เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2865: พบอินทรียักษ์อีกครั้ง
ตอนที่ 2865: พบอินทรียักษ์อีกครั้ง
หลังจากนั้นจักรพรรดิดาวทมิฬก็กลับเข้าไปในโถงศักดิ์สิทธิ์ดาวทมิฬอย่างเงียบ ๆ ศาลาเทพทั้งสิบออกเดินทางด้วยตัวเองเพื่อซักถามผู้รอดชีวิตที่เหลืออยู่ในเมืองร้อยเซียน โดยรวบรวมทุ กอย่างเท่าที่จะทำได้และค้นหาเบาะแสและหลักฐานที่เป็นไปได้ทั้งหมด
ศาลาเทพที่สิบ เฟิงสือถึงกับเรียกศาลาเทพที่สอง อาร์นา ให้ไปค้นหาที่แดนทำลายวิญญาณร่วมกันกับนาง
อย่างไรก็ตามภายใต้การสอบสวนอย่างหนัก พวกเขาก็ล้มเหลวในการหาตัวจริงของเจี้ยนเฉิน แต่พวกเขาพบผู้ต้องสงสัยบางคน
ผู้ต้องสงสัยเหล่านี้คือนายน้อยของเผ่าหมาป่าหายนะ จินหง, นายน้อยจากนิกายเบญจาที่มาจากหนึ่งในห้าเสาหลัก, หยางยู่เทียนจากเผ่ากระเรียนสวรรค์ และกู่ฉี ที่ปรากฏตัวในช่วงเวลา สั้น ๆ ในเมืองอัศวินทมิฬ จุดเริ่มต้นของความปั่นป่วนก่อนที่จะหายไปอย่างสมบูรณ์ โดยไม่มีร่องรอยใด ๆ เหลืออยู่เบื้องหลังเลย
ในโลกดาวทมิฬ บุคคลภายนอกนั้นมีเทพขั้นต้นและเหนือเทพเป็นหลัก สำหรับราชาเทพส่วนใหญ่แล้วโดยพื้นฐานทั้งหมดมีต้นกำเนิดที่ยิ่งใหญ่ ท้ายที่สุดแล้วผู้ที่บ่มเพาะที่สามารถทะลวงเข้า าสู่ราชาเทพได้โดยไม่ถึงพันปีจะเป็นบุคคลที่น่าตื่นเต้น แม้แต่ในโลกเซียน
เผ่าดาวทมิฬโดยพื้นฐานแล้วจะมีคนที่อยู่เหนือค้ำบุคคลเหล่านี้เช่นกัน หลังจากที่กำจัดราชาเทพที่เผ่าดาวทมิฬจับได้มาแล้ว ก็มีคนเหลือไม่มากนัก
และในบรรดาราชาเทพจำนวนหนึ่งเหล่านี้การค้นหาราชาเทพที่ทรงพลังที่สุดโดดเด่นที่สุดและยังขาดหายไปก็เป็นแค่เค้กชิ้นหนึ่ง
“ในบรรดาสี่คน จินหงได้ออกจากเมืองร้อยเซียนไปแล้วเพราะเขามีสายเลือดของเผ่าหมาป่าหายนะ ยิ่งไปกว่านั้นเขาได้ปรากฏตัวเวลาเดียวกันกับคุนเทียน ดังนั้นเขาสามารถตัดเขาออกไปได้ คนที่เหลืออยู่คือ กูฉี, หยางยู่เทียนและทายาทของนิกายเบญจา ซึ่งน่าสงสัยที่สุด….”
“กูฉีเข้าใจกฏความแข็งแกร่งและชาวเมืองของเมืองอัศวินทมิฬต่างก็ยืนยันได้ว่าเขาทะลวงการบ่มเพาะในเมืองอัศวิน ดังนั้นก็ไม่น่าใช่เขา…..”
“ทายาทของนิกายเบญจาเข้าใจกฏของมิติและกฏแห่งเวลา เขามาจากนิกายใหญ่ของโลกเซียนและเขาสามารถสืบย้อนหลังกลับไปได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามบุคคลที่แอบอ้างเป็นคุนเทียนก็เข้า าใจกฏมิติและกฏนี้ก็เข้าถึงขอบเขตตั้งต้นแล้ว แม้ว่าทายาทของนิกายเบญจาดูเหมือนจะไม่เข้าใจกฏกระบี่….”
“สำหรับผู้ต้องสงสัยคนสุดท้าย หยางยู่เทียนเขาเข้าใจกฏกระบี่และเขาค่อนข้างเชี่ยวชาญในด้านทักษะของเขา นอกจากนี้เขายังได้เข้าใจกฏมิติและความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่ธรรมดา ยิ่งไ ไปกว่านั้นต้นกำเนิดของเขาไม่เป็นที่รู้จัก เขาอ้างว่าเขาเป็นผู้บ่มเพาะอิสระและครั้งหนึ่งเขาเคยแยกตัวออกจากกลุ่มในภูเขาโลกาแฝดก่อนที่จะเดินทางกลับมาจากภูเขาโลกาแฝดเพียงลำพัง ที่อยู่ของเขาก็ลึกลับเช่นกัน แม้แต่ห้าอัจฉริยะจากเมืองร้อยเซียนได้รวมตัวกันเพื่อใช้พลังขอบเขตตั้งต้นของพวกเขา พวกเขาก็ไม่อาจสังหารบุคคลนี้ได้ ท้ายที่สุดเขาก็สังหารห้าอั จฉริยะก่อนที่จะหายตัวไปด้วยเหตุผลบางประการ.…”
หลังจากสอบสวนอย่างละเอียดโดยที่พวกเขาไม่ให้รายละเอียด ท้ายที่สุดศาลาทั้งสิบก็พบบางสิ่ง แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าการหาตัวตนที่แท้จริงของคนที่ปลอมเป็นคุนเทียนจะไม่มีประโยชน์ในทา างปฏิบัติ แต่พวกเขาก็รู้สึกอับอายอย่างมาก ทันทีที่พวกเขาจำได้ว่าครั้งหนึ่งมีคนปลอมตัวมาหลอกพวกเขาได้อย่างไร เขาหลอกพวกเขาด้วยหญ้าราชาเทพระดับสูงจำนวนมากและของล้ำค่าอื่น ๆ เ เช่น ดินศักดิ์สิทธิ์ของบรรพชน
หากพวกเขาไม่สามารถหาตัวตนที่แท้จริงของคนที่ปลอมตัวเป็นคุนเทียน แม้จะมาทั้งเผ่าดาวทมิฬก็ไร้ประโยชน์เกินไป
เป็นผลให้ระดับบนของเผ่าดาวทมิฬได้สาบานว่าพวกเขามาถึงจุดต่ำสุดของตัวตนที่แท้จริงของผู้แอบอ้าง
“ผู้บ่มเพาะอิสระนี้ชื่อหยางยู่เทียนเคยผ่านภูเขาโลกาแฝดเพียงลำพัง เขาใช้เวลานานมากในภูเขาโลกาแฝดและเขาก็หายตัวไปอย่างลึกลับ ไม่นานหลังจากที่เขาปรากฏตัวอาจจะเข้าสู่ภูเขา โลกาแฝดอีกครั้ง…..”
“และเขาได้เข้าไปในภูเขาโลกาแฝดเพื่อทำตามคำขอของ ‘คุนเทียน’ ซึ่งก็คือการล่าสัตว์กลืนชีวิตระดับราชาเทพจำนวนมาก.…”
ชั่วขณะนั้น โดยทั่วไปแล้วศาลาเทพทั้งสิบให้ความสำคัญกับชื่อของหยางยู่เทียน
“คนที่แอบอ้างเป็นคุนเทียนเคยเข้าสู่ภูเขาโลกาแฝดภายใต้รูปลักษณ์ของคุนเทียน ซีหรานก็ตายเช่นกัน ความบังเอิญคือตอนที่หยางยู่เทียนปรากฏตัวในเมืองร้อยเซียน คุนเทียนเพิ่งจะ ะปรากฏที่ภูเขาโลกาแฝด”
“หลังจากนั้นเมื่อหยางยู่เทียนสังหารอัจฉริยะของทั้งห้าองค์กรและหายตัวไป คุนเทียนก็ถูกค้นพบ โดยทั่วไปแล้วอาจจะเป็นคุนเทียนหรือหยางยู่เทียนเท่านั้นที่มักจะปรากฏตัวเพียงคนเ เดียว นี่ก็เป็นเรื่องบังเอิญมากเกินไป….”
ศาลาเทพทั้งสิบเริ่มมีความสงสัยก่อนที่จะเอาทุกอย่างที่พวกเขารวบรวมได้ที่เกี่ยวข้องกับหยางยู่เทียน อัจฉริยะของเมืองร้อยเซียนก็ได้รับการสอบสวนนับไม่ถ้วน ท้ายที่สุดพวกเขาก็เชื อมโยงเบาะแสทั้งหมดที่เข้าด้วยกันทำให้ศาลาเทพทั้งสิบยืนยันตัวตนที่แท้จริงของคุณเทียนได้ในท้ายที่สุด
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่าคนที่แอบอ้างเป็นคุนเทียนคือหยางยู่เทียน !
“หยางยู่เทียน ข้าจะฆ่าเจ้าและเผ่ากระเรียนสวรรค์ของข้าจะไม่มีวันไว้ชีวิตของเจ้า….”เฟิงสือสูญเสียการควบคุม จิตสังหารพุ่งออกมาจากร่างกายของนาง ขณะที่นางร้องตะโกนอย่างโหยหวน หัวใจของนางเต็มเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชัง
“อะไรนะ ? หัวหน้าศาลาคุนเทียนนั้นถูกแอบอ้างโดยหยางยู่เทียนมาตลอด ? ” เมื่ออัจฉริยะที่ยังเหลืออยู่จากห้าสิบสององค์กรได้รู้ข่าวนี้พวกเขาต่างก็ตกตะลึง พวกเขาไม่รู้สึกตัวเล ลยสักนิด
…
ลึกลงไปในภูเขาโลกาแฝด หมอกหนาสีขาวปกคลุมทุกอย่างซึ่งคลุมไปเกือบจะครึ่งหนึ่งในโลกดาวทมิฬ
ภายในหมอกหนาสีขาว มีนกอินทรียักษ์ซึ่งมีขนส่องประกายสีทอง มันสูงกว่าสามร้อยเมตร ขณะนี้มันกำลังบินอยู่บนอากาศโดยที่ปีกของมันกางโผบินและมองไปรอบ ๆ ราวกับเจ้าเมืองที่กำลัง สำรวจดินแดนของเขา
นกอินทรีสีทองตัวใหญ่นี้เคยเป็นสัตว์อสูรกลืนชีวิต ดวงตาของมันแสดงให้เห็นว่ามันมีสติปัญญาในระดับหนึ่งแล้ว แรงกดดันของมันบ่งบอกว่ามันทะลวงมาถึงขอบเขตตั้งต้นแล้ว หมอกที่ปก กคลุมที่อาจบดบังการมองเห็นของผู้บ่มเพาะ แต่ดูเหมือนจะโปร่งใสในสายตาของนกอินทรียักษ์ การจ้องมองผ่านสายหมอกอย่างสบายใจ เห็นได้ชัดว่ามันอยู่ไกลสุดสายตา
ในขณะเดียวกัน ในพุ่มไม้ด้านล่างพื้นดินบางแห่งดึงดูดความสนใจของนกอินทรีตัวใหญ่เนื่องจากมีต้นไม้ที่ตายแล้วปรากฏขึ้นท่ามกลางพืชสีเขียวขจี
ต้นไม้เป็นสีเทาเข้มท่ามกลางดงพืชพรรณที่ทอดยาวสุดสายตา มันดูโดดเด่นเป็นพิเศษ มันยากที่จะไม่เห็นแม้จะมองผ่าน ๆ
นกอินทรีสีทองกระพือปีกขนาดใหญ่อย่างรุนแรงและเปลี่ยนทิศทางในทันที มันโผบินออกไปพร้อมกับลมกรรโชกอย่างแรง
ในเวลาเดียวกันใต้ต้นไม้ที่ตายแล้ว เจี้ยนเฉินถูกห่อหุ้มด้วยกิ่งไม้เหี่ยว ๆ ก็ลืมตาขึ้น การจ้องมองของเขาดูเหมือนจะผ่านกิ่งไม้จำนวนมากมายและหมอกหนาจนเห็นนกอินทรีสีทองขนาดใหญ ญ่ที่บินมาหาเขาอย่างรวดเร็วจากท้องฟ้าที่ห่างไกล
“สัตว์อสูรกลืนชีวิตที่อยู่ในขอบเขตตั้งต้น ? ” เจี้ยนเฉินจดจำสัมผัสได้ทันทีถึงพลังของสัตว์อสูรกลืนชีวิต หลังจากนั้นเขาก็ตัวสั่นเบา ๆ และกิ่งไม้รอบ ๆ ตัวของเขาก็หักออกทันที
“ข้าได้ลบพลังแห่งการมีอยู่ของข้าไปแล้ว ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่สัตว์อสูรกลืนชีวิตจะพบข้า ต้นไม้ที่ตายแล้วด้านหลังของข้าอาจจะดึงดูดความสนใจของมัน” เจี้ยนเฉินยืนขึ้น แม้ว่าเขาจะสามารถสังหารสัตว์กลืนชีวิตขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 1 ได้ง่าย ๆ แต่เขาก็ต้องการเพียงหาสถานที่ปลอดภัยเพื่อพักฟื้น จากนั้นจึงจะกินผลวิถีฟื้นฟูเพื่อทะลวงขอบเขต เขา าไม่สนใจปัญหาที่ไม่จำเป็นอื่น ๆ
ในขณะที่เขากำลังจะจากไป สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างกระทันหันและความประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นผ่านสายตาของเขา เขาคิดอย่างรวดเร็วก่อนที่จะล้มเลิกความคิดที่จะจากไป แรงกดดันของเขาเ เปลี่ยนไปและลักษณะของเขาก็คล้ายกับหยางยู่เทียน
ในเวลานี้ มีแรงกดอากาศลงมาจากด้านบน ภายในหมอกที่ปั่นป่วน มีสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ร่อนลงมาจากพื้น กรงเล็บแหลมคมคู่หนึ่งที่ส่องแสงแวววาวคล้ายโลหะฝังลงไปในดิน นกอินทรีสีทองขนาด ดยักษ์ได้โผลงด้านหน้าเจี้ยนเฉินแล้ว