่างรวดเร็วเ เพื่อฟื้นฟูพลังให้กับเขาจนสุดท้ายพลังของเขาก็ขึ้นมาถึงระดับที่ขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 9 ควรจะมี
ในสายตาของเจี้ยนเฉิน อัตราการฟื้นฟูที่เร็วแบบนี้ควรจะมีแค่ขั้นบรรพกาลเท่านั้นที่จะมีได้