เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2840 : ต้นกำเนิดของปราชญ์ผู้เที่ยงธรรม
- Home
- เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)
- ตอนที่ 2840 : ต้นกำเนิดของปราชญ์ผู้เที่ยงธรรม
ตอนที่ 2840 : ต้นกำเนิดของปราชญ์ผู้เที่ยงธรรม
“จิตวิญญาณไม้ ! ” จักรพรรดิดาวทมิฬได้ยินคำนี้ก็แสดงสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น คำนี้เหมือนจะมีพลังพิเศษที่ทำให้เขาอารมณ์ผันผวนและไม่อาจจะใจเย็นอยู่ได้
แม้แต่สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป มันเป็นบางอย่างที่ยากจะอธิบายด้วยคำพูดได้แต่คงบอกได้ว่าเขาแค้นฝังกระดูกนั่นเพราะจิตวิญญาณไม้คือศัตรูคู่แค้นกับเผ่าดาวทมิฬ ในการต่อสู้ในอดีตเผ่าดาวทมิฬนั้นพ่ายแพ้ ไม่ใช่แค่จอมปราชญ์สูงสุดของเผ่าดาวทมิฬตายไปด้วยฝีมือของจิตวิญญาณไม้ แต่ทั้งเผ่าก็ยังถูกขังไว้ในโลกย่อยแห่งนี้ไม่รู้รุ่นต่อกี่รุ่นและไม่เคยได้ใช้ชีวิตจริง ๆ เลย
แต่แม้แต่ตอนที่เผ่าดาวทมิฬตกต่ำลงเช่นนี้ แต่พลังที่จอมปราชญ์สูงสุดแห่งจิตวิญาณไม้ได้ทิ้งเอาไว้ก็ยังสร้างที่อย่างภูเขาโลกาแฝดขึ้นมาเพื่อยับยั้งเผ่าดาวทมิฬ
มันไม่เกินไปที่จะบอกว่ามันผ่านมานานแล้วตั้งแต่การต่อสู้ครั้งนั้น แต่ความเกลียดชังที่มีระหว่างจิตวิญญาณไม้และเผ่าดาวทมิฬนั้นไม่ได้ลดลงเลย กลับกันแล้ว ความแค้นนี้กับฝังอยู่ในใจของทุกคนในเผ่าดาวทมิฬมากขึ้นเรื่อย ๆ
มันยากกว่าเป็นร้อยหรือพันเท่ากับการที่เขาจะทะลวงผ่านเมื่อเทียบกับคนนอก คนนอกสามารถขึ้นเป็นอัครสูงสุดได้ ส่วนพวกเขาเป็นได้แค่ขั้นอสงไขย
คนนอกเดินทางในทะเลดวงดาวได้ตามใจและไปที่ที่ตัวเองต้องการได้ ส่วนพวกเขาได้แต่ต้องขลุกอยู่ในโลกย่อยแห่งนี้
ต้นเหตุทั้งหมดนั้นเกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณไม้
ความเกลียดชังของทั้งเผ่านั้นไม่มีใครจะลบล้างไปได้ !
“ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ จิตวิญญาณไม้ที่โลกภายนอกแข็งแกร่งแค่ไหนกัน ? ” จักรพรรดิดาวทมิฬถามขึ้นมา เขาไม่เคยสนใจสถานการณ์ของจิตวิญญาณไม้ที่โลกภายนอกเพราะพวกเขาออกจากที่นี่ไม่ได้ ส่วนจิตวิญญาณไม้ก็ชัดเจนแล้วว่าไม่กล้าพอที่จะเข้ามาที่นี่ ผลก็คือแม้ว่าจะแค้นเคืองกันแค่ไหน แต่ทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้เผชิญหน้ากัน
สถานการณ์ตอนนี้มันต่างออกไปแล้ว เผ่าดาวทมิฬมีหวังที่จะฝ่าออกจากคุกแห่งนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงอยากที่จะรู้ถึงสถานการณ์ของจิตวิญญาณไม้ที่โลกภายนอก
“จิตวิญญาณไม้ตอนนี้ไม่ได้น่ากลัวอะไร มันก็แค่ตระกูลที่เป็นส่วนหนึ่งของคนที่ยิ่งใหญ่ที่บอกได้ว่าไร้เทียมทานในหมู่ผู้ที่ต่ำกว่าจอมปราชญ์สูงสุดในโลกเซียน คน ๆ นี้จะกลายเป็นศัตรูของเรา”
“และพวกเขาก็ไม่รู้รายละเอียดภูมิหลังของข้า หากเรื่องการพัฒนาองค์กรของเราในโลกเซียนถูกพบเข้าโดยจิตวิญญาณไม้ กองกำลังของเราในโลกเซียนอาจจะตกอยู่ในอันตรายหากจิตวิญญาณไม้เข้าโจมตี” ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์พูดขึ้น ทันทีที่เขาพูดถึงคน ๆ นี้ น้ำเสียงเขาก็เคร่งเครียดขึ้นมา
มันมีความกลัวแฝงอยู่ด้วย
จักรพรรดิดาวทมิฬขมวดคิ้ว “ข้าไม่คิดเลยว่าเผ่าของเราจะมีศัตรูที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ที่โลกภายนอก ดูเหมือนว่าถึงเราจะออกจากที่นี่ไปได้ในอนาคต แต่เราก็ต้องอยู่แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไปสักพัก”
“นายท่าน มันยังมีเวลาก่อนที่เราจะออกจากคุกนี้ไปได้ เราปรึกษาเรื่องของโลกเซียนในอนาคตได้ ตอนนี้มันจะดีกว่าหากเราเรียกรวมผู้นำและรองผู้นำทั้งหมดเพื่อจะอธิบายขั้นตอนและลักษณะของพิธี” ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์เปลี่ยนเรื่องราวกับว่าเขาไม่อยากพูดถึงเรื่องโลกเซียนมากนัก
จักรพรรดิดาวทมิฬพยักหน้าและพูดขึ้น “ก็ดี พิธีครั้งนี้ต่างจากอดีต เราต้องให้ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ มาดูแลด้วยตัวเอง หากเป็นเช่นนั้นแล้วชัดแล้วว่าเราไม่อาจจะปกปิดตัวตนของเจ้าได้อีกต่อไป ถึงอย่างนั้นมันก็ได้เวลนาบอกพวกระดับสงของเราเกี่ยวกับปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมทั้งสองของเผ่าเรา “
หลังจากนั้นจักรพรรดิดาวทมิฬก็ได้เรียกรวมหัวหน้าศาลาละรองหัวหน้าศาลาทั้งสิบ ครั้งนี้นอกจากคนของหัวหน้าศาลาทั้งสิบแล้ว ก็ยังมีเจ้าเมืองที่แข็งแกร่งที่สุด 5 คนจากใน 36 คนมาที่นี่ด้วย
เจ้าเมืองทั้งห้าเป็นยอดฝีมือขอบเขตตั้งต้น พวกเขาอยู่ในขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 1
“ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ ! ” เจี้ยนเฉินเห็นปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ทันทีที่มาถึงโถงศักดิ์สิทธิ์ดาวทมิฬ เพราะตำแหน่งของปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ที่อยู่ตอนนี้โดดเด่นเกินไป อีกฝ่ายอยู่ข้างกายจักรพรรดิดาวทมิฬ มันยากที่เขาจะไม่สังเกตเห็นอีกฝ่าย
ตัวตนของปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ เหมือนจะทำให้เจี้ยนเฉินระวังตัวขึ้น เขาเริ่มระวังตัวและมองดูอีกฝ่ายเพื่อไม่เปิดเผยช่องโหว่ของตัวเอง
นั่นเพราะในหมู่เผ่าดาวทมิฬแล้ว ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์เป็นแค่คนเดียวที่เขาอ่านความคิดไม่ออก แม้แต่ร่างลวงตาที่อีกฝ่ายแสดงออกมานั้นจะมีพลังที่สูง ซึ่งทำให้เจี้ยนเฉินพบว่าปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์นั้นค่อนข้างไร้เทียมทาน
หัวหน้าศาลาและรองหัวหน้าศาลาทั้งเก้าต่างก็เห็นร่างลวงตาข้างกายจักรพรรดิดาวทมิฬเช่นกัน พวกเขาต่างก็ทั้งตกใจและสงสัย
ชัดแล้วว่ายอดฝีมือขอบเขตตั้งต้นทั้งหมดที่นี่นอกจากเจี้ยนเฉินแล้วไม่มีใครรู้ว่าเผ่าดาวทมิฬมีคนอย่างปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์อยู่
จักรพรรดิดาวทมิฬมองไปรอบ ๆ ก่อนที่จะพูดขึ้น “เมื่อทุกคนมาที่นี่กันแล้ว งั้นก็ได้เวลาที่ข้าจะประกาศความลับที่มีแค่จักรพรรดิคนก่อนของเผ่ามีสิทธิ์ที่จะรู้”
คำพูดของจักรพรรดิดาวทมิฬนั้นทำให้สายตาของยอดฝีมือขอบเขตตั้งต้นทุกคนที่นั่นเคร่งเครียดขึ้นมา หลายคนมองไปที่ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะครุ่นคิด พวกเขาพากันเดาว่าความลับที่จักรพรรดิพูดถึงนี้เกี่ยวข้องกับร่างลวงตานี่
มีใครดพูดอะไร ทุกคนต่างก็รอให้จักรพรรดิดาวทมิฬพูดขึ้นมาเพราะในหมู่พวกระดับสูงของเผ่าแล้ว พวกเขาต่างก็รู้ว่ามันมีความลับมากมายที่แม้แต่หัวหน้าศาลาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้ ตลอดหลายปีมานี้มีแค่จักรพรรดิแต่ละรุ่นเท่านั้นที่จะรับรู้ความลับระดับสูงแบบนี้ได้
จักรพรรดิดาวทมิฬพูดขึ้นมาช้า ๆ หลังจากที่เงียบไปไม่นาน “ตลอดหลายปีมานี้เผ่าของเรามีผู้อาวุโสและปราชญ์อยู่เพื่อที่เผ่าของเราจะฝ่าออกไปได้ในสักวัน พวกเขาจึงมีความคิดมากมายและได้ทำการทดสอบมากมายโดยราคาที่จ่ายไปนั้นเกินกว่าที่เราจะคาดถึง ก่อนที่สุดท้ายจะได้วิธีที่ใช้พลังที่บรรพชนของเราได้ทิ้งเอาไว้อย่างการจัดพิธี”
“ไม่นานหลังจากการค้นพบพิธีนี้ ผู้อาวุโสของเราก็พบว่าเมื่อจัดพิธีนี้และใช้พลังที่บรรพชนทิ้งเอาไว้ มันก็จะใช้พลังนั้นปะทะกับพลังของจอมปราชญ์สูงสุดแห่งจิตวิญญาณไม้ได้ ตอนที่เกิดการปะทะกันนั้น ผนึกของจอมปราชญ์สูงสุดแห่งจิตวิญญาณไม้ที่มีต่อทั้งเผ่าของเราจะอ่อนแอลงในทันที”
“ผลก็คือผู้อาวุโสของเผ่าเราเลือกผู้อาวุโสที่มีพรสวรรค์ที่สุดในเผ่าและให้พวกเขาดูดซับทรัพยากรไปจำนวนมากก่อนที่จะใช้พลังของบรรพชนผ่านพิธีนี้ ตอนที่พลังของบรรพชนปะทะกับพลังจากจอมปราชญ์สูงสุดแห่งจิตวิญญาณไม้นั้น สุดท้ายพวกเราก็ส่งผู้อาวุโสสองคนที่มีทรัพยากรมากมายกับตัวออกไปได้โดยหวังว่าทั้งสองจะหาทางให้เผ่าของเราหนีเข้าไปในโลกเซียนได้”
“ตั้งแต่นั้นมาผู้อาวุโสทั้งสองก็กลายเป็นปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมของเผ่าเรา ไม่ใช่แค่ทรัพยากรของเผ่าอยู่กับพวกเขา แต่พวกเขายังแบกรับความหวังของเผ่าเราในการฝ่าออกไปจากที่นี่ไว้ด้วย พวกเขารับผิดชอบในการดูแลและปกป้องเราในอนาคต”
“ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมทั้งสองคือถูกเรียกว่าปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์และปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งโลกโดยคนรุ่นหลัง พวกเขาคือความหวังในอนาคตของเผ่าเรา ความหวังที่จะนำเราไปสู่โลกใหม่…”
“และคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ข้านี้ก็คือปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมหนึ่งในนั้น ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ ! ”