เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2842 : ทฤษฎีอันน่ากลัว
ตอนที่ 2842 : ทฤษฎีอันน่ากลัว
“ไม่แปลกเลยที่ข้าพบว่าปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์นั้นไร้เทียมทานและไม่อาจจะมองออกได้ เขาเป็นยอดฝีมือระดับสูง” เจี้ยนเฉินใจสั่นอย่างรุนแรง เขานึกถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้นใน ครั้งแรกที่พบกับปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์และอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าตัวตนของเขาถูกปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์มองออกหรือไม่
หน้ากากของเขานั้นไม่อาจจะปลอมแปลงได้อย่างสมบูรณ์ พวกที่ขึ้นไปถึงระดับสูงสุดของการบ่มเพาะนั้นสามารถมองหน้ากากนี้ออกและเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขาได้
หากปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์เป็นยอดฝีมือแบบนั้นล่ะ ?
ยังไงซะก็ไม่ใช่แค่ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ที่เป็นสมาชิกที่โดดเด่นที่สุดของเผ่าดาวทมิฬ แต่ทรัพยากรของเผ่าดาวทมิฬก็ถูกอัดแน่นไว้กับเขาด้วย เขาได้ผ่านการเกิดใหม่มาคร รั้งแล้วครั้งเล่าภายใต้การปกป้องของพลังที่เหลืออยู่ของจอมปราชญ์สูงสุดจากเผ่าดาวทมิฬ
องค์ประกอบเหล่านี้ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใครก็จะทำให้โชคชะตาเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก นี่ไม่ต้องนับปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ที่โดดเด่นแต่แรกอยู่แล้ว
ผลก็คือหลังจากที่บ่มเพาะมานานและมีประสบการณ์จากชีวิตต่าง ๆ รวมถึงทรัพยากรจากเผ่าดาวทมิฬแล้ มันก็ไม่แปลกเลยที่ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์จะขึ้นไปถึงระดับนั้นได้
ตอนนั้นเจี้ยนเฉินก็เริ่มอึดอัดใจขึ้นมา
“นอกจากปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์แล้ว เผ่าดาวทมิฬก็ยังมีปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งโลกอยู่ในโลกเซียนด้วย ระดับการบ่มเพาะของปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งโลกต้องน่ากลัวมาก ๆ เช่ นกัน แต่ข้าได้แทรกซึมเข้ามาในเผ่าดาวทมิฬครั้งนี้ตามคำสั่งของเด็กไร้หัวใจจากพรรคกระดูกโอฬาร ข้ามาเพื่อหยุดพิธีของเผ่าดาวทมิฬ”
“เด็กไร้หัวใจได้พาข้ามาที่ซากโลกจิตวิญญาณด้วยตัวเองเพื่อที่ข้าจะได้เข้ามาในโลกดาวทมิฬในการหยุดพิธีนี้ ข้าบอกได้ว่าการหยุดพิธีนี้สำคัญต่อเด็กไร้หัวใจอย่างมาก”
“แต่ทำไมเด็กไร้หัวใจถึงต้องการหยุดพิธีของเผ่าดาวทมิฬกัน ? เขากังวลอะไร ? ด้วยระดับการบ่มเพาะที่สูงของเขาแล้ว แม้ว่าเผ่าดาวทมิฬจะออกจากที่นี่ไปได้ การทำลายทั้งเผ่านั้น ก็ง่ายดายแค่พลิกฝ่ามือ” ตอนนั้นเจี้ยนเฉินคิดถึงปัญหาต่าง ๆ ที่เขาไม่เคยคิดถึงมาก่อน ยิ่งเขาคิดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งสงสัยและสับสนมากเท่านั้น
“หรือว่าบางทีเด็กไร้หัวใจจะเป็นปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งโลกของเผ่าดาวทมิฬ ? ” ตอนนั้นเอง เจี้ยนเฉินก็คิดถึงทฤษฎีที่ตลกอันหนึ่ง ปัญหามากมายในตอนนี้เขาไม่อาจจะตอบมันได้ในทั นที
“ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งโลกและปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์แต่เดิมแล้วอยู่ด้วยกัน หากเด็กไร้หัวใจเป็นปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งโลก งั้นเขาก็น่าจะมีต้นกำเนิดเดียวกับปราชญ์ผู เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ตรงหน้าข้า หากเป็นเช่นนั้น ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ก็ต้องรู้ว่าเด็กไร้หัวใจได้ส่งข้ามาเพื่อหยุดพิธีของเผ่าดาวทมิฬ ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรร รค์รู้ดีว่าข้าทำงานเพื่อต่อต้านเผ่าดาวทมิฬ แต่เขาไม่คิดจะหยุดข้า เขากลับเมินเฉย ทั้งหมดนี้สรุปได้ว่าการหยุดพิธีของเผ่าดาวทมิฬนั้นไม่ใช่แค่ความคิดของเด็กไร้หัวใจ แต่ยั งเป็นความคิดของ ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ด้วย…”
“หากเป็นตามทฤษฎีที่ข้าคิดไว้จริง ๆ แล้ว งั้นมันก็อธิบายได้อย่างดีว่าทำไมปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ถึงยังเงียบอยู่แม้ว่าจะรู้ตัวตนของข้า นั่นเพราะปราชญ์ผู้เที่ยงธรร รมแห่งสวรรค์ไม่ต้องการให้พิธีของเผ่าดาวทมิฬสำเร็จเช่นกัน …”
ยิ่งเจี้ยนเฉินคิดเท่าไหร่ก็ยิ่งมีความคิดที่น่ากลัวโผล่มาในหัว แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังคิดว่าความคิดเหล่านี้ดูเกินไปและไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่หลังจากที่เชื่อมต่อข้อมูลต่าง ๆ เข้ าด้วยกันแล้ว เขาก็พบว่าหลาย ๆ อย่างนั้นดูมีเหตุผล เขารู้สึกว่าเขาเพิ่งได้ลบม่านหมอกออกไปและพบกับความจริง
“ทำไมเด็กไร้หัวใจถึงต้องการหยุดพิธีของเผ่าดาวทมิฬกัน ? และทำไมปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ถึงไม่อยากให้พิธีสำเร็จเช่นกัน ? พวกเขาเป็นสมาชิกของเผ่าดาวทมิฬไม่ใช่รึ …”
“และด้วยระดับการบ่มเพาะที่น่ากลัวของทั้งคู่แล้ว นี่ไม่ต้องนับการขึ้นไปถึงขั้นบรรพกาลเลย แม้ว่าจักรพรรดิดาวทมิฬจะขึ้นเป็นอัครสูงสุดแต่ก็ไม่ต่างจากมดต่อหน้า เด็กไร้หัวใจ …”
“และปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์เขาได้เข้ามาดูแลพิธีนี้ หากเขาไม่ต้องการให้พิธีสำเร็จ งั้นเขาก็ถลำตัวเข้ามายุ่งเกินไป มันมีโอกาสมากมายที่จะหยุดเรื่องนี้ แต่ทำไมเขาถึง งต้องให้คนนอกอย่างข้าจัดการด้วย ? ” คำถามมากมายโผล่มาในหัวของเจี้ยนเฉิน หลังจากที่วิเคราะห์ตัวตนและเป้าหมายของปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์แล้ว มันก็เริ่มมีคำถามทำให้เขาส สับสนมากยิ่งขึ้น
ทันใดนั้นเองก็จำได้ว่าปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์แสดงท่าทียังไงต่อหน้าจักรพรรดิดาวทมิฬในหลายวันก่อน ความคิดหนึ่งโผล่มาในหัวของเขาและเขาก็เริ่มมองเห็นคำตอบ
“อย่าบอกข้านะว่าทั้งสองคนถูกผูกมัดด้วยพันธะสัญญาในอดีต ? พวกเขาไม่อาจจะทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อเผ่าดาวทมิฬได้ ? นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงได้ยื้อเวลาไปนานแบบนี้และมีภารก กิจมากมายในพิธีงั้นรึ ? ”
“และเป้าหมายสุดท้ายก็ไม่ใช่การทำลายเผ่าดาวทมิฬ แต่คือสิ่งที่เด็กไร้หัวใจบอกมา หยุดพิธีนี้เพื่อที่ยอดฝีมือขั้นบรรพกาลจะไม่ปรากฏขึ้นมาในเผ่าดาวทมิฬ ยิ่งเผ่าดาวทมิฬแข็งแ แกร่งเท่าไหร่ โอกาสที่พวกนี้จะออกจากโลกนี้ได้ก็มากขึ้นไปด้วย เมื่อเผ่าดาวทมิฬออกจากโลกนี้ได้ ทั้งสองคนที่มีพลังไร้เทียมทานในโลกเซียนก็จะเป็นแค่ลูกน้องพวกนี้…”
“หากเป็นเช่นนั้นแล้ว งั้นคำถามและความลึกลับทั้งหมดก็พออธิบายได้..”
ยิ่งวิเคราะห์เท่าไหร่เรื่องก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ แทนที่เจี้ยนเฉินจะใจเย็น แต่ความใจเย็นนี้คงอยู่ได้ไม่นาน สุดท้ายเขาก็นึกบางอย่างออก สุดท้ายสายตาเขาก็แสดงความเย็นชาออก กมา
….
“ข้าได้บอกทุกอย่างที่จำเป็นต้องพูดแล้ว โปรดจดจำไว้ เราไม่อาจจะปล่อยให้เกิดข้อผิดพลาดในพิธีได้” ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์พูดอยู่กว่าครึ่งวันก่อนที่จะบอกถึงรายละเอียดท ทั้งหมดเสร็จรวมถึงเรื่องที่ต้องสนใจเป็นพิเศษในพิธีด้วย
“ท่านไม่ต้องกังวล ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์พิธีนี้ส่งผลต่อชะตาของทั้งเผ่า หากเราทำผิดพลาด ชัดเจนแล้วว่ามันก็ส่งผลต่อทั้งเผ่า” หัวหน้าศาลาที่สอง อาร์นา ป้องมือด้วย ท่าทีเคารพและบอกกับปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์
“ไม่ต้องกังวล ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ เราจะทำทุกอย่างเพื่อที่จะ…” หลังจากอาร์นาพูดจบ หัวหน้าศาลาและรองหัวหน้าศาลาก็พากันสาบานออกมา
หลังจากที่แยกย้ายกันแล้ว เจี้ยนเฉินก็ได้กลับมายังโถงที่ห้า เขาได้นั่งลงที่บัลลังก์และทำการครุ่นคิด เขาเข้าใจรายลละเอียดและขั้นตอนต่าง ๆ ของพิธีแล้ว ตอนนี้เขากำลังคิดว่า เขาจะโจมตีตอนไหน
“รวมเลือดนับไม่ถ้วนและปรับมันด้วยทักษะลับโบราณ พิธีนี้ชัดแล้วว่าส่งผลดีต่อพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ ประมาทเพียงเล็กน้อยก็ส่งผลเสียต่อเขามากกว่าผลดี” เจี้ยนเฉินถอนหายใจ จากนั้นเขา าก็หายตัวไปจากบัลลังก์และไปที่ห้องลับที่เขาใช้เพื่อการบ่มเพาะ
ด้านหลังประตูนั้น เจี้ยนเฉิน ได้ใช้ค่ายกลแยกส่วนของห้องลับก่อนจะร่ายค่ายกลไว้กับตัวเอง เขาระวังตัวอย่างมาก
หลังจากที่เตรียมทุกอย่างเสร็จแล้ว เขาถึงได้นั่งลงกับพื้นและเอากระบี่ขั้นเทพของคุนเทียนออกมา เขาชี้ปลายกระบี่ไปที่ท้องน้อยก่อนที่จะแทงลงไป
ด้วยแรงทั้งหมดที่เขามี ร่างบรรพกาลอันแข็งแกร่งนั้นถูกแทงทะลุด้วยความยากลำบาก มีเลือดหยดหนึ่งซึมออกมาที่ท้องน้อยของเขา ปลายกระบี่ได้แทงลงไปในร่างของเขาและทำให้เกิดแผลล ลึกกว่าสองนิ้ว
หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็ได้จิ้มนิ้วเข้าไปในแผลและล้วงเอาขวดหยกที่เขาฝังไว้ในตัวออกมา
ขวดหยกนี้ไม่ได้ใหญ่นัก มันมีขนาดเท่ากับนิ้วก้อยแต่ข้างในไม่ใช่แบบนั้น ข้างในนั้นมีมิติที่ค่อนข้างใหญ่อยู่“ตอนนั้นข้าได้เก็บเลือดของคุนเทียนเผื่อเอาไว้ ตอนนี้ในที่สุดข้า าก็ได้ใช้มันสักที” เจี้ยนเฉินพึมพำออกมาและมองไปที่ขวดในมือ