เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2861: เอาสิ่งกีดขวางทั้งหมดออกไป
ตอนที่ 2861: เอาสิ่งกีดขวางทั้งหมดออกไป
“ผลแห่งวิถีฟื้นฟูกำลังจะสุกในอีกไม่กี่ลมหายใจ ข้าต้องไปหยุดเขา” เจี้ยนเฉินคิด เมื่อเขามองเห็น เขาก็หายตัวไปทันที
จักรพรรดิดาวทมิฬนั้นรวดเร็วมาก แต่เขาก็ยังเทียบไม่ได้กับเจี้ยนเฉินที่ใช้กฏของมิติ
พลังกดดันมิติพุ่งสูงขึ้นและเจี้ยนเฉินก็ได้เดินทางจากที่ไกล ๆ มาปรากฏตัวต่อหน้าจักรพรรดิดาวทมิฬราวกับเคลื่อนย้ายพริบตา ทันทีที่เขาปรากฏตัว เขาได้รวบรวมพลังปราณกระบี่ทั้งหมดก ก่อนที่จะแทงออกไปอย่างรุนแรง
จักรพรรดิดาวทมิฬเข้าใจความต้องการของเจี้ยนเฉิน เขาไม่ได้เสียเวลาเลย หมัดของเขาพุ่งเข้าปะทะปราณกระบี่ตรง ๆ
สำหรับเจี้ยนเฉิน เขาได้เปลี่ยนตำแหน่งของเขาแล้วผ่านกฏมิติในช่วงเวลาเดียวกับที่จักรพรรดิดาวทมิฬออกหมัด เขาปรากฏอย่างเงียบ ๆ ด้านหลังจักรพรรดิดาวทมิฬและฟันปราณกระบี่ออกไ ไปอีกครั้ง
ทันทีที่จักรพรรดิดาวทมิฬต่อยปราณกระบี่เส้นแรกของเจี้ยนเฉิน เขาก็สัมผัสได้ถึงการโจมตีอีกครั้งที่ด้านหลัง โดยไม่ลังเลเกิดพลังห่อหุ้มที่แข็งแกร่งขึ้นมาปกป้องตัวของเขา
เมื่อปราณกระบี่สัมผัสกับพลังที่ห่อหุ้มตัวของเขามันก็ช้าลงทันที แม้ว่ามันจะช้าลงเพียงชั่วคราว แต่ก็ทำให้จักรพรรดิดาวทมิฬมีเวลามากพอที่จะหันหลังกลับมาภายในอึดใจเดียว เขา เหวี่ยงหมัดไปด้านหลังทันทีและทำให้ปราณกระบี่ที่ด้านหลังของเขาแตกสลายด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาต่อไปที่ปราณกระบี่เส้นที่สอง หัวใจของจักรพรรดิดาวทมิฬก็เต้นไม่เป็นจังหวะทันทีด้วยความรู้สึกถึงอันตราย ที่ด้านข้างของเขาปรากฏปราณกระบี่อีกเส้นอย่างเงี ยบ ๆ และแทงเข้าหาเขาด้วยความเร็วดุจสายฟ้าที่ว่องไวและคดเคี้ยวยากคาดเดาราวกับงู
สวบ !
ปราณกระบี่ทะลวงพลังที่ห่อหุ้มรอบตัวของจักรพรรดิดาวทมิฬและทิ้งบาดแผลถึงกระดูกที่เอวของเขา เลือดสีแดงสดไหลออกมา
จักรพรรดิดาวทมิฬไม่สนใจบาดแผลที่เอวของเขาเลย เขาเปล่งเสียงคำรามอย่างรุนแรงและกระแทกฝ่ามือที่พื้นอย่างแรงทำให้ผืนดินขนาดใหญ่แตกเป็นเสี่ยง ๆ อย่างไรก็ตามเขาไม่อาจพบร่องรอย ของเจี้ยนเฉินแม้แต่นิดเดียว
ทันใดนั้นความรู้สึกถึงอันตรายก็ปรากฏอีกครั้ง บนหัวของจักรพรรดิดาวทมิฬมีเกลียวปราณกระบี่โผล่ออกมาจากมิติแทงลงมายังเหนือศีรษะของเขา
จักรพรรดิดาวทมิฬไม่สามารถเก็บความโกรธของเขาได้ เขาไม่คิดเลยว่าคนนอกคนนี้จะสามารถต้านทานการโจมตีของเขาและทำร้ายเขาได้อย่างแท้จริง ในขณะที่เขาเสียสมาธิจากการเดินทางด้วยค ความเร็วเต็มที่ของเขา
เขาเป็นใคร ? เขาเป็นจักรพรรดิดาวทมิฬซึ่งอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 9 ของขั้นอสงไขย ได้รับการยอมรับจากผู้คนว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของเผ่าดาวทมิฬ พลังต่อสู้ของเขาสามารถเทียบเคี ยงได้กับขอบเขตบรรพกาลได้ อย่างไรก็ตามคนที่มีการบ่มเพาะที่ต่ำกว่าเขาได้ทำให้เขามีบาดแผล นี่เป็นความอัปยศที่สุดของจักรพรรดิดาวทมิฬตั้งแต่ที่เขาเกิดมา
นั่นเป็นเพราะเขาคือผู้ที่อยู่ในระดับไร้พ่าย !
อย่างไรก็ตามเมื่อจักรพรรดิดาวทมิฬต้องการปล่อยหมัดและบดขยี้ปราณกระบี่เหนือศีรษะของเขา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมากและเขาอดไม่ได้ที่จะกระอักเลือดออกมาจากปากของเขา มีเล ลือดพร้อมกับชิ้นเนื้อของเขาถูกพ่นออกมา
ปราณกระบี่ที่แปลกประหลาดที่เขาเคยสัมผัสมันได้ครั้งหนึ่งเมื่อเมืองหลวงระเบิด การป้องกันทั้งหมดของเขาปรากฏออกมาจากร่างของเขาอย่างเงียบ ๆ เป็นอีกครั้งที่เขาต้องขูดเลือดขูดเนื อของตัวเอง
“ความสามารถนี้คืออะไร ? ” จักรพรรดิดาวทมิฬตกใจ เขาทำอะไรไม่ถูกจริง ๆ กับปราณกระบี่ที่ปรากฏในร่างกายของเขา เขาไม่อาจหาทางตอบโต้ใด ๆ ได้เลย เนื่องจากปราณกระบี่สามารถโจมตี ร่างกายของเขาได้ตรง ๆ ตั้งแต่แรก ไม่มีสัญญาณใด ๆ ก่อนหน้านี้ที่เขาสัมผัสได้เลย
จักรพรรดิดาวทมิฬเริ่มหวาดกลัวต่อกระบวนท่าปลิดชีพไร้เงาของเจี้ยนเฉินแล้ว เนื่องจากเขาเข้าใจว่ากระบวนท่าปลิดชีพไร้เงานี้จะไม่ได้ทำอันตรายให้เขามากนัก แต่กระบวนท่าปลิดชีพไร้ เงาจะต้องทรงพลังมากขึ้นอย่างแน่นอนเมื่อเจี้ยนเฉินแข็งแกร่งขึ้น เมื่อเจี้ยนเฉินไปถึงขอบเขตการบ่มเพาะเดียวกับเขาเมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นเขาจะยังทนทานต่อกระบวนท่าปลิดชีพไร้เงาของเจ จี้ยนเฉินได้หรือไม่ ?
ขณะที่ปราณกระบี่กำลังตกลงใส่ศีรษะของจักรพรรดิดาวทมิฬ มันเหลือเพียงไม่กี่ก้าวก็ตกลงใส่ศีรษะของจักรพรรดิดาวทมิฬแล้ว
เมื่อปราณกระบี่แทงเข้าไปที่ศีรษะของจักรพรรดิดาวทมิฬขณะนั้น เปิดผนึกที่หดขนาดลงจนเหลือกำปั้นปรากฏขึ้น ผนึกลอยอยู่เหนือศีรษะของจักรพรรดิดาวทมิฬเพื่อขัดขวางเส้นทางของปราณ กระบี่
เกิดเสียงตูมขึ้น ปราณกระบี่ปะทะเข้ากับผนึก ผนึกแทบไม่ขยับเขยื้อนในขณะที่ปราณกระบี่แตกเป็นเสี่ยง ๆ
ร่างของเจี้ยนเฉินปรากฏตัวต่อหน้าจักรพรรดิดาวทมิฬ ร่างกายของเขาดูเหมือนจะหลอมเข้ากับมิติได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้เขาดูเลือนลางและไม่อาจมองเห็นได้หากไม่ตั้งใจมอง บางครั้งเขาก็เ เห็นได้ชัด บางครั้งก็เหลือเพียงภาพเงา ตัวตนของเขาราวกับควันลวงตาที่พร้อมจะหายไปได้ทุกเมื่อ
การใช้กฏมิติของเขาใกล้เข้าขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว เขาไม่ได้พัฒนาสิ่งนี้ผ่านการฝึกฝนและใช้ความพยายามเลย แต่เขากลับได้รับข้อได้เปรียบจากการดูดซับวิญญาณสัตว์อสูรจักรพรรดิแมลงมิติ
“น่าเสียดายที่ความเข้าใจกฏมิติของข้าต่ำเกินไปและยังใช้การโจมตีจำนวนมาก วิถีจากการใช้กฏมิตินั้นไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิงเมื่อเผชิญหน้ากับจักรพรรดิดาวทมิฬ” เจี้ยนเฉินคิด ความ มเข้าใจตอนนี้ของเขาเกี่ยวกับกฎมิตินั้นยังคงอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 2 ของขั้นอสงไขย ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาจึงใช้ความสามารถของกฏมิติเพื่อเปลี่ยนตำแหน่งและรวมเข้ากับกฏกระบี เพื่อโจมตีจักรพรรดิดาวทมิฬที่มีพลังเทียบเคียงกับขั้นบรรพกาล
กฏมิติเป็นวิธีการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของเขาในตอนนี้
ถ้าหากกฏมิติของเขาเหนือกว่าการบ่มเพาะของจักรพรรดิทมิฬ เขาจะต้องเปลี่ยนแปลงมิติระหว่างพวกเขาทั้งสองเท่านั้น และนั่นก็เพียงพอที่จะดักจับจักรพรรดิดาวทมิฬได้เกือบถาวร เขาไม่ส สามารถข้ามมิติไกลได้ แม้ว่าเขาจะใช้เวลาในการเดินทางไม่กี่ปีก็ตาม
“จักรพรรดิทมิฬ เจ้าจะต้องไม่เสียความตั้งใจขณะที่เผชิญหน้ากับใครสักคนในการต่อสู้ใช่หรือไม่ ? ข้าอาจจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับเจ้า แต่ข้ายังทำร้ายเจ้าได้ ถ้าเจ้ายังเป็นแบบนี้อยู่ต่อไป ข้าอาจจะมีโอกาสฆ่าเจ้า ที่นี่ก็ได้” เจี้ยนเฉินขวางเส้นทางจักรพรรดิทมิฬพร้อมกับยิ้มจาง ๆ แต่เมื่อเขาพูดไปสองสามคำ สุดท้ายน้ำเสียงของเขาก็ดูเยือกเย็นเป็นพิเศษ ดวงตาของเขาเต็ม มไปด้วยเจตนาฆ่า
ในตอนนี้ พลังกดดันของกฏและวิถีเพิ่มมาจากขึ้นจากสวนสมุนไพรที่ไกลออกไป เมื่อมองจากที่ไกล ๆ แล้ว มันเป็นไปได้ว่าจะเห็นท้องฟ้าได้กลายเป็นสีน้ำเงินเข้ม
“ผลแห่งวิถีฟื้นฟูกำลังจะสุก ! ” เจี้ยนเฉินและจักรพรรดิดาวทมิฬต่างก็สังเกตเห็นปรากฏการณ์นี้และพวกเขาก็คิดอย่างเดียวกัน
“ฮึ่มม แค่เจ้างั้นหรือ ? อย่ามาทำตัวขี้แยเลยน่า ! ” จักรพรรดิดาวทมิฬไม่เสียเวลาอีกต่อไป เขาส่งเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวและทำให้ผนึกที่หดตัวลอยอยู่เหนือหัวของเขาก่อนที่จะเรี ยกโล่สามเหลี่ยมจากด้านหลังของเขาออกมา เขาพุ่งเข้าหาเจี้ยนเฉินราวกับเสือร้าย
“ข้าอยู่นี่ ! ” เจี้ยนเฉินก็ตะโกนออกมาเช่นกัน ผลวิถีรักษากำลังจะสุกได้ทุกเวลา
หลังจากนั้นร่างกายของเขาก็ออกจากมิติ เขาระเบิดออกมาพร้อมกับแสงและพลังบรรพกาลที่ไหลพล่านอยู่ในร่างกายของเขาอย่างรุนแรง ในขณะที่เขาเปลี่ยนให้ตัวของเขากลายเป็นกระบี่ขนาดใหญ ญ่ เขาพุ่งเข้าหาจักรพรรดิดาวทมิฬอย่างบ้าคลั่งในขณะที่เขาแผ่รังสีปราณกระบี่
จักรพรรดิดาวทมิฬเหวี่ยงหมัดเข้าปะทะกับปราณกระบี่อย่างรุนแรง มีเสียงปะทะกันดังกึกก้องเต็มมิติ
คราวนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เจี้ยนเฉินใช้พลังอย่างเต็มที่เผชิญหน้ากับจักรพรรดิดาวทมิฬตรง ๆ นับตั้งแต่ที่เขาเริ่มต่อสู้กัน เพียงแค่การปะมือกันในครั้งนี้ก็ทำให้มิติแตกเ เป็นเสี่ยง ๆ และสภาพแวดล้อมพังทลาย พลังปราณที่รุนแรงที่ปล่อยออกมาจากโลกได้ทำลายทุกสิ่งอย่างจนราบคาบ
หมัดของจักรพรรดิดาวทมิฬได้ทำให้เจี้ยนเฉินกระเด็นไปจนรัศมีแสงเริ่มอ่อนลง มีเลือดทะลักออกจากปากของเขา เพราะตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส
จักรพรรดิดาวทมิฬซึ่งกำลังรีบเร่งไปยังสวนสมุนไพรต้องหยุดชะงักลง เขาถอยหลังไปสามก้าวอย่างไม่อาจควบคุมได้ในขณะที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ช่างเป็นร่างกายที่แข็งแกร่งแ และมีการฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ด้วยสิ่งนี้ทำให้เจ้าไม่ใช่คนของพวกโลกเซียน เจ้าเป็นใครกันแน่ ? ”
แต่หลังจากนั้นไม่นานจักรพรรดิดาวทมิฬก็ส่ายหัวและพูดอย่างเย็นชาว่า “ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร มันก็ไม่สำคัญอีกแล้ว เจ้าขัดขวางพิธีใหญ่ของเรา เจ้าไม่อาจได้รับการให้อภัย เมื่อข้าทำ ำลายผลแห่งวิถีฟื้นฟูแล้ว ข้าจะจัดการสังหารเจ้าให้หมดสิ้น แม้ว่าข้าจะต้องรวบรวมเผ่าทั้งหมดของข้าเพื่อขจัดคำสาปขั้นสุดยอดที่บรรพชนเคยทิ้งเอาไว้”
“ผู้เชี่ยวชาญซึ่งทรงพลังและยากต่อการสังหารที่สามารถเข้าสู่โลกดาวทมิฬได้ มันก็เพียงพอแล้วที่เผ่าของเราจะต้องยอมจ่ายในราคามหาศาลและร่ายคำสาปขั้นสูงสุด….”