เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2844 : เริ่มต้นพิธี
ตอนที่ 2844 : เริ่มต้นพิธี
หลังจากนั้นเผ่าดาวทมิฬก็สงบสุขขึ้นกว่าเก่า เหตุผลว่าทำไมถึงได้สงบเช่นนี้ก็เพราะผู้บ่มเพาะที่พบด้านนอกเมืองนั้นมีจำนวนลดลง ส่วนคนนอกที่เข้าออกภูเขาโลกาแฝดก็หมดไปอย่าง งสิ้นเชิง
มันเหลือแค่ทหารลาดตระเวนจากเผ่าดาวทมิฬที่เดินทางไปทั่วพื้นที่โลกดาวทมิฬเพื่อจับกุมคนนอกที่อยู่ด้านนอก
เมืองร้อยเซียนที่ดูคึกคักและมีค่ายกลป้องกันยังอยู่ในสภาวะที่พร้อมเต็มที่ องค์กรกว่า 52 องค์กรได้อยู่ในเมืองโดยแอบหวังว่าพิธีของเผ่าดาวทมิฬจะจบลงในไม่ช้า พวกเขาพากัน เตรียมการป้องกันตัวเองโดยปกป้องค่ายกลเคลื่อนย้ายภายในเมืองเอาไว้
นี่คือความหวังในการหนีของพวกเขา สิ่งเดียวที่พวกเขาจะคาดหวังได้ !
พวกเขาพากันตรวจสอบค่ายกลเคลื่อนย้ายอย่างพิถีพิถัน พวกเขาตรวจสอบมันอยู่ทุกวัน พวกเขาถึงกับส่งคนไปทดสอบเพื่อให้มั่นใจว่ามันจะใช้การได้เมื่อจำเป็น
แม้ว่าอัจฉริยะบางคนจะเริ่มคิดที่จะถอยเพราะกลัวที่จะตายแต่การเดินทางมายังโลกดาวทมิฬในครั้งนี้คือการทดสอบจากตระกูลของพวกเขา มันส่งผลถึงอนาคตของพวกเขาซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไ ไมถึงไม่มีใครต้องการหนีไปก่อนที่จะยืนยันได้ว่าพวกเขาตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ หรือไม่
ถึงอย่างนั้นก็มีสามองค์กรในเมืองร้อยเซียนได้ออกไปก่อนแล้วเพราะคำขู่ของศาลาเทพที่เจ็ด หากพวกเขาไม่กลับไปนั้น สิ่งที่รอพวกเขาอยู่ก็คือความตาย
การตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่าอับอาย ตระกูลของพวกเขาไม่อาจจะถือโทษพวกเขาได้ในเรื่องนี้ หากพวกเขาถอยกลับไปเพราะบรรยากาศอันตึงเครียดและหนีไปตอนที่อยู่ภายใต้กา ารปกป้องของศาลาเทพที่ห้าแล้ว งั้นสถานการณ์คงต่างออกไป
ผลก็คือองค์กรทั้ง 52 แห่งในเมืองร้อยเซียนก็ยังยืนหยัดอยู่ในที่ของตัวเอง
เวลาผ่านไปช้า ๆ ภายใต้ความคาดหวังของทั้งเผ่าดาวทมิฬรวมถึงความกังวลและอึดอัดของคนนอก สุดท้ายวันจัดพิธีที่เผ่าดาวทมิฬเตรียมการมานานในที่สุดก็มาถึง
ตำแหน่งจัดพิธีนั้นอยู่ที่เมืองหลวงของเผ่าดาวทมิฬ ยอดฝีมือชั้นนำของเผ่าได้มารวมตัวกันที่นี่ นอกจากยอดฝีมือขอบเขตตั้งต้นของเผ่าดาวทมิฬแล้ว เจ้าเมืองทั้ง 36 แห่งและราชา 10 08 คนได้มารวมตัวกันที่นี่หมด
คนนอกทั้งหมดได้หายไปจากเมืองหลวงไปนานแล้ว ทุกคนจากโลกเซียนและซากโลกจิตวิญญาณได้ไปรวมตัวกันที่เมืองทั้ง 36 แห่ง
พิธีครั้งนี้สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาของทั้งเผ่าดาวทมิฬได้ ดังนั้นเผ่าดาวทมิฬจึงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยระหว่างพิธีอย่างมาก ไม่ใช่แค่เรียกกองทัพทั้ง 10 ของเผ่ามาประจำการทั้งใ ในและนอกเมืองแต่แม้แต่ในเมืองทั้ง 36 แห่งก็ยังส่งกองกำลังของตัวเองไปคุ้มกันภายใต้การนำของรองเจ้าเมืองต่าง ๆ
คนที่พวกเขาระวังก็คือคนนอกในทั้ง 36 เมือง !
ศาลาเทพทั้ง 11 แห่งลอยอยู่บนฟ้า แต่ละศาลาต่างก็ส่องแสงระยิบระยับและพลังงานอันแข็งแกร่งออกมา มองตอนแรกพวกมันราวกับดวงอาทิตย์ทั้ง 11 ดวง
ด้านล่างโถงศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นคือกองกำลังจากเมืองทั้ง 36 แห่ง ภายใต้การนำของเจ้าเมืองกับขุนนางทั้ง 36 คนและราชาทั้ง 108 คนที่ให้การสนับสนุน พวกเขาได้ยืนประจำการเป็นกองทัพ ขนาดใหญ่ในอากาศ
ในหมู่พวกนั้นเมืองอัศวินทมิฬเองก็มีเจ้าเมืองที่ถูกเลือกขึ้นมาใหม่พร้อมกับขุนนาง 36 คนและราชาทั้ง 108 คนรุ่นใหม่ด้วย
ด้านล่างกองกำลังของทั้ง 36 เมืองคือประชากรนับไม่ถ้วน ตอนนี้ทุกคนต่างก็คุกเข่าลงกับพื้นเพื่อรอคอยช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้น
“ เปิดลานบูชายัญ ! ”
ตอนนั้นเอง จักรพรรดิดาวทมิฬซึ่งนั่งอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์ดาวทมิฬได้แสดงสีหน้าเคร่งขรึมแล้วพูดขึ้นมา
“เปิดลานบูชายัญ….ดึงพลังของเมืองไร้วายุ…”
“ เปิดลานบูชายัญ….ดึงพลังของเมืองตูเย่…”
“ เปิดลานบูชายัญ….ดึงพลังของเมืองนรกทมิฬ…”
“ เปิดลานบูชายัญ….ดึงพลังของเมืองอัศวินทมิฬ…”
“ เปิดลานบูชายัญ….ดึงพลังของเมืองแสงทมิฬ…”
…
ตอนที่จักรพรรดิดาวทมิฬพูดจบ เสียงของเจ้าเมืองทั้ง 36 แห่งก็ดังขึ้น ด้วยคำสั่งของพวกเขา ค่ายกลที่สร้างขึ้นโดยขุนนางทั้ง 36 คนและราชา 108 คนก็ได้ทำงาน ตอนนั้นพวกเขาเหมือน นจะสร้างการเชื่อมต่อลึกลับกับเมืองทั้ง 36 แห่งที่ซึ่งไม่ได้อยู่ใกล้พวกเขาเลย
จู่ ๆ ก็มีเสาแสงทั้ง 36 อันพุ่งขึ้นมาบนฟ้ามุ่งหน้าไปที่เมืองหลวงจากเมืองหลักทั้ง 36 แห่ง
นี่คือพลังของเมืองหลักทั้ง 36 แห่ง พลังงานทั้ง 36 เส้นนี้ได้พุ่งเข้ามาห่อหุ้มเจ้าเมือง, ขุนนาง 36 คนและราชา 108 คนเอาไว้ หลังจากนั้นภายใต้การควบคุมของพวกนี้พลังงานนั้นก็ได้ หลอมรวมกันในทันทีก่อนจะเปล่งแสงที่ทำให้ทั้งโลกพร่ามัวได้แล้วพุ่งขึ้นไปบนอากาศสูงกว่าหมื่นเมตรราวกับกระบี่
มองจากไกล ๆ แล้วมันเหมือนกับเสาแสงสีขาวที่พุ่งขึ้นจากพื้นและแทงทะลุสวรรค์ มันราวกับเสาที่ค้ำจุนสวรรค์เอาไว้ซึ่งเป็นตัวแทนถึงความยิ่งใหญ่
ต่อมามิติในระดับสูงขึ้นไปกว่าหมื่นเมตรก็สั่นไหวอย่างรุนแรง เสาพลังงานที่อัดแน่นจากเมืองทั้ง 36 แห่งเหมือนจะเป็นกุญแจเพื่อเปิดประตูลึกลับที่ซ่อนอยู่ในมิติ
ภายในประตูลึกลับนั้นมีลานซึ่งเหมือนกับสร้างจากหยกขาวลอยอยู่
ลานนี้ไม่ได้ใหญ่นัก มันกว้างแค่ไม่กี่พันเมตรและมีโต๊ะหินลอยอยู่ แผนภาพและตัวอักษรโบราณได้สลักเอาไว้ที่ลานราวกับบันทึกประวัติศาสตร์ของเผ่าดาวทมิฬ มันแผ่พลังโบราณของมั นออกมา
ใจกลางลานนั้นมีรูปปั้นหินรูปร่างมนุษย์ตั้งอยู่ มันมีขนาดใหญ่อย่างมากโดยล้อมรอบไปด้วยจารึกหิน มันถูกบูชาโดยชีวิตนับไม่ถ้วนราวกับราชันในอดีต
แต่รูปปั้นหินนั้นไม่มีใบหน้า มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นหน้าตาของมันได้ มันเป็นไปได้อย่างเดียวที่บอกได้แค่ว่าร่างนี้เป็นผู้ชาย
ชายที่สูงส่งดูเหนือกว่าทุกคน !
“นี่คือจอมปราชญ์สูงสุดของเผ่าดาวทมิฬรึ ? ”
เจี้ยนเฉินที่นั่งอยู่ในศาลาที่ห้าใจสั่นเพราะเขารับรู้ได้ถึงพลังวิถีที่ไม่อาจจะอธิบายได้จากรูปปั้นนั้น ในสายตาของเขาแล้ว รูปปั้นนี้เหมือนกับอัดแน่นไปด้วยวิถีของเผ่าดาว ทมิฬ มันคือวิถีสูงสุดภายในเผ่าดาวทมิฬ
ลานนี้ลอยออกมาอยู่เหนือเมืองหลวงกว่าหมื่นเมตร ตอนที่มิตินั้นปิดตัวลงก็มีร่างลวงตาของปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ปรากฏขึ้นมา เขาไม่ได้บินไปที่ลานทันทีแต่กลับเดินขึ้นบ บันไดที่มองไม่เห็นเพื่อเดินไปที่ลานทีละก้าว ๆ
ร่างลวงตาของปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ค่อย ๆ คุกเข่าลง เขาคุกเข่าทั้งสองข้างและคำนับรูปปั้นตรงหน้าแล้วพูดออกมา “คำนับบรรพชน ! ”