เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2845 : ยกระดับแก่นเลือด (1)
ตอนที่ 2845 : ยกระดับแก่นเลือด (1)
หลังจากนั้นจักรพรรดิดาวทมิฬและหัวหน้าศาลาทั้ง 10 ของเผ่าก็พากันคำนับทันที
การคำนับนี้เพื่อบรรพชนของเผ่าดาวทมิฬ !
นี่คือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของเผ่าดาวทมิฬ !
นี่คือราชันสูงสุดในอดีต !
ต่อหน้ารูปปั้นราชันแล้ว แม้แต่คนอย่างปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ก็ยังต้องเก็บความภาคภูมิใจของตัวเองเอาไว้และคุกเข่าทั้งสองข้างลงไปพร้อมสีหน้าเทิดทูน
นี่เพราะร่างนี้คือจอมปราชย์สูงสุดที่เป็นศูนย์รวมของวิถีสวรรค์ เขาสามารถสร้างกฎของโลกและถึงกับส่งผลต่อการทำงานของวิถีสวรรค์ได้ในระดับหนึ่ง !
ร่างนี้คือกองกำลังที่ยิ่งใหญ่และมั่นคงที่สุดที่ถูกยกย่องโดยผู้คนนับล้าน นี่คือคนที่พวกไม่อาจจะล่วงเกินรึดูหมิ่นได้
เจี้ยนเฉินเองก็คุกเข่าลงไปเช่นกัน แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจแต่เขาก็ต้องคุกเข่า ไม่งั้นแล้วเขาคงโดนจับได้ แต่เมื่อนึกถึงว่าร่างนี้คือจอมปราชญ์สูงสุดในอดีต เขาก็พบว่ามันไม่ ได้ยากที่จะรับได้
“ คำนับครั้งที่ 1…”
“ คำนับครั้งที่ 2…”
“ คำนับครั้งที่ 3…”
…
“ คำนับครั้งที่ 9…” หลังจากที่คำนับได้ 9 ครั้ง ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ก็ลุกขึ้นยืน หลังจากนั้นภายใต้การนำของเขา พวกเขาก็ได้ท่องบทสวดออกมา ผ่านไป 2 ชั่วยาม บทสวดนั้ นถึงได้จบลง
“ด้วยพลังของเมืองทั้ง 36 แห่งเป็นตัวสนับสนุนในครั้งนี้และพลังของศาลาเทพทั้งสิบที่เป็นกำลังหลัก เปิดการทำงานลานบูชายัญ…” เสียงของปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ดังขึ้นมาอ อีกครั้ง
ทันใดนั้นพลังของทั้ง 36 เมืองก็ทำงานอีกครั้ง ทุกเมืองได้ส่งพลังมาในทันที ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองที่ส่งแสงออกมาแต่ทุกเมืองยังมีพลังซ่อนอยู่ใต้ดินอีกด้วย
พลังงานนี้สั่งสมมาหลายปีนับไม่ถ้วนด้วยค่ายกลของเมืองที่คอยดูดซับพลังงานของโลกซึ่งนั่นทำให้พลังงานที่กักเก็บไว้ด้านล่างในแต่ละเมืองนั้นขึ้นไปถึงระดับที่น่าตกใจ
ตอนนี้พลังงานมหาศาลที่สั่งสมมาตลอดหลายปีมานี้ได้ถูกใช้ออกมาผ่านค่ายกลของทั้ง 36 เมือง มันได้พุ่งตัดผ่านมิติและมาถึงเมืองหลวงของเผ่าดาวทมิฬ
ครั้งนี้พวกเขาได้ท่องบทสวดเพื่อเปิดการทำงานของลานบูชายัญแล้ว ตอนที่พลังของทั้ง 36 เมืองเกือบจะไม่พอเปิดการทำงานของลาน พวกเขาจึงต้องให้ศาลาเทพเข้ามาช่วยด้วย
ศาลาเทพทั้งสิบได้สร้างค่ายกลพิเศษไว้ในอากาศมานานแล้ว พลังของศาลาเทพได้แผ่ออกไปสร้างกฎพื้นฐานก่อนที่จะส่งมันไปยังลานบูชายัญพร้อมกับพลังของทั้ง 36 เมือง ผลก็คือลานนั้น นได้เปล่งแสงสว่างจ้าออกมาราวกับมันตื่นขึ้นจากการหลับใหล ทั้งลานนั้นราวกับมีชีวิตที่แผ่พลังอันเยือกเย็นออกมา
เจี้ยนเฉินหรี่ตาลงและมองขึ้นไปในอากาศ
“บูชายัญสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ ! ” เสียงของปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ดังขึ้น
สายตาของจักรพรรดิดาวทมิฬเป็นประกายขึ้นมาทันที พวกเขาพากันแสดงท่าทีตื่นเต้นและคาดหวังออกมา เขาได้โบกมือและมีบางอย่างลอยออกมาจากโถงศักดิ์สิทธิ์ที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของเขาก่อ อนที่มันจะตกลงไปที่ลานบูชายัญ
อารมณ์ของเจี้ยนเฉินหวั่นไหวขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นร่างนั้น ความรู้สึกของเขาปะทุออกมา แม้แต่ร่างกายก็ยังสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่คลื่นพลังของเขาก็ยังปั่นป่วน
นี่เพราะสิ่งที่ลอยออกมาจากโถงศักดิ์สิทธิ์ที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของจักรพรรดิดาวทมิฬนั้นคือพยัคฆ์ปีกเทวะของทวีปเทียนหยวน จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ !
พยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์เหมือนจะอยู่ในสภาพที่น่าอนาถอย่างมาก เขาปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนในร่างสัตว์อสูร แต่เขาดูไม่ได้ยิ่งใหญ่แบบในอดีต
ตอนนี้เขาตัวอาบไปด้วยเลือด พลังชีวิตนั้นแทบจะหมดลง เขาเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ตอนนี้เขาคือศพเดินได้ พยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์เกือบที่จะตายแล้ว แค่หายใจแต่ละครั้งก็อาจจะเป็นการห หายใจครั้งสุดท้าย หากจักรพรรดิดาวทมิฬไม่รักษาชีวิตของเขาไว้ตลอดเวลาด้วยสมบัติสวรรค์ บางทีเขาอาจจะไม่รอดจนถึงตอนนี้หลังจากที่ผ่านการทรมานมามากมาย
“พยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ ! ” เจี้ยนเฉินพึมพำในใจและค่อย ๆ หลับตาลง ใครจะไปรู้ว่ามันเพราะเขาไม่อาจะทนดูสภาพของพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้ได้ หรือเพราะเขาต้องการปกปิดความอาฆาตที่ ขึ้นมาถึงระดับที่เขาต้องอึดอีดใจจนต้องปกปิดสายตาตัวเองเอาไว้
“เผ่าดาวทมิฬ ข้าต้องให้พวกเจ้าชดใช้ ! ” ใจของเจี้ยนเฉินเต้นรัวราวกับทะเลคลั่ง เขาสาบานด้วยใจจริงย้อนกลับไปที่ทวีปเทียนหยวน พวกเขาอยู่ด้วยกันหลังจากที่พยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์กำเนิ ดขึ้นมา ก่อนที่พยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ จะลืมตาขึ้นด้วยซ้ำ หลังจากนั้นมนุษย์และเสือก็ได้ออกเดินทางและเติบโตจนแข็งแกร่งขึ้นมาด้วยกัน ตลอดเวลามานี้พวกเขาได้ผ่านความยากลำบากและการต่อสู ที่ดุเดือดมานับไม่ถ้วน พวกเขาได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน…
ความรู้สึกระหว่างเขากับพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์นั้น คนทั่วไปไม่อาจจะเข้าใจได้
“เลือดสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ ! ” เสียงของปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ดังขึ้นมาจากลาน
จักรพรรดิดาวทมิฬสะบัดมืออีกครั้งพร้อมกับแก่นเลือดกว่าร้อยหยดที่บินออกไป แก่นเลือดทั้งหมดนี้ได้มาจาก พยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ มันเท่ากับแก่นเลือดที่ร่างกายเขามี
แต่แก่นเลือดเหล่านี้ไม่ได้มีการครอบครองของพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์มานานแล้ว แก่นเลือดทั้งหมดถูกปรับเปลี่ยนจนมีพลังของเผ่าดาวทมิฬอยู่ภายใน
“แก่นเลือดมหาศาล ! ” เสียงของปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ดังขึ้นอีก เมื่อได้ยินแบบนั้น จักรพรรดิดาวทมิฬ ก็ได้กรีดนิ้วตัวเองและมีแก่นเลือดของเขาลอยออกมา
แก่นเลือดทุกหยดนั้นได้เชื่อมต่อกับต้นกำเนิดชีวิตของผู้บ่มเพาะ มันอัดแน่นพลังชีวิตพวกเขาเอาไว้และมันสำคัญต่อพวกเขาอย่างมาก
การเสียแก่นเลือดนี้ไปทำให้ใบหน้าของจักรพรรดิดาวทมิฬนั้นซีดลงอย่างเห็นได้ชัด
ด้านล่างนั้นหัวหน้าศาลา, รองหัวหน้าศาลาและแม้แต่คนในเผ่าก็พากันคุกเข่าอยู่กับพื้น ไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่พวกเขาก็ต้องดึงเอาแก่นเลือดของตนออกมาใช้เมื่อเข้าร่วม มพิธีนี้
เจี้ยนเฉินเองก็ไม่ใช้ข้อยกเว้น แต่แก่นเลือดที่เขาใช้นั้นไม่ใช่ของตัวเขาเอง กลับกันแล้วมันคือเลือดที่เขาเก็บมาหลังจากที่ฆ่าคุนเทียนแล้ว
ผลก็คือแก่นเลือดของเขาก็ได้แผ่คลื่นพลังอันบริสุทธิ์ของเผ่าดาวทมิฬออกมา มันไม่ได้ทำให้เขาดูมีพิรุธเลยแม้แต่น้อย
แก่นเลือดทั้งหมดค่อย ๆ ลอยขึ้นไปภายใต้พลังที่มองไม่เห็นหลอมรวมกับแก่นเลือดจากพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ สุดท้ายแก่นเลือดก็กลายเป็นบ่อเลือดขนาดใหญ่กว้างกว่า 3 เมตร
ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ซึ่งยืนอยู่ที่ลานได้สร้างผนึกด้วยมือ ดึงเอาพลังที่มองไม่เห็นของลานและเปลี่ยนมันเป็นเปลวไฟสีขาวที่กลืนกินแก่นเลือดเอาไว้ก่อนที่จะลุกไหม้ขึ้น นมา
สุดท้ายบ่อเลือดจากคนในเผ่าดาวทมิฬก็เล็กลงเรื่อย ๆ ภายใต้เปลวไฟนี้ แต่ตอนที่มันหดลงนั้นแก่นเลือดภายในกลับเข้มข้นขึ้นจนทำให้ระดับของแก่นเลือดเพิ่มขึ้นด้วยความเร็วที่เห ห็นได้ด้วยตาเปล่า
แก่นเลือดของพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นมีระดับที่สูงแต่แรกอยู่แล้ว แต่ด้วยการยกระดับในวันนี้ก็ทำให้คุณภาพของแก่นเลือดนั้นเพิ่มขึ้นกว่าแก่นเลือดของพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ในตอนแรกอย่ างมาก