เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2868: ทะลวง !
ตอนที่ 2868: ทะลวง !
ในช่วงเวลาที่เจี้ยนเฉินบุกเข้าไปในภูเขาโลกาแฝด มันก็เกิดความไม่สงบในเผ่าดาวทมิฬหลังจากที่รู้ว่าพิธีใหญ่ที่จะมาเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของพวกเขาจบลงด้วยความล้มเหลว เพราะมีคนนอก กเข้ามาก่อกวนทำให้พิธีต้องล่มลงไป คนของเผ่าดาวทมิฬต่างโกรธแค้นจนสามารถได้ยินเสียงด่าทอหรือสาปแช่งต่าง ๆ เช่น ‘ฆ่าคนนอกให้หมด’ หรือ ‘คนนอกทุกคนสมควรตาย’ มันสามารถได้ยินไป ปทั่วเผ่าดาวทมิฬ
เนื่องจากพิธีใหญ่ได้สร้างความเกลียดชังและการคว่ำบาตรคนนอกจากเผ่าดาวทมิฬก็เพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
แม้แต่สมาชิกบางคนของเผ่าดาวทมิฬซึ่งเดิมยอมรับและให้การต้อนรับคนนอกก็เริ่มเกลียดชังพวกเขาแล้ว
เมืองหลักทั้ง 36 เมืองตลอดจนหมู่บ้านต่าง ๆ ที่กระจายอยู่ทั่วดินแดนต่างก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหารขึ้น
“คนนอกเอาสัตว์เทพของเราคืนมา เครื่องบูชายัญสัตว์เทพของเราที่จะทำให้เราติดต่อกับบรรพชนของเราได้ เจ้ามีสิทธิ์อะไรที่นำสัตว์เทพไปจากเรา….”
“สัตว์เทพเป็นของบรรพชนเรา คนนอกเป็นกลุ่มคนที่หน้าด้าน….”
“พวกมันขโมยสัตว์เทพของเราและขัดขวางพิธีใหญ่ คนนอกไม่อาจอภัยให้ได้อีกต่อไปแล้ว….”
“คนนอกคืนสัตว์เทพของเรามา….”
…
นี่คือความโกรธและเกลียดชังของทั้งเผ่า
แต่ไม่นาน มันก็จะถึงจุดที่พวกเขาต้องระบายความเกลียดชัง ทักษะโบราณหลั่งไหลออกมาจากเมืองหลวงโดยกระจายไปยังเมืองใหญ่ทั้งสามสิบหกเมืองและหมู่บ้านนับไม่ถ้วนที่กระจายอยู่ทุกหนทุ กแห่งในเวลาเดียวกัน
นี่คือคำสาปขั้นสูงสุดที่สืบทอดมาจากเผ่าดาวทมิฬรุ่นก่อน ๆ ทักษะส่วนหนึ่งได้แพร่กระจายไปทั่วเผ่าดาวทมิฬทั้งหมด จักรพรรดิดาวทมิฬได้ส่งคำสั่งของเขาออกไปและรวมทุกความตั้งใจขอ องเผ่าเพื่อปลดปล่อยคำสาปขั้นสูงสุด
เป็นผลทำให้เผ่าดาวทมิฬทั้งหมดต้องลงมือ เลือดนับไม่ถ้วนถูกส่งเข้าไปในเมืองใหญ่ ทั้งสามสิบหกเมืองโดยมีการจัดสรรให้กับเมืองและหมู่บ้านรอบ ๆ
ในช่วงเวลานั้น เมื่อความเกลียดชังเพิ่มขึ้น ท่าทีของคนในเผ่าที่มีส่วนร่วมก็ไม่เคยรวมมันมากขนาดนี้กันมาก่อน ทุกคนหยุดทุกสิ่งที่ทำ พวกเขากำลังใช้เลือดวาดเป็นภาพร่ายพลังลง บนกำแพงบ้านและตรอกซอกซอยของกำแพงเมืองทุกหนทุกแห่ง
เวทย์ที่พวกเขาร่ายเป็นคำสาปขั้นสูงสุด !
และเลือดที่เขาใช้ก็ล้วนมาจากคนนอก !
ทันใดนั้นกลิ่นเลือดก็ลอยตลบอบอวนไปทั่วเมืองใหญ่ทั้งสามสิบหกเมืองรวมทั้งเมืองและหมู่บ้านมากมาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปปั้นไร้หน้าถูกสร้างขึ้นตามเมืองใหญ่ทั้งสามสิบหกเมือง
เผ่าดาวทมิฬกำลังใช้พลังเพื่อยกระดับคำสาปที่ร่ายออกไปทั้งหมดให้สูงที่สุด ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเตรียมการหลาย ๆ อย่าง พวกเขาให้ความสำคัญอย่างมากกับรายละเอียดและการเตรียมการบางอย ย่างไม่สามารถดำเนินการได้ในทันที
สิ่งที่คล้ายกันเกิดขึ้นในเมืองหลวง สมาชิกทั้งหมดของเผ่าดาวทมิฬในเมืองหลวงถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งรับผิดชอบซ่อมแซมเมืองหลวงหลังจากที่เกิดการต่อสู้ ในขณะที่อีกกลุ่มใช้ เลือดของคนนอกในการทาถนนและตรอกซอกซอยแม้แต่กำแพงของเมืองหลวงทั้งหมดเพื่อร่ายคำสาปที่คล้าย ๆ กัน
ยังมีการสร้างรูปปั้นไร้หน้าในเมืองหลวง
เหนือเมืองหลวง ศาลาเทพทั้งสิบได้กลับสู่ตำแหน่งแล้ว แต่เมื่อเรียนรู้จากบทเรียนก่อนหน้านี้ ศาลาเทพทั้งสิบแห่งได้ถูกปิดไป ตอนนี้พวกมันเป็นเพียงวัตถุเทพขั้นกลางเท่านั้น
เผ่าดาวทมิฬเคยเป็นเผ่าที่รุ่งเรืองที่สุดที่ให้กำเนิดจอมปราชญ์ขึ้นมา พวกเขาสร้างผู้เชี่ยวชาญมาแล้วนับไม่ถ้วน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะสามารถผลิตวัตถุเทพขั้นกลางถึง 10 ชิ้นแบบนี้ ได้
แต่ไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ วัตถุเทพขั้นกลางทั้งหมดได้รับความเสียหาย บางอันสามารถซ่อมแซมได้ง่าย ๆ ในขณะที่ยังมีรอยแตกที่มองเห็นได้บนศาลาเทพเหลืออยู่
ศาลาเทพเหล่านี้สูญเสียความรุ่งเรืองในอดีตไปหมดแล้ว แต่ถึงแม้ว่ามันจะเป็นอย่างนั้นด้วยสิ่งหลอมสร้างที่ใช้สร้างวัตถุเทพขั้นกลางเหล่านี้ก็มีประสิทธิ์ภาพลดลงจนเหลือแค่วัตถุเท ทพขั้นต่ำ
“ฝ่าบาท อักขระที่วาดในเมืองหลวงและเมืองใหญ่ทั้งสามสิบหกเมืองเสร็จแล้ว อย่างไรก็ตามพวกเรามีความคิดมากมาย แต่ก็ไม่อาจหาสื่อคำสาปขั้นสูงสุดที่จะส่งผลต่อคนนอกได้ หากเราไม่เพ พ่งเล็งคนนอกได้อย่างแม่นยำ คำสาปขั้นสูงสุดที่เราจะร่ายก็จะไร้ผล”
ในโถงศักดิ์สิทธิ์ดาวทมิฬ จักรพรรดิดาวทมิฬนั่งอยู่บนบัลลังก์ของเขาอย่างสงบ ขณะที่เก็ตตี้หัวหน้าศาลาเทพที่เจ็ดรายงานอย่างสุภาพ
จักรพรรดิดาวทมิฬหยิบขวดหยกออกมาจากแหวนมิติของเขาอย่างไม่รีบร้อน ทันทีที่ขวดปรากฏมันก็ถูกห่อหุ่มด้วยพลังที่มองไม่เห็นและค่อย ๆ ลอยไปด้านหน้าเก็ตตี้ ในเวลาเดียวกันเสียงทุ้ม มต่ำของจักรพรรดิดาวทมิฬก็ดังขึ้น “มีเนื้อและเลือดของคนนอกอยู่ในนั้น แบ่งเนื้อและเลือดออกเป็น 37 ส่วนและจัดสรรให้กับเมืองหลวงและเมืองใหญ่ทั้งสามสิบหกเมือง พวกมันจะทำห หน้าที่เป็นสื่อกลางของคำสาป”
เจี้ยนเฉินที่กำลังทะลวงขอบเขตที่หน้าทางเข้าของภูเขาโลกาแฝดไม่รู้เลยว่าการโจมตีครั้งร้ายแรงที่เผ่าดาวทมิฬได้รวบรวมทั้งกองทัพทั้งหมดของพวกเขาเพื่อจัดการเขากำลังเตรียมการใ ใกล้เสร็จแล้ว ตอนนี้เขากำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่สำคัญที่สุดแล้วด้วยการทะลวงวิถีกระบี่
กฎกระบี่ได้ปรากฏขึ้นรอบ ๆ ตัวของเขาและกลั่นเป็นเกลียวปราณกระบี่หมุนวนรอบ ๆ ตัวของเขาราวกับจิตวิญญาณตัวน้อยรอบ ๆ เจี้ยนเฉินและแผ่รังสีอมตะที่หนักหน่วง เสื้อผ้าและผมของเจ จี้ยนเฉินปลิวไสวแม้จะไม่มีลมพัด ทำให้ดูเหมือนว่าเขากำลังจะก้าวข้ามเขตแดนมรรตัย
นี่คือผลของอมตะกระบี่ เจี้ยนเฉินได้เข้าถึงขอบเขตนี้แล้ว ด้วยการแบกรับแรงกดดันของเขา ไม่เพียงแต่ให้ความรู้สึกที่เหนือว่าปราณกระบี่ที่ควบแน่นออกมาจากอากาศบาง ๆ เพราเขาต้อ องแบกรับรังสีอมตะที่แผ่ออกมาจากมัน
ในเวลานี้ แรงกดดันของเจี้ยนเฉินก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ในตอนนี้เองที่ปราณกระบี่รอบ ๆ ตัวของเขาก็เปล่งประกายเจิดจรัส ปราณกระบี่ทั้งหมดดูเหมือนจะเติบโตไปพร้อมกันในช่วงเวลานั้น ม มันแข็งแกร่งขึ้นและเป็นประกายพร่างพราวมากขึ้น
ราวกับว่าปราณกระบี่ของเจี้ยนเฉินจะเพิ่มความสามารถขึ้นจนถึงระดับใหม่
วิถีกระบี่ของเขาถูกทะลวงและกำลังก้าวเข้าสู่ขอบเขตของอมตะกระบี่อมตะและกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในความสำเร็จบางส่วนของอมตะกระบี่ ซึ่งสามารถเข้าใจได้ว่าเป็นอมตะกระบี่ขั้นกลาง !
ด้วยความก้าวหน้าจากการทะลวงผ่านกฏกระบี่ เจี้ยนเฉินก็รู้สึกราวกับว่าได้เปิดประตูใหม่สำหรับเขาขึ้น ที่ประตูเขาสามารถมองเห็นโลกที่กว้างกว่าวิถีกระบี่ราวกับว่าเขาอยู่ในจักร รวาลที่แตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด ด้วยการพัฒนาวิถีกระบี่ วิญญาณของเขาก็ได้รับประโยชน์เช่นกัน มันแข็งแกร่งขึ้นและเติบโตขึ้นมากเช่นกัน มันทะลวงขั้นไปทีละขั้น ๆ จนหยุดอยู่ที่ขั้นอสงไขยชั้ นสวรรค์ที่ 9 ในที่สุด
แม้ว่ามันจะเป็นชั้นสวรรค์ที่ 9 แต่วิญญาณของเจี้ยนเฉินก็แตกต่างออกไป ครั้งหนึ่งวิญญาณของเขาเคยหลอมเข้ากับพลังบรรพกาลที่แท้จริง ดังนั้นวิญญาณของเขาจึงเปลี่ยนไปตั้งนานแล้ว ใ ในด้านความแข็งแกร่ง มันเหนือกว่าคนที่อยู่ในขอบเขตเดียวกันกับเขามานานแล้ว