เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2837 : ความกลัว
ตอนที่ 2837 : ความกลัว
หลังจากนั้นทุกคนก็ได้เริ่มเอาสัตว์อสูรกลืนชีวิตในแหวนมิติของตนมารวมกัน หลังจากที่นับดูแล้วก็พบว่ายอดฝีมือขอบเขตตั้งต้นของเผ่าดาวทมิฬได้ฆ่าสัตว์อสูรกลืนชีวิตระดับราชาเทพไปกว่า 50,000 ตัวใน 7 วันมานี้
โดยเฉลี่ยแล้วทุกคนจะฆ่าไปกว่าพันตัว
แน่นอนว่านี่แค่เฉลี่ย อันที่จริงแล้วหัวหน้าศาลาฆ่าไปมากที่สุด ไม่ใช่แค่พวกเขาที่แข็งแกร่งที่สุดแต่การรับรู้ก็กว้างที่สุดด้วย พวกเขาได้เปรียบอย่างมากในการค้นหาเพื่อไล่ล่า
คนอื่น ๆ อย่างรองหัวหน้าศาลา เช่น ปิงหยวนที่เป็นขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 1 นั้นชัดแล้วว่าล่าสัตว์อสูรกลืนชีวิตได้น้อยกว่า
อันที่จริงมีรองหัวหน้าศาลาหลายคนที่ไม่ได้แข็งแกร่งกว่าสัตว์อสูรกลืนชีวิตหลังจากที่ถูกภูเขาโลกาแฝดยับยั้งเอาไว้ หลังจากที่ต่อสู้มา 7 วัน พวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บกลับมาแต่ไม่ได้หนักหนานัก
พลังชีวิตพวกเขาถึงกับถูกกินไปเล็กน้อยด้วย
“กว่าห้าหมื่นตัว เพียงพอแล้ว…” จักรพรรดิดาวทมิฬคิดก่อนที่จะพาทุกคนกลับไปยังเมืองหลวง
ทันทีที่พวกเขากลับไปยังเมืองหลวง หัวหน้าศาลาและรองหัวหน้าศาลาทุกคนรวมไปถึง จักรพรรดิดาวทมิฬ ก็ได้เข้าเก็บตัวทันที
ระหว่างการไล่ล่า 7 วันนี้พวกเขาไม่อาจจะฟื้นฟูพลังงานได้ซึ่งมันเป็นการใช้พลังงานในตัวพวกเขาไปอย่างมาก ตอนนี้พวกเขาคิดจะฟื้นฟูตัวเองให้เต็มที่
แต่หลังจากที่พวกเขากลับออกมาแล้ว ภูเขาโลกาแฝดก็ไม่ได้สงบลง บางทีเพราะการที่เสียสัตว์อสูรกลืนชีวิตระดับราชาเทพไปจำนวนมากในครั้งนี้ ทำให้สัตว์อสูรกลืนชีวิตขอบเขตตั้งต้นของภูเขาโลกาแฝดได้มารวมตัวกันที่ชายแดนของโลกดาวทมิฬและไม่คิดที่จะกลับไป ร่างขนาดใหญ่นหมอกของพวกนั้นได้คำรามออกมาด้วยความหงุดหงิดและสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนภายนอกรวมถึงคนของเผ่าดาวทมิฬ ราวกับพวกเขาจะกลัวว่าสัตว์อสูรกลืนชีวิตเหล่านั้นจะพุ่งออกมาฆ่าพวกเขา
เรื่องนี้ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมาในโลกดาวทมิฬ สมาชิกเผ่าดาวทมิฬที่ไม่รู้ถึงเหตุผลเบื้องหลังเรื่องนี้ได้รายงานเรื่องนี้ไปยังหัวหน้าศาลาทั้งสิบ
ผ่านไป 7 วัน สุดท้ายสัตว์อสูรกลืนชีวิตขอบเขตตั้งต้นที่ชายแดนก็แยกย้ายกันไป ไม่นานภูเขาโลกาแฝดก็กลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้ง
แต่ในวันต่อมาหลังจากที่ทุกอย่างสงบลง ยอดฝีมือสูงสุดของเผ่าดาวทมิฬอย่างจักรพรรดิดาวทมิฬ ก็ได้แอบเข้าไปในส่วนลึกพร้อมกับปกปิดคลื่นพลังของตัวเองเอาไว้
ไม่นานก็เกิดเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นมาจากส่วนลึก เสียงนี้เต็มไปด้วยความสิ้นหวังและกลัว มันราวกับเสียงร้องก่อนที่จะตาย
สิ่งที่ตามเสียงคำรามนี้มาคือพลังของเผ่าดาวทมิฬที่ขยายตัวออกไปทั่วภูเขาโลกาแฝดอย่างรวดเร็วปกคลุมทุกที่ไว้ในพริบตา
ทันใดนั้นเองภูเขาโลกาแฝดก็เข้าสู่ความวุ่นวายอีกครั้ง สัตว์อสูรกลืนชีวิตขอบเขตตั้งต้นที่ซ่อนตัวอยู่ได้คำรามออกมาด้วยความโกรธ พวกมันแห่มารวมตัวกันจากทุกทิศทาง
แต่ตอนที่ไปถึงที่เกิดเหตุ เจ้าของอาณาเขตก็ได้หายตัวไปแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่ก็แค่เลือดสีเขียวที่เปื้อนพื้นดิน
….
….
เพราะพิธีที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ทั้งเผ่าดาวทมิฬจึงยุ่งยิ่งกว่าเก่า คนที่มีการรับรู้เฉียบคมนั้นถึงกับรับรู้ถึงบรรยากาศอันตึงเครียดที่ปกคลุมไปทั่วเมืองหลวง
พิธีนี้ต้องเตรียมการมากมายและโถงศักดิ์สิทธิ์ดาวทมิฬก็ได้ส่งคนไปจัดการเรื่องนี้โดยเฉพาะ นี่รวมไปถึงการสร้างลาน เตรียมการบูชายัญและอื่น ๆ เรื่องเหล่านี้ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ต้องให้ศาลาทั้งสิบเข้ามายุ่งเกี่ยว
สัตว์อสูรกลืนชีวิตระดับราชาเทพหลายหมื่นตัวได้ถูกนำตัวออกมา ทุกคนวางแผนที่จะใช้พิธีนี้จัดการมันมันไม่ใช่แค่นั้น แม้แต่แก่นเลือดสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ที่ให้กับศาลาทั้งสิบและเมืองต่าง ๆ ในเผ่าดาวทมิฬก็ถูกเก็บกลับมาภายใต้คำสั่งของจักพรรดิดาวทมิฬเพื่อใช้ในพิธีด้วย
เมืองร้อยเซียนและคนนอกทุกคนต่างก็ถูกจับตาดูโดยคนของเผ่าดาวทมิฬ ในหมู่กองทัพทั้งสิบของเผ่าดาวทมิฬแล้ว หนึ่งในนั้นได้ประจำการอยู่ในเมืองร้อยเซียนโดยห้ามไม่ให้ใครออกมาจากเมือง
ครั้งนี้ในฐานะผู้พิทักษ์เมืองร้อยเซียน หัวหน้าศาลาที่ห้าไม่อาจจะช่วยอะไรพวกนี้ได้เพราะนี่เป็นคำสั่งจากจักพรรดิดาวทมิฬเอง
ชัดแล้วว่าถึงแม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่เมืองร้อยเซียนและความแข็งแกร่งอันน้อยนิดจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับพิธีได้ในสายตาจักรพรรดิดาวทมิฬ แต่พิธีนี้สำคัญอย่างมาก เขาไม่อาจจะปล่อยให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นได้ระหว่างพิธี จักพรรดิดาวทมิฬทำแบบนี้ก็เพื่อกำจัดปัญหาทั้งหมดที่อาจจะเกิดขึ้นได้
นอกจากเมืองร้อยเซียนแล้ว คนนอกทั้งหมดในโลกดาวทมิฬก็ถูกขังไว้ในเมืองต่าง ๆ เผ่าดาวทมิฬเหมือนกับกักขังพวกนั้นไว้ จากนี้ไปจนกว่าพิธีจะจบลง ห้ามไม่ให้คนนอกออกจากเมืองที่ตนอยู่
และเผ่าดาวทมิฬถึงกับส่งราชาเทพเป็นทีมลาดตระเวนเพื่อจับตาดูอาณาเขตทั้งหมดในโลกดาวทมิฬ ทันทีที่พวกเขาพบกับคนนอกในป่า พวกเขาจะจับพวกนั้นไปขังไว้ในเมืองใกล้ ๆ ใครก็ตามที่ไม่ให้ความร่วมมือจะถูกกำจัดอย่างไร้ปราณี
การกระทำของเผ่าดาวทมิฬทำให้คนนอกต้องกลัว แม้ว่าคนนอกที่อยู่ในเมืองจะไปไหนมาไหนก็ได้ภายในเมืองแต่ไม่มีใครที่สบายใจเลย พวกเขาอึดอัดใจและไม่มั่นใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเผ่าดาวทมิฬ
แม้แต่คนนอกที่รอบรู้ก็ยังยากที่จะหาความสงบอยู่ได้เมื่อรู้ว่าเผ่าดาวทมิฬนั้นกำลังเตรียมตัวสำหรับพิธีครั้งใหญ่ พวกนี้ไม่มั่นใจว่าเผ่าดาวทมิฬจะจับตัวพวกเขาเพื่อกันไม่ให้พวกเขาสร้างปัญหารึเหตุผลอื่น ๆ
“ ข้าได้ยินว่าผู้บ่มเพาะปิศาจของโลกเซียนมักจะมาฆ่าสิ่งมีชีวิตจำนวนมากตอนทีจัดพิธีการ...”
“ แน่นอนว่าเผ่าดาวทมิฬคงไม่ได้ขังเราไว้ในเมืองเพื่อที่จะบูชายัญเรา…”
….
เมื่อมีข่าวลือมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมกับการกระทำต่าง ๆ ที่เผ่าดาวทมิฬใช้ในการกักขังพวกเขา มันก็ทำให้ผู้คนเชื่อยิ่งกว่าเดิมว่าเผ่าดาวทมิฬคิดจะบูชายัญพวกเขา
เรื่องนี้ทำให้คนนอกต่างก็พากันสลด พวกเขารู้สึกว่าตัวเองจบเห่แล้ว
แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมรับโชคชะตา อย่างที่บอกไป ความสิ้นหวังนั้นนำไปสู่การต้านทาน หลังจากที่เผ่าดาวทมิฬได้ขังพวกเขาไว้ราวกับคนร้าย มันก็เริ่มมีคนนอกจับกลุ่มกันและเตรียมตัวที่จะตอบโต้
เรื่องนี้ทำให้เจ้าเมืองหลายคนต้องปวดหัว คนนอกส่วนมากไม่ได้แข็งแกร่งนัก มันมีราชาเทพไม่กี่คน แต่รวม ๆ กันแล้วก็ถือว่ามีจำนวนมาก แม้ว่าจะจับกลุ่มรวมกันแต่ก็ไม่อาจจะเป็นภัยต่อกองกำลังที่ดูแลเมืองได้ แต่นั่นก็ยังทำให้เกิดปัญหา
ปกติแล้วเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ไม่ได้เป็นปัญหาเลยแม้แต่น้อย พวกนั้นถูกจัดการได้อย่างง่ายดายแต่ด้วยพิธีการที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ และช่วงเวลที่อ่อนไหวนี้ได้ทำให้ความไม่แน่นอนอื่น ๆ เริ่มขยายตัวมากขึ้น
“จักรพรรดิได้สั่งการให้ฆ่าคนนอกที่ไม่อยู่ในเมือง หากไม่ใช่เพราะแบบนั้นมันคงยากที่จะฆ่าคนนอกทั้งหมดและทำแบบอย่างให้คนอื่นได้เห็น” เจ้าเมืองหลายคนจากเมือง 36 เมืองของเผ่าดาวทมิฬถอนหายใจออกมา
หัวหน้าศาลาที่เจ็ดซึ่งรับผิดชอบจัดการกับเรื่องกิจการทั้งหมดในเผ่าโดยไม่สนเรื่องขนาดและความสำคัญ ชัดเจนแล้วว่าก็รู้สถานการณ์ที่คนนอกเริ่มอยู่เหนือการควบคุม หัวหน้าศาลาที่เจ็ดถึงกับได้ไปหาจักรพรรดิดาวทมิฬและเสนอว่าจะฆ่าคนนอกทั้งหมดและกำจัดความเป็นไปได้ของปัญหาต่าง ๆ
“เก็ตตี้ เราไม่อาจจะฆ่าคนนอกได้ พวกนั้นยังมีประโยชน์ต่อเรา เหตุผลว่าทำไมพวกนั้นอึดอัดก็เพราะพวกนั้นกังวลว่าเราจะบูชายัญชีวิตของพวกนั้น เจ้าส่งต่อคำพูดของข้าออกไปให้กับคนนอก ข้า จักรพรรดิของเผ่าดาวทมิฬรับปากกับทุกคนว่าเราเผ่าดาวทมิฬนั้นจะไม่แตะต้องชีวิตใคร ทุกคนจะรอดออกไปจากที่นี่” เสียงที่ราบเรียบแต่สูงส่งของจักรพรรดิดาวทมิฬดังออกมา