เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2862: ได้รับในที่สุด
ตอนที่ 2862: ได้รับในที่สุด
หลังจากเสียงพึมพำ จักรพรรดิดาวทมิฬยังคงบินไปที่สวนสมุนไพรโดนไม่สนใจว่าหมัดของเขาจะต่อยเจี้ยนเฉินกระเด็นไปหรือไม่ เพราะเขารู้ว่ากฏมิติของเจี้ยนเฉินนั้นมหัศจรรย์ แม้ว่าเขาจะไล่ตามอีกฝ่ายในขณะที่ครอบครองความเหนือกว่า อีกฝ่ายก็สามารถหลุดมือไปได้ด้วยกฏมิติ
ผลแห่งวิธีฟื้นฟูคือสิ่งที่สำคัญ เขารู้ดีว่าผลกระทบของมันเป็นแบบไหน ผลแห่งวิถีฟื้นฟูระดับเทพขั้นสูงที่สุกแล้วเหล่านี้ไม่อาจตกไปอยู่ในมือของคนนอก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
อีกด้านหนึ่ง ร่างเจี้ยนเฉินก็หายไปอย่างกะทันหัน เมื่อเขาปรากฏขึ้นอีกครั้งบาดแผลส่วนใหญ่ของเขาก็ฟื้นตัว เขายังคงมุ่งเข้าหาจักรพรรดิดาวทมิฬในขณะที่ห่อหุ้มด้วยปราณกระบี่เพื่อจุดประสงค์ที่จะรั้งจักรพรรดิดาวทมิฬและซื้อเวลาสำหรับผลแห่งวิถีฟื้นฟู
ผลแห่งวิถีฟื้นฟูยังคงอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาและยังไม่สุกอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามด้วยการเร่งความเร็วชั่วคราวของหยกทั้งสามสิบชิ้น เวลาที่ใช้พัฒนาจึงลดลง
เป็นผลให้เขาต้องทำให้จักรพรรดิดาวทมิฬวุ่นวายอยู่ชั่วครู่
ขณะที่มีสีสะท้อนอยู่บนท้องฟ้าจากระยะไกล ยิ่งงดงามมากขึ้น นั่นก็หมายความว่าผลวิธีฟื้นฟูกำลังจะสุกแล้วจริง ๆ
“เจ้าประเมิณตัวเองสูงไป ! ทั้งหมดนี้เป็นการกระทำที่ไร้ประโยชน์ ! ” จักรพรรดิดาวทมิฬตะโกน ทันใดนั้นผนึกบนหัวของเขาก็บินออกไปเพื่อรับมือกับเจี้ยนเฉิน อย่างไรก็ตามในขณะที่ผนึกกำลังจะโจมตีเจี้ยนเฉิน เจี้ยนเฉินก็เปลี่ยนตำแหน่งของเขาและปรากฏตัวที่อื่นทำให้จักรพรรดิดาวทมิฬต้องหันกลับมาต่อยเขา
ปัง ! ด้วยเหตุนี้ปราณกระบี่จึงถูกหมัดของจักรพรรดิทำลายเป็นเสี่ยง ๆ แต่ครั้งนี้หลงเหลือเพียงพลังของปราณกระบี่ แต่ตัวของเจี้ยนเฉินหายไปแล้ว
ในช่วงเวลาต่อมา เจี้ยนเฉินก็โผล่ออกมาจากมิติในอีกทิศทางหนึ่งและโจมตีราวกับอสรพิษ
จักรพรรดิดาวทมิฬออกหมัดครั้งแล้วครั้งเล่า ในขณะที่เขาทำลายการโจมตีของเจี้ยนเฉิน เขาก็เห็นเจี้ยนเฉินเผยตัวมาจากระยะไกล
สิ่งที่มองเห็นนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผลแห่งวิถีฟื้นฟูกำลังจะสุกงอมและเจี้ยนเฉินก็ไม่อาจจัดการสิ่งที่ต้องจ่ายออกไปได้ เขาจ่ายค่าตอบแทนออกไปจนหมดร่างกายของเขาอย่างแท้จริงเพื่อถ่วงเวลาจักรพรรดิดาวทมิฬ
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเขาต้องทำการโจมตีของจักรพรรดิดาวทมิฬอีกกี่ครั้งก็ตาม การโจมตีของจักรพรรดิดาวทมิฬนั้นรุนแรงเกินไป ซึ่งการโจมตีทุกครั้งอาจจะทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส ถ้าไม่ใช่เพื่อการป้องกันที่แข็งแกร่งและการฟื้นตัวที่ไวอย่างน่าตกใจของร่างบรรพกาล เขาคงไม่อาจอยู่ได้จนถึงตอนนี้
อย่างไรก็ตาม ผลที่เขาได้รับจากการจ่ายค่าตอบแทนออกไปเป็นจำนวนมากนั้นค่อนข้างชัดเจน การเดินหน้าของจักรพรรดิดาวทมิฬได้ชะลอตัวลง
จักรพรรดิดาวทมิฬรู้สึกหงุดหงิดและตกใจมากขึ้นเรื่อย ๆ กับความแข็งแกร่งของร่างบรรพกาลอยู่ภายใน ตอนนี้เจี้ยนเฉินไม่อาจฆ่าได้ใจสายตาของเขา ไม่ว่าจะทำอย่างไรเขาก็จะไม่ตายแน่นอน ไม่ว่าบาดแผลของเขาจะรุนแรงแค่ไหนเขาก็ฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว เมื่อใดก็ตามที่เขาคิดว่าเขาไม่อาจไปต่อได้ เจี้ยนเฉินจะปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขาด้วยกฏมิติทุกครั้งและพลังการต่อสู้ของเขาก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย หากจักรพรรดิดาวทมิฬไม่ป้องกัน เจี้ยนเฉินก็ยังคุกคามเขาได้ในระดับหนึ่ง
ในช่วงเวลานี้ จักรพรรดิดาวทมิฬได้ใช้ทักษะการต่อสู้ระดับเทพอื่น ๆ ทันที โดยคิดว่าเจี้ยนเฉินได้รับบาดเจ็บหนักแล้วและไม่อาจป้องกันทักษะการต่อสู้ระดับเทพของเขาได้อีก
อย่างไรก็ตามผลสุดท้ายก็ทำให้จักรพรรดิดาวทมิฬต้องผิดหวัง ทักษะการต่อสู้ระดับเทพที่เขาใช้จัดการกับเจี้ยนเฉินแม้ว่าเจี้ยนเฉินจะได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ก็ไม่อาจหยุดไม่ให้อีกฝ่ายตามมาได้ ในขณะที่ทักษะระดับเทพถูกใช้มันก็เหมือนกับการปล่อยลมลูกโป่ง เขาต้องทุ่มเทพลังทั้งหมดไป
แต่เขาเหนื่อยล้าอย่างมากเพราะเขาใช้ทักษะการต่อสู้ระดับเทพติดต่อกัน
นอกจากนี้เขายังพยายามใช้ผนึกและโล่สามเหลี่ยมเพื่อป้องกันเจี้ยนเฉินและป้องกันไม่ใช่เขามาขวางทางของเขา แต่กฏมิติของเจี้ยนเฉินนั้นยากที่จะเข้าใจ วัตถุเทพทั้งสองไม่อาจปกปิดร่างกายของเขาได้ทั้งหมด ดังนั้นมันจึงมีช่องว่างเปิดอยู่เสมอ ท้ายที่สุดเจี้ยนเฉินก็กำหนดเป้าหมายเหล่านี้ด้วยการโจมตีของเขา ทำให้บังคับจักรพรรดิดาวทมิฬปิดกั้น
บาดแผลเจี้ยนเฉินรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เนื้อส่วนใหญ่ของเขาหายไป ดังนั้นท่อนบนจึงเหลือเพียงโครงกระดูกเท่านั้นและกระดูกหลายชิ้นก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ
อาการบาดเจ็บของเขารุนแรงมาเกินไปจนถึงระดับที่น่ากลัว การฟื้นฟูของร่างบรรพกาลของเขาลดลงอย่างมากขณะที่จักรพรรดิดาวทมิฬได้เข้าใกล้สวนสมุนไพร
เขาไม่อาจหยุดยั้งการรุกคืบของจักรพรรดิดาวทมิฬได้อย่างสมบูรณ์ เขาสามารถถ่วงเวลาให้อีกฝ่ายช้าลงได้ชั่วคราวเท่านั้น
8 ล้านกิโลเมตร...
5 ล้านกิโลเมตร...
จักรพรรดิดาวทมิฬเข้าใกล้สวนสมุนไพรมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาเข้ามาอยู่ในระยะ 2 ล้านกิโลเมตรในไม่ช้า
ด้วยความสามารถในการต่อสู้ของจักรพรรดิดาวทมิฬในขั้นบรรพกาล เมื่อเขาอยู่ห่างเพียง 1 ล้านกิโลเมตร เขาจะสามารถใช้พลังอันยิ่งใหญ่ของเขาเพื่อทำลายสวนสมุนไพรจากระยะไกลได้
ในขณะที่เขาเฝ้ามองจักรพรรดิดาวทมิฬค่อย ๆ เข้าใกล้สวนสมุนไพรอย่างไม่หยุดยั้ง หัวใจของเจี้ยนเฉินก็ดิ่งลงเล็กน้อย หากผลแห่งวิถีฟื้นฟูยังไม่ได้พัฒนา เขาสามารถดึงมันได้ตรง ๆ แม้ว่าขั้นกลางอาจจะไม่ดีเท่าขั้นสูง แต่ก็ยังช่วยเขาได้มาก
อย่างไรก็ตามผลแห่งวิถีฟื้นฟูกำลังพัฒนาเมื่อเขาค้นพบ เมื่อกระบวนการวิวัฒนาการเริ่มต้นขึ้น มันเป็นเส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับ มันจะเป็นความสำเร็จหรือการทำลายล้าง
นี่เป็นเหมือนผู้เชี่ยวชาญที่ทะลวงขอบเขตใหญ่ เมื่อถูกพลังภายนอกรบกวนในระหว่างการพัฒนา พวกเขาจะได้รับผลกระทบอย่างมากและได้รับความเสียหายอย่างที่ไม่อาจจินตนาการได้ มันอาจจะปิดผนึกชะตากรรมของพวกเขาด้วยซ้ำ
ในขณะที่แสงหลากสี่พุ่งขึ้นบนอากาศใกล้กับสวนสมุนไพรจากระยะไกล สภาพแวดล้อมก็กลายเป็นโลกที่หลากสีที่งดงาม
ภายในหมอกแสงได้มีพลังบริสุทธิ์หมุนเวียนอย่างยิ่ง มันเหมือนกับว่ามันกำลังจะสะท้อนกับสามพันวิถีรอบ ๆ ทำให้พวกมันเป็นจริงและสานรวมกันเป็นโซ่แห่งกฏระเบียบ ในขณะเดียวกันก็สร้างเสียงดัง มันมหัศจรรย์และลึกลับ
“ผลแห่งวิถีฟื้นฟูสุกแล้ว ! ” เมื่อเห็นแสงหลากสีที่ขอบฟ้า ใบหน้าของเจี้ยนเฉินก็สว่างขึ้น ในที่สุดช่วงเวลานี้ก็มาถึง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ละมือจากจักรพรรดิดาวทมิฬทันทีอย่างไม่ลังเล เขาเคลื่อนที่ไปหลายครั้งด้วยการเคลื่อนย้ายทางไกลแบบใกล้ ๆ หลายครั้งติด ๆ กัน เขาเดินกระพริบราวกับแสงไฟ ซึ่งแต่ละครั้งเขาก็เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงด้วยกฏของมิติ
อย่างไรก็ตามเขายังคงอยู่ห่างจากสวนสมุนไพร 2 ล้านกิโลเมตร แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะเดินทางด้วยความเร็วสูงสุดด้วยกฏมิติ แต่ก็ต้องใช้เวลาประมาณ 15 วินาทีเพื่อเดินทางได้ไกลขนาดนี้
“ไม่นะ ข้าไม่อาจปล่อยให้ผลแห่งวิถีฟื้นฟูอยู่ในมือของคน ๆ นี้” สีหน้าของจักรพรรดิดาวทมิฬเปลี่ยนไปอย่างมาก เขารู้ว่ามันยากมากสำหรับเขาที่จะไปเอาผลแห่งวิถีฟื้นฟูก่อนผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจกฏมิติ ไม่มีทางเลือกอื่นใด เขาทำได้แต่กัดฟันและตั้งมั่นความตั้งใจของเขา
ในเวลาต่อมา เขาเผาแก่นโลหิตของเขา ท้ายที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะทำร้ายตัวเองโดยการเผาผลาญแก่นโลหิตด้วยวิธีพิเศษที่ทำให้เขารุ่งโรจน์ ? เมื่อครั้งอดีต เขาสร้างผนึกด้วยมือทั้งสองข้าง มีเส้นแสงสีแดงที่มาจากเลือดที่พุ่งออกจากปากของเขาก่อนที่จะรวมตัวกันเป็นผนึก
ผนึกนี้เป็นวัตถุเทพขั้นกลาง แต่ในอดีตมันได้รับความเสียหายอย่างหนัก ไม่เพียงแต่จะมีพลังด้อยกว่าหนึ่งในสิบแต่เดิมของมัน แม้แต่จิตวิญญาณวัตถุก็หายไป
เมื่อจักรพรรดิดาวทมิฬพ่นแก่นโลหิตออกมาและตามมาด้วยผนึกที่เขาสร้าง มันก็หายไปราวกับผนึกนั้นกำลังจะตื่นเต้นจากการหลับไหล มันเปล่งพลังขึ้นมาทันทีพร้อมกับแสงพลังปราณที่ทรงพลังจนสามารถฉีกมิติรอบ ๆ ให้มืดครึ้มได้ตรง ๆ
ในขณะนั้นผนึกก็ดูเหมือนจะกลับคืนสู่สภาพเดิมตอนที่มันยังรุ่งโรจน์และอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์หลังจากดูดซับแก่นโลหิตของจักรพรรดิดาวทมิฬ มันเปล่งประกายด้วยแสงอันเป็นเอกลักษณ์ของวัตถุเทพขั้นกลางและส่องสว่างไปทั่วโลก
วัตถุเทพขั้นกลางเป็นวัตถุเทพที่ขั้นบรรพกาลใช้อยู่แล้ว แม้แต่ขั้นอัครสูงสุดที่ไม่ค่อยมั่งคั่งก็ยังใช้วัตถุเทพขั้นกลาง
“ข้าไม่คิดว่าจะถูกบังคับให้ใช้มันอีกครั้งกับใครสักคนจริง ๆ ” จักรพรรดิดาวทมิฬถอนหายใจเบา ๆ หลังจากสูญเสียแก่นโลหิต ความอ่อนล้าก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา หลังจากนั้นเขาก็ยื่นนิ้วออกไปและผนึกที่ส่องแสงก็หายไปทันที
ไม่..ความจริงแล้วผนึกไม่ได้หายไปจริง ๆ แต่มันเคลื่อนไหวในมิติด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อกว่าของเจี้ยนเฉินและพุ่งตรงไปที่สวนสมุนไพร
ความเร็วของผนึกที่ปรากฏอยู่นี้เทียบเท่ากับขั้นบรรพกาลที่มีชีวิตจริง ๆ มันข้ามมิติออกไปก้าวใหญ่ ๆ ในแต่ละครั้งที่มันกระพริบ ซึ่งทุกครั้งเป็นความเร็วขั้นสูงสุดเท่าที่มันจะใช้ได้
แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะเดินทางด้วยกฏมิติด้วยความเร็วเต็มที่ แต่เขาก็ไม่ได้ใช้ความเร็วใกล้เคียงกับขั้นบรรพกาล เขาถูกแซงทันที
ขั้นบรรพกาลเป็นคนที่ก้าวข้ามขอบเขตใหญ่ที่อยู่ขั้นสูงจากทั้งหมด ความสามารถของพวกเขาจะก้าวกระโดดในทุก ๆ ด้านหลังจากที่ทะลวงผ่าน ในอวกาศที่กว้างใหญ่ ขั้นบรรพกาลสามารถสามารถติดตามยานอวกาศได้เพียงแค่การเดินทางอย่างเดียว
แม้ว่าจักรพรรดิดาวทมิฬจะมีความสามารถในการต่อสู้เท่ากับขั้นบรรพกาล แต่นั้นก็เป็นเพียงพลังต่อสู้ของเขา แต่จักรพรรดิดาวทมิฬไม่อาจมีความสามารถในความเข้าใจและทักษะต่าง ๆ เทียบเท่ากับขั้นบรรพกาล
ตัวอย่างเช่น ความเข้าใจในวิถี จักรพรรดิดาวทมิฬยังคงอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 9 ของขั้นอสงไขยและความแข็งแกร่งของเขาก็เทียบเท่ากับการบ่มเพาะในชั้นสวรรค์ที่ 9 ความเร็วและพลังชีวิตของเขานั้นแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
ทำให้เขาไม่อาจเร็วเท่าเจี้ยนเฉินได้
อย่างไรก็ตามนั่นเป็นคนกรณีกับขั้นบรรพกาล !
ในเวลาเพียง 10 วินาที ผนึกก็แซงหน้าเจี้ยนเฉินและมาถึงสวนสมุนไพรก่อน มันกลายเป็นภูเขาขนาดมหึมาในทันทีและตกลงพื้นเพื่อที่จะทำลายล้างพื้นที่ด้านล่างให้หายไป
เจี้ยนเฉินใช้กฏมิติจนถึงขีดสุด เขารีบตรงเข้าไปยังสวนสมุนไพรด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ในขณะเดียวกันเขาก็ปล่อยปราณกระบี่เกลียวออกไปผ่านทางมิติและปะทะเข้ากับผนึกอย่างรวดเร็วเพื่อชะลอการตกของผนึก
อย่างไรก็ตามผนึกที่มีพลังของวัตถุเทพขั้นกลาง วัตถุเทพขั้นกลางยังคงไม่ใช่สิ่งที่เจี้ยนเฉินจะสามารถเบี่ยงเบนหรือกระทบได้ในตอนนี้ ดังนั้นปราณกระบี่ของเขาจึงไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง
ในขณะที่ผนึกตกลงมาอย่างรวดเร็ว แรงกดดันมหาศาลที่ปล่อยออกมาทำให้พืชทั้งหมดในสวนสมุนไพรโน้มตัวลง
มันรวดเร็วยิ่ง มันเป็นไปไม่ได้ที่เจี้ยนเฉินจะไปถึงสวนสมุนไพรก่อนผนึก
ในช่วงเวลาวิฤตินี้ ปราณกระบี่ทั้งสองปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเจี้ยนเฉิน เจี้ยนเฉินไม่รู้ว่าปราณกระบี่ลึกล้ำนี้จะได้ผลหรือไม่ แต่สิ่งที่เขาทำได้คือพยายามให้ถึงที่สุด
เพียงการปรากฏตัวของปราณกระบี่ลึกล้ำ เจตจำนงค์กระบี่ปรากฏอยู่รอบ ๆ อย่างเต็มที่ จากนั้นมันก็กลายเป็นริ้วแสงและก้าวข้ามมิติและเวลาโดยไม่สนใจระหว่างระหว่างพวกมันและมันก็ปะทะเข้ากับผนึกทันที
ผนึกสั่นอย่างรุนแรงทันที แสงของมันกระพริบอย่างรวดเร็ว ขณะที่มันส่ายไปส่ายมาอย่างแรงบนอากาศ จักรพรรดิดาวทมิฬที่อยู่ห่างออกไป 2 ล้านกิโลเมตรรู้สึกได้ผ่านศีรษะของเขา มันราวกับมีค้อนที่มองไม่เห็นปะทะใส่เขาผ่านการเชื่อมต่อผนึกนั้น เวลานี้มันเปราะบางมากราวกับว่ามันสามารถตัดขาดได้ทุกเมื่อ
แต่โชคดีที่สถานะนี้คงอยู่เพียงชั่วอึดใจเดียวก่อนที่จะฟื้นตัว
แต่ในช่วงเวลานั้น เจี้ยนเฉินได้เข้าไปในสวนสมุนไพรเรียบร้อยแล้ว ผลแห่งวิถีฟื้นฟูกำลังตกอยู่ในมือของเขา เพียงแค่เขากวาดมือมันก็หายไปในเวลาต่อมาซึ่งถูกเก็บไว้ในแหวนมิติแล้ว
ตูม !
โลกสั่นสะเทือน ในเวลาเดียวกับที่เจี้ยนเฉินเก็บผลแห่งวิถีฟื้นฟู เขาก็ถูกผนึกกดทับจมลงไปในดินพร้อมกับผนึก