เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2839: ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์และโลก
- Home
- เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)
- ตอนที่ 2839: ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์และโลก
ตอนที่ 2839: ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์และโลก
ภายใต้การพึมพำนี้ ร่างที่อยู่เหนือเมืองร้อยเซียนก็ได้หายไป เขาได้ออกจากทีนั่นด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อก่อนหน้านี้เขายังอยู่ใกล้กับเมืองร้อยเซียน แต่ในพริบตาเขก็ได้ป ปรากฏตัวขึ้นในเมืองหลวงของเผ่าดาวทมิฬที่อยู่ไกลออกไป
เขาไม่ได้ใช้กฎมิติแต่เหนือกว่ากฎมิติไปแล้ว เขาเดินทางได้หลายพันล้านกิโลเมตรในอึดใจเดียว
แม้แต่เจี้ยนเฉินที่เข้าใจกฎมิติและขึ้นไปถึงขอบเขตตั้งต้นได้ก็ไม่ได้มีความเร็วใกล้เคียงระดับนี้เลย
ในเวลาเดียวกัน จักรพรรดิดาวทมิฬที่นั่งหลับตาอยู่บนบัลลังก์ภายในโถงศักดิ์สิทธิ์ดาวทมิฬของเมืองหลวง เขาได้แผ่การรับรู้วิญญาณออกไปเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ของเผ่าดาวทมิฬ
จักรพรรดิดาวทมิฬเหมือนกับรับรู้บางอย่างได้ เขาลืมตาขึ้นและมองไปที่รางท่าถึงและแสดงท่าทีเคารพออกมาทันที เขาได้พูดขึ้น “ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ ตอนนี้เกือบจะถึงเวลาจั ดพิธีแล้ว ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าท่านมั่นใจว่ามันจะสำเร็จมากเพียงใด ? ”
ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์คิดสักพักก่อนจะพูดขึ้นมาช้า ๆ “ตอนแรกโอกาสสำเร็จนั้นอย่างมากก็แค่ 5 ใน 10 ส่วน ซึ่งสุดท้ายก็คงขึ้นอยู่กับโชค แต่ตอนนี้เรามีเลือดของสัตว์อสูรศ ศักดิ์สิทธิ์ โอกาสสำเร็จนั้นเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก ข้าเดาว่าโอกาสสำเร็จอาจะสูงถึง 8-9 ใน 10 ส่วน”
“8-9 ใน 10 ส่วน ในอีกความหมายคือเป็นการรับรองว่าพิธีนี้จะสำเร็จ” จักรพรรดิดาวทมิฬถอนหายใจออกมา เขาแสดงท่าทีดีใจออกมา โอกาสสำเร็จที่สูงขนาดนี้ทำให้โอกาสล้มเหลวนั้นน้อยอย่าง งมาก
“น่าจะเป็นแบบนั้น แต่จำไว้ว่าไม่มีอะไรแน่นอน แม้ว่าจะมีโอกาสสำเร็จเต็มสิบส่วน แต่มันอาจจะเกิดเหตุไม่คาดฝันที่ทำให้ผลลัพธ์นั้นล้มเหลว” ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์พูดขึ้น
“เหตุไม่คาดฝัน ? ในความเห็นข้าแล้วหากมีเหตุไม่คาดฝัน จริง ๆ แล้วพวกมันต้องมาจากคนนอก แต่ข้าก็ระวังตัวไปแล้วไม่ใช่รึ ? พิธีนี้คือสิ่งที่ส่งผลต่อทั้งเผ่าของเรา ดังนั้นข้า าจึงไม่อาจจะปล่อยให้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นได้” จักรพรรดิดาวทมิฬพูดด้วยสีหน้ามุ่งมั่น สายตาเขาดูเย็นชาขึ้นมา
หากพิธีนี้สำเร็จ งั้นเขาก็จะขึ้นเป็นขั้นบรรพกาลได้ หากมันล้มเหลว งั้นเขาก็อยู่ระดับเดิมและไม่อาจจะทะลวงผ่านไปได้ในอนาคต
ผลก็คือไม่ใช่แค่พิธีนี้ส่งผลต่อชะตาของทั้งเผ่าดาวทมิฬ แต่ยังเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของตัวเขาเองด้วยเมื่อได้ยินแบบนั้น ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม มออกมา นอกจากร่างที่พร่ามัวราวกับอยู่ในหมอกของเขาแล้ว ไม่มีใครเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาได้ รวมถึงจักรพรรดิดาวทมิฬด้วย
หลังจากที่เงียบไปชั่วครู่ จักรพรรดิดาวทมิฬก็พูดขึ้นมาราวกับขอคำแนะนำ “ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ เจ้าเคยบอกไว้ว่าเมื่อข้าขึ้นไปเป็นขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 9 แล้ว ข้าจะ ะสามารถใช้ทักษะลับที่ส่งต่อกันมาในเผ่าเราเพื่อใช้พลังที่บรรพชนของเรากับสัตว์อสูรพื้นที่ทิ้งเอาไว้ในการสลัดการจำกัดของจอมปราชญ์สูงสุดแห่งจิตวิญญาณไม้ และปล่อยคนของเราออก กจากคุกนี่ได้รึ ? ”
“มันมีโอกาสแต่แม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าท่านจะทำสำเร็จหรือไม่ ยังไงซะนี่ก็เป็นพลังของจอมปราชญ์สูงสุด มันเกี่ยวข้องกับหลายอย่างที่ข้าไม่เข้าใจ” ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ครุ่ นคิด สายตาของเขาเย็นชาแต่ไม่มีใครมองเห็นได้
“แม้ว่าโอกาสจะน้อยแต่ก็ไม่เป็นไร มันดีกว่าที่ไม่มีโอกาส การสลัดตัวออกจากคุกนี่ได้และออกไปยังโลกจริง ๆ คือความหวังของเผ่าเราตลอดหลายปีมานี้” จักรพรรดิดาวทมิฬ ถอนหายใจออกม มา สีหน้าเขาดูเศร้าสร้อยและสลด
มองในด้านดี โลกดาวทมิฬก็ยังเป็นโลกย่อยที่เผ่าดาวทมิฬมีอำนาจเด็กดขาด แต่มองในด้านลบแล้วมันคือคุกดี ๆ นี่เอง
คุกนี้กักขังพวกเขามาไม่รู้กี่ปีแล้ว หลายรุ่นของเผ่าต้องอยู่ในโลกย่อยนี้ไปตคลอดหลาย โลกที่ไม่ใช่โลกที่แท้จริงที่ถูกทิ้งไว้หลังจากที่สัตว์อสูรตายไป
การออกจากคุกนี่และเข้าไปในโลกจริง ๆ ภายนอกคือความหวังของทุกรุ่นในเผ่าดาวทมิฬ
“เมื่อพิธีนี้สำเร็จ ข้าจะใช้ผลแห่งวิถีฟื้นฟูเพื่อขึ้นเป็นขั้นบรรพกาลทันที ขั้นบรรพกาลชั้นสวรรค์ที่ 9 ก็ไม่อาจจะทำอะไรข้าได้ ข้าจะใช้เวลาที่สั้นที่สุดเพื่อผ่านเงื่อนไขใน นการทำความเข้าใจทักษะของบรรพชน หลังจากนั้นข้าจะใช้พลังที่บรรพชนทิ้งเอาไว้เพื่อทำลายคุกของจอมปราชญ์สูงสุดแห่งจิตวิญญาณไม้”
“แค่อีกไม่กี่ปี เผ่าของเราได้สร้างความแค้นมากมายกับองค์กรจำนวนมากในโลกภายนอก เมื่อเราออกไปได้ องค์กรที่มีอัครสูงสุดจะไม่ปล่อยเราไป ของที่บรรพชนทิ้งเอาไว้อาจจะถูกองค์กรม มากมายหมายตา ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ เจ้าคือปราชญ์ที่ยิ่งใหญ่ของเผ่าเรา เจ้ามีตัวตนตั้งแต่ก่อนที่ข้าจะเกิดมา ข้าขอถามเจ้าทีว่าองค์กรที่เจ้าก่อตั้งในโลกเซียนตลอดหลายปี มานี้พัฒนาเพียงพอที่จะรับมือกับปัญหาเมื่อเผ่าของเราออกไปโลกภายนอกได้รึไม่ ? ” จักรพรรดิดาวทมิฬถามขึ้นมา
“ท่านไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ องค์กรของข้าได้ขึ้นไปถึงระดับที่ไม่ต้องกลัวเมืองร้อยเซียนแล้ว ตราบใดที่เราออกจากที่นี่ได้ แม้แต่องค์กรด้านนอกที่มีความแค้นเคืองกับเรานั้นก็ไม่ อาจจะเป็นภัยต่อเราได้” ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์พูดขึ้น
“งั้นข้าก็ไม่ต้องกังวลอะไร ใช่สิ ข้าถามทีว่าปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งโลกเป็นยังไงบ้าง ? ” จักรพรรดิดาวทมิฬถามขึ้นมา
“ขอบคุณที่เป็นห่วง นายท่าน เขายังอยู่ดี ! ” ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ตอบกลับ แม้ว่าเขาจะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับเขาเท่าเทียบกับจักรพรรดิดาวทมิฬ แต่เขาก็แสดงท่าที อ่อนน้อมถ่อมตัวตลอดเวลาที่พูดคุยกับจักรพรรดิดาวทมิฬ
หลังจากที่คิดสักพัก จักรพรรดิดาวทมิฬก็ถามขึ้นมาอีกครั้ง “ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ ข้าสงสัยมาตลอดว่าองค์กรของเจ้าที่โลกภายนอกมีชื่อว่าอะไร เจ้ามียอดฝีมือกี่คนกัน ? และ ระดับการบ่มเพาะของเจ้ากับปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งโลกอยู่ระดับไหนกัน เจ้าจึงไม่กลัวองค์กรเบื้องหลังเมืองร้อยเซียน ? ”
“นี่คือเรื่องที่กวนใจข้าตลอดหลายปีมานี้ ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ไม่คิดจะเปิดเผยเลยแม้แต่นิดเลยหรือ ? ”
“ท่านก็น่าจะรู้คำสั่งของบรรพชน ข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเราในโลกเซียนเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ในเผ่าเรา ไม่อาจจะเปิดเผยให้กับใครได้ แม้แต่ท่านก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ข้ามีสิท ทธิ์ที่จะปกปิดความลับนี้”
“นี่กันไม่ให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น ยังไงซะศัตรูของเราอย่างจิตวิญญาณไม้ก็ใช่ว่าจะไม่มีอยู่ในโลกเซียน หากจิตวิญญาณไม้รู้ว่าเผ่าเราได้พัฒนาองค์กรของตัวเองในโลกเซียน ท่านก ก็น่าจะรู้ว่ามีผลยังไงตามมา” ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์พูดขึ้นอย่างใจเย็น