เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2863: แสวงหาความยิ่งใหญ่
ตอนที่ 2863: แสวงหาความยิ่งใหญ่
จากการเชื่อมต่อของผนึก จักรพรรดิดาวทมิฬสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าผนึกของเขายังคงทับเจี้ยนเฉินอยู่ อีกฝ่ายไม่ได้หนีไปพร้อมกับกฏมิติซึ่งทำให้เขาโล่งอกในท้ายที่สุด
ตอนนี้เขารู้สึกกระตุกจากสัมผัสและสังเกตเห็นถึงจิตสังหารของเขาที่มีต่อคนนอกนั้นกลายเป็นเรื่องเร่งด่วนจริง ๆ และเพิ่มขึ้นจนถึงระดับที่เขากระสับกระส่าย นี่ไม่ใช่เพียงเพราะอาชญ ญากรรมที่บุคคลภายนอกก่อขึ้นจากการขัดขวางพิธีใหญ่
จักรพรรดิดาวทมิฬเข้าใจแล้วว่าความสามารถของคนนอกนั้นดีแค่ไหนและเขาก็ไม่อาจสังหารคนนอกเหล่านั้นได้ง่าย ๆ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับเขา แต่ก็สามารถต่อสู้กั บเขาได้นานขนาดนี้
นอกจากนี้อีกฝ่ายยังมีทักษะแปลก ๆ อีกด้วย ไม่เพียงแต่อีกฝ่ายจะสามารถทำลายทักษะการต่อสู้ระดับเทพของเขาได้หรือลดความสามารถของทักษะการต่อสู้ระดับเทพที่เขาใช้ได้นับไม่ถ้วน แต่ อีกฝ่ายยังมีปราณกระบี่บางอย่างที่ไม่สนใจพลังป้องกันทั้งหมดของเขาและเข้ามาอยู่ในร่างกายของเขา
ทุกทักษะและวิธีการมีอำนาจลึกลับ ตอนนี้พวกเขารวมตัวกันเป็นคน ๆ เดียวกัน ทำให้คนนอกนั้นน่ากลัวมากเสียจนแม้แต่จักรพรรดิดาวทมิฬก็รู้สึกตื่นตระหนก ทำให้เขารู้สึกได้ถึงการคุกคาม มที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
“โชคดีที่เขาตายก่อน” จักรพรรดิดาวทมิฬสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ อย่างไรก็ตามไม่นานเขาก็จำลักษณะพิเศษของเจี้ยนเฉินได้และสูญเสียความมั่นใจทันที ในระหว่างการต่อสู้มีหลายครั้งที่เจี้ยน นเฉินได้รับบาดแผลที่ไม่อาจจิตนาการได้ แม้แต่กระโหลกของเขาก็แตก ครั้งหนึ่งเขาได้รับบาดแผลหลายครั้งจนกระทั้งที่ว่าแม้แต่ตัวจักรพรรดิดาวทมิฬเป็นคนโดนเองก็ยังไม่อาจรอดชี วิตได้แน่นอน
แต่…ท้ายที่สุดแล้วเป็นอย่างไร ?
ท้ายที่สุดอีกฝ่ายก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขาได้หลังจากนั้นไม่นาน พลังชีวิตของอีกฝ่ายช่างมากมายนัก โดยปกติแล้วนี่มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์เป็นอย่างมาก
ในขณะที่เขาคิดถึงเรื่องนี้ จักรพรรดิดาวทมิฬถอนหายใจด้วยความโล่งอก ความสูญเสียความมั่นใจของเขากลับมาอีกครั้ง ในขณะที่หัวใจที่กระโจนไปถึงลำคอได้สงบลง หลังจากนั้นโดยไม่ลังเล เข ขาก็หายตัวไปและพุ่งไปยังทิศทางของสวนสมุนไพรด้วยความเร็วเต็มที่
ถึงตอนนี้ สวนสมุนไพรที่ยาวหลายร้อยกิโลเมตรได้กลายเป็นหลุมสีดำสนิทไร้ก้นบึ้ง จักรพรรดิดาวทมิฬได้ปลุกพลังในอดีตของผนึกด้วยการจ่ายเป็นแก่นโลหิตของเขา ทำให้ผนึกได้ขยายหลา ายร้อยกิโลเมตรและครอบคลุมทั้งสวนสมุนไพรเพื่อทำการโจมตีอย่างที่ใจคิด
เมื่อมองไปตรงตอนนี้ สวนสมุนไพรในอดีตไม่มีอยู่อีกต่อไป ไม่มีแม้แต่ร่องรอยที่เหลืออยู่ ผนึกได้กดลงไปทั่วทั้งพื้นที่จนกลายเป็นหลุมอย่างไร้ปราณี
ไม่นานจักรพรรดิดาวทมิฬก็ปรากฏตัวขึ้นเหนือสวนสมุนไพรในอดีต การทำลายสวนสมุนไพรไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดเลย สิ่งที่เขาสนใจค่อชะตากรรมของคนนอก
“เขาได้รับผลแห่งวิถีฟื้นฟูแล้ว หากเขาสามารถหลบหนีได้สำเร็จในครั้งนี้และใช้ผลวิถีฟื้นฟูเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและต่อต้านเผ่าของเรา ผลที่ตามมาข้าไม่อยากจะคิดถึง ข้าไม่อา าจสัมผัสได้ว่าเขาอยู่ใต้ดินได้หรือไม่อีกต่อไป เขาตายไปแล้วหรือ ? ” จักรพรรดิดาวทมิฬคิด ตอนนี้เขาเครียดเป็นอย่างมากและประสาทของเขาก็ตึงขึงราวกับว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับศัต ตรูที่ทรงพลัง เขาไม่กล้าประมาทเลย เขายังขยายสัมผัสวิญญาณของเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อทำการค้นหาใต้ดินอย่างละเอียดรวมถึงส่วนลึกสุดของใต้ดินครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ในขณะนี้จู่ ๆ ดินก็พุ่งขึ้นไปบนอากาศห่างออกไปร้อยกิโลเมตร ร่างที่เต็มไปด้วยเลือดโผล่ออกมาจากพื้นดินก่อนที่จะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนเห็นอีกทีในระยะ 1,000 เมตรต่อมา
“เขายังไม่ตายจริง ๆ ! ” จักรพรรดิดาวทมิฬเกิดความตื่นตระหนกอยู่ภายใน เมื่อเห็นร่างที่พร่าเลือนและยังมองไม่ชัด แม้แต่สัมผัสของเขาก็ไม่สามารถตรวจจับได้ เขาเริ่มกัดฟันทันที
เพียงโบกมือ ผนึกที่จมลงไปในหลุมก็บินเข้าหาจักรพรรดิดาวทมิฬทันที เขาไม่สนใจการสูญเสียแก่นโลหิตอีกต่อไปแล้ว เขาพ่นแก่นโลหิตของเขาอีกครั้งและใช้ทักษะลับเพื่อปลุกพลังของผ ผนึกในอดีตอีกครั้งทันที
ในเวลาต่อมา ผนึกก็รีบวิ่งไปที่เหนือหัวของเจี้ยนเฉินและกดลงพร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาลอีกครั้ง
แต่คราวนี้ ผนึกช้าเกินไป กฎมิติหมุนวนรอบ ๆ เจี้ยนเฉินและเขาก็ทำให้ผนึกโจมตีพลาด
ตอนนี้ จักรพรรดิดาวทมิฬไม่สามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันของเจี้ยนเฉินได้เลย หากเขาไม่ใช้สายตา เขาก็ไม่อาจสัมผัสเจี้ยนเฉินได้อีกต่อไปและสิ่งนี้ทำให้จักรพรรดิดาวทมิฬตื่นตระหนก สัม มผัสวิญญาณของเขาแผ่ไปทั่วบริเวณรอบ ๆ โดยจับสัมผัสทุกด้านในเวลาเดียวกันก่อนที่จะขึ้นไปบนที่สูงเพื่อมองจากรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว
ท้ายที่สุดเขาก็พบร่องรอยของเจี้ยนเฉินที่อยู่ห่างออกไปหลายแสนกิโลเมตรด้วยสายตาของเขา เขาพุ่งออกไปทันทีราวกับสายฟ้าและเผาแก่นโลหิตของเขาเพื่อฟื้นพลังของผนึกอีกครั้งก่อนท ที่จะส่งมันออกไปโจมตีเจี้ยนเฉินดุจฟ้าผ่าจากระยะไกล
เขาไม่มีทางเลือกอื่น ในแง่ของความเร็ว มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเร็วกว่าเจี้ยนเฉินที่เข้าในกฏมิติ เจี้ยนเฉินยังได้รับผลแห่งวิถีฟื้นฟู ดังนั้นเขาจึงไม่อาจปล่อยให้อีกฝ่ายมีชีว วิตอยู่ต่อไปได้อย่างแน่นอน ทำให้จักรพรรดิดาวทมิฬระเบิดความเร็วชั่วระยะเวลาหนึ่งของผนึกเพื่อตามล่าเจี้ยนเฉินจากระยะไกล
แต่ตอนนี้ เจี้ยนเฉินเป็นฝ่ายหนีและจักรพรรดิดาวทมิฬเป็นฝ่ายตาม การฆ่าเขาด้วยผนึกจากที่ไกล ๆ เป็นเรื่องยากที่จะทำได้
เจี้ยนเฉินมักจะเปลี่ยนทิศทางในขณะที่เขาเคลื่อนไหว การเคลื่อนไหวของเขาไม่อาจคาดเดาได้ ในขณะที่จักรพรรดิดาวทมิฬต้องตามหาเจี้ยนเฉินก่อนที่จะใช้ผนึกโจมตีซึ่งทำให้เขาได้เปรียบจากกา ารเป็นฝ่ายนำ การขาดระยะติดต่อนี้ทำให้เจี้ยนเฉินนำหน้าจักรพรรดิดาวทมิฬหนึ่งก้าวก่อนที่เขาจะได้ส่งผนึกโจมตี
ใบหน้าของจักรพรรดิดาวทมิฬเต็มไปด้วยความโกรธ เขาตามหลังเจี้ยนเฉินมาอย่างใกล้ชิดและไม่ยอมแพ้ เขาเผาแก่นโลหิตของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าและผนึกก็แสดงพลังของมันในอดีตออกมาในฐานะ ะที่เป็นวัตถุเทพขั้นกลางครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้แต่จักรพรรดิดาวทมิฬก็ยังยากที่จะรับมือแม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่าก็ตาม
อย่างไรก็ตามเขาได้ใช้ทักษะการต่อสู้ระดับเทพ 6 ครั้งก่อนหน้านี้ ร่างกายของเขาเหนื่อยล้ามานานมากแล้ว ดังนั้นท้ายที่สุดจักรพรรดิดาวทมิฬก็เริ่มรู้สึกอ่อนแรงหลังจากเผาแก่นโลหิตขอ องเขาและกวัดแกว่งผนึกอย่างเต็มกำลังหลายต่อหลายครั้ง
แต่ถึงอย่างนั้นจักรพรรดิดาวทมิฬก็ไม่มีความตั้งใจที่จะยอมแพ้ เขาตามหลังจนข้ามผ่านดินแดนส่วนใหญ่ของโลกดาวทมิฬผ่านร่องรอยของเจี้ยนเฉินที่ทิ้งไว้ขณะที่เขาหนี เมื่อพวกเขากำลัง งจะเข้าสู่ส่วนลึกของภูเขาโลกาแฝด เขาก็หยุดชะงัก
ภายนอกภูเขาโลกาแฝด การปรากฏตัวของจักรพรรดิดาวทมิฬพุ่งเข้าสู่ก้อนเมฆขณะที่ความโกรธเกรี้ยวของเขาลุกโชนราวกับไฟ ดวงตาของเขาจ้องมองอย่างแน่วแน่ที่ภูเขาโลกาแฝดที่ปกคลุมไปด้วย ยหมอกซึ่งส่องประกายด้วยความเกลียดชังจนฝังรากลึก
ภูเขาโลกาแฝดก็ไม่สงบเช่นกัน เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกดดันของจักรพรรดิดาวทมิฬ สัตว์อสูรกลืนชีวิตที่อยู่ขอบเขตตั้งต้นทั้งหมดได้ส่งเสียงคำรามสั่นเทือนไปทั่งโลก พื้นดินสั่นสะเทือนข ขณะที่หมอกปั่นป่วน สัตว์อสูรกลืนชีวิตขอบเขตตั้งต้นได้โผล่ออกมาจากส่วนลึกและพุ่งเข้าหาจักรพรรดิดาวทมิฬด้วยความแค้น
จักรพรรดิดาวทมิฬยืนอยู่ด้านหน้าของภูเขาโลกาแฝดและจ้องลึกเข้าไปในพื้นพี่พิเศษที่ปกคลุมไปด้วยหมอก เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เขาเกิดมา เขารู้สึกไร้พลังอยู่ในใจ
“เฮ้อ ! ” ท้ายที่สุด จักรพรรดิดาวทมิฬก็ถอนหายในยาว เขายังคงลงเอยด้วยการหยุดอยู่ด้านหน้าของภูเขาโลกาแฝดโดยไม่ได้บุกเข้าไป ขณะที่เขาไม่สามารถรับรู้แรงกดดันของเจี้ยนเฉินได้ อีกต่อไป หากเขาต้องการพบ เขาก็ทำได้แค่มองหาเท่านั้น
อย่างไรก็ตามหมอกได้พัดผ่านภูเขาโลกาแฝดทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ ไม่เพียงแต่จะยากมากที่จะมองหาเขา แต่เขายังต้องเผชิญกับการโจมตีของสัตว์อสูรกลืนชีวิตจำนวนมาก ซึ่งเป็นผลเสีย ต่อเขาอย่างมาก
จักรพรรดิดาวทมิฬถอยหลับไปยังเมืองหลวงเผ่าดาวทมิฬอีกครั้ง
เมืองหลวงได้เหลือเพียงแค่ซากปรักหักพัง มีผู้ได้รับบาดเจ็บนับไม่ถ้วนขณะที่เสียงโหยหวนและคร่ำครวญอยู่ในอากาศ ศาลาเทพมากกว่าครึ่งจากสิบศาลาที่ลอยอยู่กลางอากาศและเป็นสัญลักษณ์ข ของอำนาจและสถานะถูกทำลาย มีเพียงโถงศักดิ์สิทธิ์ดาวทมิฬเท่านั้นที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์