เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2838 : การจัดการต่าง ๆ
ตอนที่ 2838 : การจัดการต่าง ๆ
“พะยะค่ะ ฝ่าบาท ! ” เก็ตตี้ตอบกลับด้วยคามสุภาพก่อนจะสั่งการคำสั่งของจักรพรรดิดาวทมิฬ ออกไป
แม้ว่าท่าทีของเผ่าดาวทมิฬที่มีต่อคนนอกจะทำให้เก็ตตี้สงสัย แต่จักรพรรดิดาวทมิฬก็มีสิทธิสูงสุดในเผ่า ตราบใดที่จักรพรรดิดาวทมิฬสั่งการออกมา งั้นก็ไม่มีใครตั้งคำถามรึปฏิเสธได ด้ แม้ว่าพวกเขาจะเชื่อว่าคำสั่งของ จักรพรรดิดาวทมิฬนั้นผิด แต่พวกเขาก็ยังต้องทำตาม
แต่เมื่อคำสั่งที่เหมือนกับคำรับปากของ จักรพรรดิดาวทมิฬ ได้กระจายออกไปโดยศาลาเทพที่เจ็ดสู่คนนอก คนนอกที่กังวลและอึดอัดกลับพากันสงบลงทันที แม้แต่การต่อต้านเองก็ถูกยกเล ลิกไปด้วย
มันมีคนนอกไม่มากนักที่สงสัยในคำพูดของจักรพรรดิดาวทมิฬ แม้ว่าจะไม่มีใครได้พบกับจักรพรรดิดาวทมิฬเป็นการส่วนตัว แต่หลายคนก็ยังเชื่อใจจักรพรรดิดาวทมิฬจากชื่อเสียงที่เขามี
“งั้นมันก็แค่ข่าวลือเหมือนที่ข้าบอกไป จักรพรรดิดาวทมิฬไม่ทำอะไรเราหรอก พวกเขาไม่กล้าพอที่จะทำอันตรายกับเรา ยังไงซะเราก็เป็นตัวแทนขององค์กรในโลกเซียน หากจักรพรรดิดาวทมิฬ ฬฆ่าเราจริง ๆ งั้นคนของโลกเราต้องลงมือและกำจัดเผ่าดาวทมิฬแน่….”
“ถูกต้องแล้ว หากคนในตระกูลเราที่โลกเซียนลงมือ เผ่าดาวทมิฬคงไม่มีหวังที่จะรอด เผ่าดาวสทมิฬนั้นคุกคามเมืองร้อยเซียนจนถึงขีดจำกัดแล้ว ยังไงซะเมืองร้อยเซียนก็มีองค์กรแค่ไม ม่กี่สิบแห่งจากโลกเซียน แต่เบื้องหลังเรานั้นมีนิกายและองค์กรอยู่นับไม่ถ้วน….”
คำพูดคล้าย ๆ กันนี้เกิดขึ้นไปทั่ว โดยทั่วไปแล้วเมื่อไหร่ก็ตามที่คนนอกพูดถึงเหล่าอัจฉริยะ สีหน้าของพวกเขาจะแสดงความภูมิใจออกมา ตอนที่มองไปยังสมาชิกเผ่าดาวทมิฬ สายตาของพวกเขา าก็แสดงความไม่พอใจออกมาในหมู่คนนอกเหล่านี้แล้ว มันมีคนจำนวนมากที่มีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่ในโลกเซียน แม้ว่าองค์กรเบื้องหลังพวกเขาจะไม่ได้ยิ่งใหญ่เท่ากับพวกที่อยู่ในเมืองร้อยเซ ซียน แต่มันก็ยังมีองค์กรจำนวนมากที่มีอัครสูงสุด
มันมีไม่กี่คนที่มีภูมิหลังทัดเทียมกับพวกในเมืองร้อยเซียนได้หรืออาจจะเหนือกว่าพวกนั้น
แต่องค์กรเหล่านั้นไม่ได้เข้าร่วมในการสร้างเมืองร้อยเซียน ดังนั้นชัดเจนแล้วว่าพวกเขาจึงไม่ได้เป็นพันธมิตรกับองค์กรที่อยู่เบื้องหลังเมือง พวกเขาถือว่าไร้สังกัดในโลกดาวทมิฬ
ผลก็คือพวกเขาจึงไม่เป็นที่รู้จักในหมู่ผู้บ่มเพาะส่วนมากในโลกเซียน พวกเขาถือว่าปกปิดตัวเองมานานในหมู่ผู้คน
“พวกนั้นไม่แตะต้องเรา แล้วยังรับรองว่าเราจะรอดไปจากที่นี่ด้วยรึ ? จักรพรรดิดาวทมิฬ กำลังเล่นเกมกับเรา” ในเวลาเดียวกันองค์กร 52 แห่งที่เหลือในเมืองร้อยเซียนก็ได้ไปรวมตัวก กันที่โถงศักดิ์สิทธิ์แพนธีออนเพื่อปรึกษาสถานการณ์ของเผ่าดาวทมิฬในตอนนี้
“หึหึ ถูกต้องใช่หรือไม่ ? ยกตัวอย่างเช่นจัดการเราจนเราเกือบตายแล้วค่อยโยนเราออกไป หรือปล่อยเราไปโดยเสียแขนขาไปบ้าง ยังไงซะเราก็ออกจากที่นี่เป็น ๆ ได้ แต่ใช่ว่าพวกนั้นจะไม ม่แตะต้องเรา จักรพรรดิดาวทมิฬ บอกว่าเราจะรอดจากที่นี่ แต่ไม่ได้บอกว่าจะไม่ลงมืออะไรกับเรา…..”
“ถูกต้อง ไม่เป็นภัยถึงชีวิตกับไม่แตะต้องเราน่ะเป็นคนละเรื่องกัน รวมกับการที่เผ่าดาวทมิฬได้ขังคนนอกจากโลกเซียนไว้ใน 36 เมืองและผนึกค่ายกลเคลื่อนย้ายเอาวเพื่อกันไม่ให้ ผู้คนออกไป พวกนั้นต้องมีแรงจูงใจบางอย่าง…”
หลายองค์กรพากันวิเคราะห์ แต่คนที่พูดนั้นไม่ใช่อัจฉริยะที่เป็นตัวหลักแต่เป็นชายแก่ที่ติดตาม
ถูกต้อง คนรับใช้เหล่านี้เหมือนกับมันสมองขององค์กรต่าง ๆ ที่หาแผนการและวิธีการต่าง ๆ เพื่อช่วยนายน้อยของตัวเอง
และพวกเขาก็เหมาะกับงานนี้จริง ๆ พวกเขาไม่ได้แข็งแกร่ง แต่ความโดดเด่นของพวกเขานั้นเป็นอย่างอื่น พวกเขาใช้มันสมองของตัวเองจัดการเรื่องทุกอย่างกับเผ่าดาวทมิฬเพื่อตระกูลของต ตัวเอง
“นายน้อย เพื่อความปลอดภัยแล้ว มันจะดีกว่าหากท่านออกจากโลกดาวทมิฬโดยเร็วที่สุด” คนรับใช้พูดขึ้นมา
“หนึ่งในเหตุผลหลักที่ตระกูลส่งข้ามายังโลกดาวทมิฬก็คือข้าจะได้เตรียมตัวกับการทดสอบที่ข้าต้องเจอ หากข้าเลือกที่จะกลับไปเพราะข่าวลือและความคิดของเจ้า ข้าจะเอาหน้าไปไว้ไห หนในฐานะว่าที่หัวหน้าตระกูล…” อัจฉริยะคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าแน่วแน่
“ เราระวังกับเรื่องนี้แล้ว เอาแบบนี้เป็นยังไง เราส่งคนไปเติมพลังงานค่ายกลเคลื่อนย้ายเพื่อให้มันใช้งานตอนไหนก็ได้ เมื่อมีบางอย่างที่เราไม่อาจจะรับมือได้เกิดขึ้น งั้นเราก็ จะถอยได้โดยเร็วที่สุด” เหลยหยุนแห่งตระกูลสายฟ้าสวรรค์พูดขึ้นมา
ข้อเสนอของเขานั้นได้รับความเห็นด้วย หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ส่งคนออกไปตรวจสอบค่ายกลเคลื่อนย้ายและรับหน้าที่เติมพลังงานจนกว่าพลังงานมันจะเต็มและใช้งานตอนไหนก็ได้
แต่ไม่มีใครรู้ตัวเลยว่ามีร่างหนึ่งลอยอยู่บนฟ้าด้านนอกค่ายกลป้องกันของเมืองร้อยเซียน เขาเหมือนจะหลอมรวมกับสภาพแวดล้อมโยรอบ ไม่ใช่แค่ไม่ได้แผ่คลื่นพลังออกมา แต่ยังไม่สามา ารถมองเห็นด้วยตาเปล่า
แม้ว่าจะมีคนมองผ่านเขาไปแต่ก็คงพบแค่อากาศที่ว่างเปล่า พวกนั้นจะมองไม่เห็นอะไรผิดปกติเลย
ตอนนั้นร่างนี้ได้มองไปที่เมืองร้อยเซียนและพึมพำออกมาเบา ๆ “ตอนที่ข้าอยู่ในเมืงอร้อยเซียนในอดีต ข้าหวังว่าเจ้าจะมีประโยชน์กับพิธีนี้บ้าง หากข้าปล่อยพวกเจ้าทั้งหมดไปอย่ างปลอดภัย งั้นความพยายามของข้าจะไม่สูญเปล่ารึ ? ” ตอนที่เขาพูดนั้นเขาก็ชี้นิ้วไปยังเมืองร้อยเซียนด้านล่าง พลังงานอันอ่อนแรงและแทบมองไม่เห็นพุ่งเข้าไปในเมืองร้อยเซียนทันที
ค่ายกลพลังงานที่เมืองร้อยเซียนภูมิใจนั้นเหมือนจะไม่มีอยู่ต่อหน้าพลังงานอันอ่อนแรงนี้ ค่ายกลไม่อาจจะขวางทางพลังงานนี้ได้เลยและปล่อยให้พลังงานพุ่งผ่านเข้าไปในเมืองร้อยเซีย ยน สุดท้ายแล้วพลังงานนี้ก็ได้หายไปในเมืองร้อยเซียน
มันไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นกับค่ายกล มันยังคงทำงานได้ตามปกติ นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีใครรับรู้ถึงพลังงานนั้นได้
“การทำงานครั้งนี้สำเร็จ ด้วยเบี้ยของข้าในหมู่คนชั้นสูงในเผ่าดาวทมิฬอย่างเจี้ยนเฉิน ข้ายังต้องเตรียมแผนการสำรองบางอย่างอีก ไพ่ตายอย่างเมืองร้อยเซียนจะมี่ทางถูกใช้ในโลกดาว วทมิฬ….มันเกือบถึงเวลาที่จะแสดงพลังของมันออกมา เมื่อรวมพลังของทุกคนในเมืองร้อยเซียนต่อหน้าค่ายกลนับไม่ถ้วนในเมืองร้อยเซียนก่อนจะทำการขยายมัน พลังงานมหาศาลที่ซ่อนอยู่ ใต้เมืองก็จะทรงพลังทัดเทียมกับการโจมตีของขั้นบรรพกาลได้”
“ตอนที่การโจมตีครั้งนี้โจมตีเข้าใส่พิธีการที่อยู่ไกลออกไป พลังงานของมันจะลดลงเล็กน้อยแต่ก็ยังส่งผลต่อพิธีได้ในระดับหนึ่งอยู่ การโจมตีนี้อาจจะทำลายพิธีเมื่อจักรพรรดิดาว ทมิฬ อยู่ด้วยไม่ได้ แต่มันก็ยังปกปิดร่องรอยของเจี้ยนเฉินได้ในตอนนั้น”
“เจี้ยนเฉิน เจ้าไม่ควรทำให้ข้าผิดหวัง หากเจ้าล้มเหลว งั้นข้าคงต้องลงมือเอง…”
“แค่ว่าข้าไม่คิดจะลงมือเอง มันไม่ใช่แค่วิญญาณที่สองของข้าจะสลายไปภายใต้พลังของพันธสัญญาโลหิต แต่แม้แต่ร่างเดิมในโลกเซียนก็ยังต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส”
“แม้ว่าข้าจะเตรียมวิธีการต่าง ๆ เพื่อขัดขวางและลดพลังของพันธสัญญาโลหิต แต่มันก็ยังเป็นพลังของจอมปราชญ์สูงสุดของเผ่าดาวทมิฬ แม้ว่าจอมปราชญ์สูงสุดนั่นจะตายไปแล้ว แต่ตอนน นี้ก็ยังไม่มีใครทนพลังของพันธสัญญาโลหิตได้นอกจากปราชญ์แห่งลม….”