เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2849: การโจมตีของขั้นบรรพกาล
ตอนที่ 2849: การโจมตีของขั้นบรรพกาล
เหล่าอัจฉริยะถ่ายทอดพลังทั้งหมดของพวกเขาไปยังเมืองร้อยเซียน รวมถึงเหล่าราชาเทพที่เป็นทหารพลีชีพและผู้บ่มเพาะจำนวนมากที่พวกเขาได้คัดเลือกจากโลกเซียนต่างพากันถ่ายเทพลังงานทั้งหมดของพวกเขาไปที่เมืองร้อยเซียนโดยเร็วที่สุด
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความเป็นและความตายไม่มีใครรั้งพลัง พวกเขากินยาหลายชนิดเหมือนขนมเพื่อฟื้นฟู ขณะเดียวกันก็ปล่อยพลังทั้งหมดที่มีไปยังเมือง
ค่ายกลที่เผ่าดาวทมิฬได้สร้างขึ้นเหนือเมืองสร้างความหวาดกลัวให้กับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ที่น่าเศร้าของการที่พลังและพลังชีวิตเจ็ดในสิบส่วนหมดไปในช่วงเวลาสั้น ๆ มันทำให้พวกเขาสูญเสียความไว้วางใจจากเผ่าดาวทมิฬ
พวกเขาไม่เชื่อคำสัญญาที่ว่าหัวหน้าศาลาห้าจะปกป้องพวกเขาได้อีกต่อไป
พวกเขาไม่เชื่อในคำสัญญาของจักรพรรดิดาวทมิฬที่ว่าพวกเขาจะมีชีวิตรอดออกจากที่นี่
เป็นผลให้จิตวิญญาณวตถุของเมืองร้อยเซียนซึ่งผุดขึ้นมาในวันนี้กลายเป็นความหวังเดียวของพวกเขาในการหลบหนี
ในขณะที่ทุกคนหลั่งไหลพลังงานไปที่เมือง เมืองร้อยเซียนก็ค่อย ๆ เปล่งประกายด้วยแสงพิเศษที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
สาเหตุที่มันพิเศษก็เพราะว่าในอดีตเมืองนี้มีความไม่ยืดหยุ่นอย่างมากไม่ว่าจะติดตั้งค่ายกลรูปแบบใดก็ตาม แต่ตอนนี้การหมุนเวียนและการระดมพลังงานในเมืองมีความยืดหยุ่นและราบรื่นมากขึ้น
คำจารึกโบราณปรากฏขึ้นบนกำแพงเมืองร้อยเซียน ซึ่งมันรวบรวมพลังงานทั้งหมดที่ผู้บ่มเพาะส่งมา
ในฐานะองค์กรที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งประกอบไปด้วยบุคคลภายนอก เผ่าดาวทมิฬจึงได้ระมัดระวังต่อเมืองร้อยเซียน เป็นผลให้กองทัพที่ประจำการที่นี่เพิ่มขึ้นเป็น 5 กองทัพ
นอกเหนือจากกองทัพทั้งห้าแล้วยังมีเหล่าราชาเทพจำนวนมากที่ถูกระดมมาจากเมืองใหญ่ ๆ 36 เมือง เป็นผลให้กองกำลังที่รวมตัวกันนอกเมืองร้อยเซียนได้ถึงระดับที่พวกเขาไม่กลัวค่ายกลขอบเขตตั้งต้นอีกต่อไป
ท้ายที่สุดแล้วพลังของขอบเขตตั้งต้นที่ปลดปล่อยออกมาจากค่ายกลจากเหล่าราชาเทพนั้นไม่ได้อยู่ที่ขอบเขตตั้งต้นอย่างแท้จริง หากพวกเขารวมเหล่าราชาเทพจำนวนใกล้เคียงกันเข้าด้วยกัน ค่ายกลขอบเขตตั้งต้นนี้จะถูกหยุดยั้ง
ขณะนี้ผู้บัญชาการของกองทัพทั้งห้ารวมตัวด้วยกันขณะที่พวกเขาจ้องมองไปที่เมืองอันสง่างามในระยะที่เอื้อมถึง
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานมหาศาลที่น่าตกใจจากเมืองร้อยเซียน เป็นผลให้หัวใจของพวกเขาจมลง และพวกเขาสามารถบอกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“ดูเหมือนคนนอกเหล่านี้จะไม่ได้มีจิตใจที่สะอาด พวกเขาต้องการสร้างปัญหาให้กับเราในขณะที่เรากำลังทำพิธี…”
“หน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองร้อยเซียนคือการป้องกัน ภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่บุคคลภายนอกเหล่านี้สามารถก่อให้เกิดกับเราไม่ได้มาจากเมือง แต่มาจากค่ายกลที่ประกอบขึ้นจากเหล่าราชาเทพจำนวนมาก พูดอย่างมีเหตุผลคือไม่ว่าพลังงานในเมืองจะน่ากลัวแค่ไหน แต่ก็สามารถเสริมสร้างการป้องกันของพวกเขาได้เท่านั้น แต่ทำไมตอนนี้ข้าถึงรู้สึกกระวนกระวายไปหมด…”
…
ผู้บัญชาการทั้งห้าจ้องไปที่เมืองร้อยเซียนและทุกคนก็ขมวดคิ้ว พวกเขาเริ่มไม่สบายใจเล็กน้อย
รองผู้บัญชาการหลายคนรีบวิ่งไปจากที่ต่าง ๆ รวมตัวกันด้านหลังผู้บัญชาการทั้งห้าและชี้แจงข้อเสนอแนะ
“ผู้บัญชาการ เมืองร้อยเซียนอาจกำลังทำสิ่งที่ไม่คาดคิด จะเป็นการดีที่สุดหากเรารายงานเรื่องนี้กับผู้ที่อยู่สูงกว่า…”
“เมืองร้อยเซียนมีพฤติกรรมค่อนข้างผิดปกติอย่างชัดเจนในตอนนี้ บางทีเราอาจไม่เคยเข้าใจเมืองร้อยเซียนอย่างแท้จริงแม้จะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตาม บางทีเมืองร้อยเซียนยังคงซ่อนไพ่ตายที่น่าประทับใจบางอย่างอยู่…”
“เราต้องรายงานเรื่องนี้ต่อจักรพรรดิโดยเร็วที่สุด…”
…
รองแม่ทัพแสดงความคิดเห็น การมาประจำการที่นี่จุดประสงค์หลักของพวกเขาคือหยุดไม่ให้คนนอกออกจากเมือง แต่จากพลังงานมหาศาลที่เมืองนี้กำลังแสดง พวกเขารู้สึกเหมือนว่าสถานการณ์กำลังจะหมุนวนออกจากการควบคุมของพวกเขา
ท้ายที่สุดแล้วกำแพงป้องกันอันทรงพลังของเมืองร้อยเซียนก็ยังคงอยู่ มันทรงพลังมากจนแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นก็ยังคงต้องพยายามอย่างมากหากต้องการผ่านมัน นับประสาอะไรกับพวกเขาที่เป็นเพียงกลุ่มราชาเทพ
ด้วยเหตุนี้แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าเมืองร้อยเซียนกำลังทำอะไรบางอย่าง แต่สิ่งที่พวกเขาทำได้คือเฝ้าดูอย่างหมดหนทาง ตราบใดที่คนนอกยังไม่ได้ออกจากเมือง มันก็ไม่มีอะไรที่พวกเขาสามารถทำได้
“จักรพรรดิกำลังเป็นประธานในพิธี เขายุ่งมาก เราไม่สามารถรบกวนเขาได้ ศาลาเทพทั้งสิบก็ไม่ต่างกัน รออีกหน่อย…” ผู้บัญชาการกล่าวอย่างเคร่งเครียด
ตูม !
อย่างไรก็ตามในขณะที่เขาพูดก็เกิดเสียงดังกึกก้องราวกับเสียงฟ้าร้องในอากาศจากทางเมืองร้อยเซียน พื้นดินสั่นสะเทือนและมิติก็ฉีกขาด
นั่นเป็นเพราะในช่วงเวลานั้น พลังงานสำรองขนาดมหึมาที่ซ่อนอยู่ใต้เมืองดูเหมือนจะหลุดพ้นจากพันธนาการทั้งหมดของมัน มันพุ่งออกมาจากใต้ดินอย่างบ้าคลั่งเหมือนม้าป่าที่เป็นอิสระจากบังเหียน มันรวมตัวกันเหนือเมืองอย่างรวดเร็ว
สำหรับค่ายกลป้องกันของเมือง มันก็หายไปในทันที ราวกับว่าพลังงานหมดไป ค่ายกลพังทลายลงด้วยตัวเอง
ภาพลวงตาร่างวิญญาณปรากฏขึ้นอย่างคลุมเครือในที่ที่พลังงานรวมตัวกัน นั่นคือจิตวิญญาณวัตถุของเมืองร้อยเซียน มันควบคุมพลังงานทั้งหมดในเมือง เตรียมพร้อมที่จะเทความแข็งแกร่งของทั้งเมืองลงในการโจมตีที่น่าตกใจ
ค่ายกลป้องกันของเมืองหายไปแล้ว กองทัพที่อยู่นอกเมืองก็ถอยกลับไปแทนที่จะรุกคืบเข้ามา พวกเขาถอยกลับครั้งแล้วครั้งเล่าจนไปถึงระยะทางหลายสิบกิโลเมตร ความกลัวท่วมท้นใบหน้าของทุกคน
ในช่วงเวลานั้น พลังงานและแรงกดดันของเมืองที่ปะทุขึ้นมาได้ถึงระดับที่แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบขอบเขตตั้งต้นก็ยังสูญเสียความสงบ ไม่ต้องพูดถึงเหล่าราชาเทพ
เมื่อต้องเผชิญพลังงานและแรงกดดันมหาศาล พวกเขาไม่อาจเข้าใกล้เมืองได้ด้วยซ้ำ การโจมตีสถานที่นั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลย
“พ- พลังนี้…ข้า – มันเหนือกว่าแล้ว – มันเหนือกว่าขั้นอสงไขยไปแล้ว…”
“ข- ขั้นบรรพกาล … – นี่คือพลังของขั้นบรรพกาลในตำนาน…”
“นั่นเป็นไปไม่ได้ นั่นเป็นไปไม่ได้ เมืองร้อยเซียนไม่สามารถมีพลังได้ขนาดนี้…”
…
ผู้บัญชาการทั้งห้าใบหน้าขาวซีดจากความตกใจ
“จิตวิญญาณวัตถุโจมตีภูเขาโลกาแฝดอย่างรวดเร็ว มันสร้างทางเดินที่ปลอดภัยในภูเขาโลกาแฝดและพาเราออกไปจากที่นี่…”
ผู้บ่มเพาะในเมืองไม่ได้รับผลกระทบเป็นพิเศษเนื่องจากการควบคุมที่แม่นยำของจิตวิญญาณวัตถุขณะที่พวกอัจฉริยะหลายคนร้องออกมาอย่างตื่นเต้น
ในอากาศ จิตวิญญาณวัตถุที่เลือนลางดูเหมือนจะได้ยินความปรารถนาของทุกคน มันอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปที่ภูเขาโลกาแฝด
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ความขัดแย้งและการดิ้นรนก็ปรากฏขึ้นในสายตาของจิตวิญญาณวัตถุ จุดสีเขียวปรากฏขึ้นจากส่วนลึกของดวงตา
“ – พลังแห่งการมีอยู่ของบรรพชนแห่งจิตวิญญาณไม้อยู่ที่นั่น ข้า – ข้าเป็นวิญญาณไม้ ข้า – ข้าไม่สามารถดูหมิ่นบรรพชนได้…” จิตวิญญาณวัตถุพึมพำด้วยเสียงที่ได้ยินแต่ตัวเองขณะที่สีเขียวในดวงตาของมันสั่นไหวและเต้นเป็นจังหวะ การต่อสู้ภายในของมันแข็งแกร่งขึ้นและเพิ่มมากขึ้น
ในที่สุดสีเขียวก็หายไปจากดวงตาของมัน การจ้องมองของมันชัดเจนเหมือนเดิมขณะที่มันพึมพำ “ไม่ ข้าไม่ใช่จิตวิญญาณไม้ ข้าเป็นเพียงจิตวิญญาณวัตถุที่เกิดจากเมืองนี้ ตอนที่ข้าเกิดมา เจ้านายที่หลอมข้าได้รวมความทรงจำของจิตวิญญาณไม้เข้ากับสติปัญญาของข้า ข้าไม่ใช่จิตวิญญาณไม้ ข้าเป็นเพียงจิตวิญญาณวัตถุที่เกิดในเมืองนี้…”
“ไม่ ข้าไม่ใช่จิตวิญญาณวัตถุ ข้าเป็นจิตวิญญาณไม้…” ในไม่ช้าดวงตาของจิตวิญญาณวัตถุก็เต็มไปด้วยสีเขียวอีกครั้ง คราวนี้สีเข้มมากจนทำลายเจตจำนงเสรีก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง
ในช่วงเวลาต่อมา จิตวิญญาณวัตถุก็มองไปในระยะไกลและจ้องไปในทิศทางของเมืองหลวงที่ห่างไกล มันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “มันคือเผ่าดาวทมิฬ มันคือเผ่าดาวทมิฬจริง ๆ เผ่าดาวทมิฬต้องตายทั้งหมด พวกเขาสมควรที่จะตายซ้ำแล้วซ้ำอีก…” แสงในดวงตาของจิตวิญญาณวัตถุมืดลงด้วยความบ้าคลั่ง ในช่วงเวลาต่อมามันได้รวมร่างของมันเข้ากับพลังของเมืองร้อยเซียน กลายเป็นหอกยาวกว่าสามร้อยเมตรซึ่งพุ่งไปยังเมืองหลวงด้วยพลังที่พลุ่งพล่าน
หอกถูกควบแน่นจากพลังงานของผู้บ่มเพาะทั้งหมดในเมืองร้อยเซียน รวมถึงพลังงานสำรองอันมหาศาลที่สร้างขึ้นมานับไม่ถ้วนใต้เมือง ผลลัพธ์ที่ได้คือพลังของหอกพุ่งทะลุระดับขั้นอสงไขยโดยตรงไปถึงระดับของขั้นบรรพกาลชั้นสวรรค์ที่ 1
และมันอยู่ในระดับจุดสูงสุดของชั้นสวรรค์ที่ 1 มันอยู่ห่างจากขั้นบรรพกาลชั้นสวรรค์ที่ 2 เพียงก้าวเดียว
หอกแทงทะลุอากาศขณะที่มันก่อให้เกิดความวุ่นวาย มิติของโลกดาวทมิฬสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ที่ใดก็ตามที่มันผ่านไป มิติก็ถูกตัดออก รอยแตกยาวยื่นออกไปบนท้องฟ้า
ในเมืองร้อยเซียน คนนอกทุกคนสูญเสียพลังงานทั้งหมดไป พวกเขานอนราบบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรงขณะเฝ้าดูหอกขนาดใหญ่พุ่งออกไปในทิศทางของเมืองหลวง ทั้งหมดตกตะลึง