เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2847: แก่นเลือดของจอมปราชญ์สูงสุด
ตอนที่ 2847: แก่นเลือดของจอมปราชญ์สูงสุด
การหลอมไม่ได้มุ่งไปที่ร่างกายของจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงวิญญาณและสายเลือดของเขาด้วย
ชัดเจนว่ากระบวนการดังกล่าวนำมาซึ่งความเจ็บปวดที่ไม่อาจจินตนาการให้กับจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ เขาต่อสู้อย่างรุนแรงในเตาเผามิติขณะที่เขาส่งเสียงคำรามแต่ไร้เสียง
เนื้อและเลือดที่เขาเพิ่งฟื้นตัวค่อย ๆ หายไปจากการหลอม ในขณะเดียวกันพลังแห่งการมีอยู่ของวิถีที่เป็นของเผ่าดาวทมิฬก็ได้ผสานเข้ากับเนื้อและเลือดของเขาโดยเส้นใยผ่านการหลอ อมของเตามิติ
เส้นใยทุกเส้นทำให้พลังของเผ่าดาวทมิฬที่จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์มอบให้เพิ่มขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น
ในเวลาเดียวกันพลังชีวิตมหาศาลที่หลั่งออกมาจากบุคคลภายนอกก็ไหลเข้าสู่จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์อย่างต่อเนื่อง
ในที่สุดเมื่อเนื้อของเขาหายไปภายใต้การหลอมของเตาหลอม เนื้อและเลือดใหม่ก็กลับคืนมาอย่างรวดเร็ว
เนื้อและเลือดใหม่มีพลังมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังจากผสานเข้ากับแก่นเลือดที่แข็งแกร่งและพลังทั้งหมดจากบุคคลภายนอก ปัญหาเดียวของทั้งหมดนี้คือในขณะที่เนื้อหนังยังคงเป็นของจัก กรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ มันก็เข้าใกล้เนื้อของเผ่าดาวทมิฬมากขึ้นไม่ว่าเจี้ยนเฉินจะมองยังไงก็ตาม
การหลอมกินเวลาทั้งหมด 2 ชั่วยามก่อนจะสิ้นสุดลง แม้ว่ามันจะสั้นมาก แต่ทุกส่วนของจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งภายในและภายนอกก็เพิ่มขึ้นอย่างมีคุณภาพ ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่ มขึ้นอย่างมาก
นับประสาอะไรกับสิ่งอื่น ร่างกายของเขาเพียงอย่างเดียวก็ไปถึงขอบเขตตั้งต้นหลังจากถูกหลอมอย่างไร้มนุษยธรรมและทนทุกข์ทรมาน
ตอนนี้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งแค่ไหนน่ะหรือ มันอยู่ในระดับที่เพียงพอในการทนต่อแก่นเลือดที่ทรงพลัง
อย่างไรก็ตามค่ายกลในเมืองใหญ่สามสิบหกเมืองและเมืองร้อยเซียนไม่ได้หยุดลง พลังการกลืนกินไม่ได้ลดลงเลย แต่กลับแข็งแกร่งขึ้นแทน พลังงานและพลังชีวิตถูกระบายออกจากบุคคลภายนอก ทั้งหมดรวมตัวกันอยู่เหนือเมืองหลวง
ในที่สุดผู้คนที่มีอำนาจต่าง ๆ ที่รวมตัวกันเหนือเมืองหลวงก็ยิ่งใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ
เตาเชิงมิติหยุดการหลอม พิธีทั้งหมดดูเหมือนจะตกอยู่ในความเงียบชั่วขณะ มีเพียงปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์เท่านั้นที่ยืนอยู่บนแท่นบูชาอย่างมั่นคง เขาไม่รีบร้อนที่จะก้าวไปก กับขั้นตอนต่อไปราวกับว่าเขากำลังรออะไรบางอย่าง
หัวใจของเจี้ยนเฉินอยู่ในลำคอ เห็นได้ชัดว่าเขาสามารถสัมผัสได้ถึงสายเลือดที่แข็งแกร่งของจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่สำหรับเขาแล้วมันก็ยังไม่ใกล้เคียงกับระดับที่ผู้สืบทอดร รุ่นแรกของจอมปราชญ์สูงสุดครอบครอง
แม้ว่าเขาจะไม่เคยพบกับทายาทรุ่นแรกของจอมปราชญ์สูงสุด แต่ก็ไม่ยากที่จะจินตนาการได้
เขาสามารถบอกได้ว่าสายเลือดที่แข็งแกร่งของจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่ไม่เพียงแต่ได้รับการยกระดับในแง่ของ “ปริมาณ” แต่มีการเพิ่มขึ้นในแง่ของ “คุณภาพ” ด้วยเช่นกัน ทว่าก การเพิ่มขึ้นนั้นไม่ได้มากมายอย่างที่เขาคิดไว้
เวลาผ่านไปทีละน้อย พิธียิ่งใหญ่เข้าสู่ช่วงหยุดที่แปลกประหลาด ปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติมและทุกคนที่เข้าร่วมในพิธีในเมืองหลวงก็รออย่างเงียบ ๆ มีเพียง งพลังของสายเลือด, การบ่มเพาะ, วิญญาณ, และพลังชีวิตที่ระบายออกจากคนนอกเท่านั้นที่ยังคงสะสมอยู่เหนือเมืองหลวง
แม้ว่าบุคคลภายนอกท่ามกลางเผ่าดาวทมิฬจะไม่ได้ทรงพลัง แต่พวกเขาก็มีจำนวนมาก ดังนั้นเมื่อพลังของผู้คนจำนวนมากมารวมกัน จำนวนทั้งหมดก็มากจนน่าตกใจ
จากระยะไกล พลังงานมหาศาลที่รวมตัวกันบนท้องฟ้าเหนือเมืองหลวงได้กลายเป็นมหาสมุทร ทำให้เกิดแรงกดดันอย่างมาก
แรงกดดันนั้นทรงพลังมากจนแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นหลายคนของเผ่าดาวทมิฬก็ยังเคร่งเครียด สำหรับผู้บ่มเพาะขอบเตเทพในเมืองหลวงด้านล่าง พวกเขาหวาดกลัว ทุกคนตื่นตระหนก
ในที่สุดเมื่อพลังมากถึงเจ็ดในสิบส่วนของพลังทั้งหมดในคนนอกถูกระบายออกไป ค่ายกลกลืนกินก็ดูเหมือนจะถึงจุดอิ่มตัวในที่สุด ค่ายกลทั้งสามสิบเจ็ดหยุดดำเนินการในเวลาเดียวกัน
จากนั้นในที่สุดปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ก็ดำเนินการขั้นต่อไป เขาหันไปทางรูปปั้นของจอมปราชญ์สูงสุดและโค้งคำนับอย่างสุดซึ้งและร้องออกมาว่า “บรรพชน ได้โปรดมอบเลือดให้ เราด้วย ! ”
เสียงของปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์นั้นดังชัดเจนและก้องกังวาน มันสั่นสะเทือนโลกดาวทมิฬ กระทั่งทำให้กฎในโลกดาวทมิฬกระเพื่อม
ในช่วงเวลาถัดมา ช่องว่างข้างหน้าอกของรูปปั้นจึงมัว จู่ ๆ หยดเลือดที่มีขนาดเท่าละอองฝนปรากฏออกมาอย่างฉับพลัน
เลือดมีพลังที่ไม่อาจจินตนาการได้และมีกฎที่ไม่อาจหยั่งรู้ การปรากฏตัวของเลือดทำให้ทั้งโลกดาวทมิฬเริ่มปั่นป่วน กฎของโลกปรากฏขึ้นโดยรวมเป็นโซ่รอบ ๆ
ทุกคนจากเผ่าดาวทมิฬต้องเผชิญกับความกดดันอย่างมากจนพวกเขาไม่สามารถคิดต่อต้านได้เมื่อเลือดปรากฏตัว แรงกดดันได้ปราบปรามสายเลือด, การบ่มเพาะ, และแม้แต่วิญญาณของพวกเขา, ตลอดจน นศักดิ์ศรีของพวกเขาทั้งหมด
มันบังคับให้พวกเขาก้มหัวต่อหยดเลือดโดยไม่สมัครใจ
“นี่คือ…แก่นเลือดของจอมปราชญ์สูงสุด ! นี่คือหยดแก่นเลือดที่จอมปราชญ์สูงสุดของเผ่าดาวทมิฬทิ้งไว้เบื้องหลัง ! ” เจี้ยนเฉินจ้องมองไปที่เลือดที่ทำให้เกิดแรงกดดันมากมายจากด้ านบนของศาลาเทพที่ห้า จิตใจของเขาสั่นไหวขณะที่หัวใจของเขาเต้นแรง
เขาไม่เคยคิดว่าแก่นเลือดของจอมปราชญ์สูงสุดจะมีอยู่จริงในเผ่าดาวทมิฬและหยดแก่นเลือดได้รับการเก็บรักษาไว้ในสภาพที่ดีกว่าหยดแก่นเลือดจากหมาป่านภาโบราณ เป็นผลให้ทั้งพล ลังแห่งการมีอยู่ของวิถีและความแข็งแกร่งของสายเลือดของมันเหนือกว่าแก่นเลือดของหมาป่านภาโบราณ
แน่นอนว่าสิ่งนี้ไม่ได้บ่งชี้ว่าจอมปราชญ์สูงสุดของเผ่าดาวทมิฬนั้นทรงพลังกว่าหมาป่านภาโบราณ เนื่องจากพวกเขาอยู่ในสภาพที่แตกต่างกันอย่างมากเมื่อพวกเขาทิ้งแก่นเลือดไว้ข้าง งหลัง
จอมปราชญ์สูงสุดของเผ่าดาวทมิฬอยู่ในขั้นสูงสุดในตอนที่จอมปราชญ์สูงสุดแห่งจิตวิญญาณไม้สังหารเขา เขาได้เตรียมการหลายอย่างในตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นแก่นเลือดจึงถูกเก็ บรักษาไว้ดีกว่า
สำหรับหมาป่านภาโบราณ เขาได้ทิ้งแก่นเลือดทของเขาไว้เบื้องหลังเมื่อเขาเสียชีวิตในการทำสมาธิ มันสามารถบอกได้จากที่อยู่อาศัยที่เรียบง่ายที่เขาใช้เมื่อเขาทิ้งแก่นเลือดของเ เขาไว้ว่าหมาป่านภาโบราณไม่ได้เตรียมการอย่างรอบคอบมากนัก ไม่เหมือนกับจอมปราชญ์สูงสุดของเผ่าดาวทมิฬและเขาก็ไม่ได้มีคนมากมายที่อุทิศตัวให้กับศพองเขา เป็นผลให้หลังจากหลาย ยปีแก่นเลือดของเขาจึงอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด
“ก่อนหน้านี้ข้ามักจะรู้สึกเหมือนว่าปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์ซ่อนขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของพิธีจากศาลาเทพทั้งสิบ ดูเหมือนว่าเขากำลังซ่อนหยดแก่นเลือดของจอมปราชญ์สูงสุด แน่นอนว่าเผ่าดาวทมิฬไม่ได้วางแผนที่จะใช้หยดแก่นเลือดกับจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์” เจี้ยนเฉินพยายามดิ้นรนเพื่อรักษาความสงบข้างใน เขารู้ดีว่าแก่นเลือดของจอมปราชย์สูงสุดมี ค่าและหายากเพียงใด ถ้าเผ่าดาวทมิฬใช้แก่นเลือดกับ จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์จริง พวกเขาจะเข้าร่วมทั้งหมด
“แต่เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ข้าก็คิดได้ว่าถ้าจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ผสานเข้ากับหยดแก่นเลือดนี้ สายเลือดของเขาจะถูกยกระดับไปสู่ระดับของทายาทรุ่นแรกของจอมปราชญ์สูงสุดอย่าง งแท้จริง หากเป็นเช่นนั้น ทุกสิ่งที่เผ่าดาวทมิฬทำมาก่อนหน้านี้ก็เป็นเพียงแค่การเตรียมงานเพื่อให้ จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ผสานเข้ากับหยดแก่นเลือด”
“นั่นคือแก่นเลือดของจอมปราชญ์สูงสุด หากต้องการดูดซับอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างน้อยที่สุดอาจต้องมีระดับการบ่มเพาะเป็นอัครสูงสุด มันเป็นเรื่องไร้สาระอย่างยิ่งสำหรับจักรพรรดิพย ยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ที่จะดูดซับแก่นเลือดของจอมปราชญ์สูงสุดเพราะระดับการบ่มเพาะองเขาก่อนหน้านี้เป็นเพียงราชาเทพ สาเหตุนี้เองพวกเขาจึงต้องหาวิธีที่จะชดเชยสิ่งนี้ซึ่งก็คือการปรั บเปลี่ยนสายเลือดของจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ให้เป็นสายเลือดของเผ่าดาวทมิฬและใช้ตัวตนของสมาชิกของเผ่าดาวทมิฬเพื่อดูดซับแก่นเลือด เมื่อสำเร็จพวกเขาจึงบรรลุผลของทั้งสองสาย ยเลือดที่มีต้นกำเนิดเดียวกัน หากใช้วิธีนี้ การปฏิเสธจากแก่นเลือดของจอมราชญ์สูงสุดก็จะลดน้อยลง”
“ในขณะเดียวกันมันยังสามารถเสริมสร้างสายเลือดและร่างกายของจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ให้แข็งแกร่งได้มากขึ้น ซึ่งพลังที่เขาจะได้รับเมื่อผสานเข้ากับแก่นเลือดของจอมปราชญ์สูงสุดจ จะเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย…” ดวงตาของเจี้ยนเฉินสว่างขึ้น
การผสานเข้ากับหยดเลือดที่เป็นแก่นเลือดของจอมปราชญ์สูงสุดและได้รับการช่วยเหลือและถูกหลอมโดยค่ายกลที่อยู่ภายใต้การควบคุมของปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์นั้นเป็นโชคลาภครั้ง งใหญ่สำหรับจักรพรริพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์
“มันเป็นโชคลาภโดยบังเอิญที่ติดตามด้วยหายนะ จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์จะหยุดได้หรือไม่ก่อนที่หายนะจะมามันก็ขึ้นอยู่กับข้า” เจี้ยนเฉินคิด ตอนนี้เขานั่งอยู่บนขอบที่นั่งแล้ว จ้องไปยังจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์อย่างประหม่าและกระตือรือร้น