เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2870: คำสาปขั้นสูงสุด
ตอนที่ 2870: คำสาปขั้นสูงสุด
เจี้ยนเฉินเคยมีประสบการณ์ในการทะลวงขั้นของร่างบรรพกาลมาแล้วหลายสิบครั้งในอดีต ดังนั้นมันจึงง่ายเหมือนเค้กก้อนหนึ่งการสะสมพลังปราณการกินสมบัติสวรรค์ระดับเทพ เขาทำลายเม็ดพลังอีกครั้งและผ่านการทรมานอีกรอบก่อนที่จะกลั่นเม็ดพลังบรรพกาลซึ่งอยู่ในขั้น 15 ของร่างบรรพกาล
ด้วยการทะลวงขั้นของร่างบรรพกาล ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นในด้านคุณภาพอีกครั้ง พลังบรรพกาลของเขาไม่เพียงแต่แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ร่างบรรพกาลของเขายังพัฒนาเพิ่มขึ้นทุกอีกด้วย
ร่างของเขาแข็งแกร่งขึ้นและการป้องกันของร่างบรรพกาลก็มาถึงระดับที่น่าตกใจอย่างมาก
ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของทั้งหมดก็คือเม็ดพลังบรรพกาลของเขาหดตัวลงเหลือเล็กนิดเดียวเหมือนในอดีต
ก่อนการพัฒนาเม็ดพลังบรรพกาลของเขาได้สะสมพลังบรรพกาลอย่างไม่สิ้นสุด แม้ว่าเขาจะต่อสู้อย่างเต็มกำลัง แต่ก็ต้องใช้เวลานานมากกว่าที่มันจะหมด
ตอนนี้เขาได้ทะลวงผ่านไปแล้ว พลังบรรพกาลที่มหาศาลของเขาก็ลดลงเหลือเพียงนิดเดียว เขาไม่อาจต่อสู้ได้นานอีกต่อไป
“ความคับข้องใจของข้ากับเผ่าดาวททิฬยังไม่จบและข้ายังต้องมีการต่อสู้ที่รุนแรงกับเผ่าดาวทมิฬในภายหลัง ข้าต้องเติมพลังบรรพกาลของข้าให้มากที่สุด” เจี้ยนเฉินคิด เขาต้องเตรียมตัวให้ดี แม้ว่าเขาจะทะลวงขั้นสำเร็จแล้วก็ตาม เขาก็ยังไม่หยุดบ่มเพาะ แต่เขายังคงกินทรัพยากรสวรรค์ระดับเทพที่เหลืออยู่เพื่อเติมพลังบรรกาล
อย่างไรก็ตามพลังบรรพกาลได้ทะลวงไปถึงขั้น 15 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของคุณภาพทำให้เจี้ยนเฉินใช้พลังงานมากขึ้นในการเติมพลังบรรพกาล ในแต่ละสายเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้
การเติมพลังบรรพกาลของเขานั้นยากยิ่งขึ้น
หลายวันต่อมา เจี้ยนเฉินได้ใช้สมบัติสวรรค์ระดับเทพทั้งหมดที่เขาได้รับจากสวนสมุนไพรของเผ่าดาวทมิฬ ตราบเท่าที่เขาสามารถเสริมสร้างการบ่มเพาะของเขาได้ แม้จะกินสมบัติสวรรค์ระดับเทพจำนวนมาก แต่เม็ดพลังบรรพกาลของเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากไปกว่าเดิม
เมื่อทรัพยากรการบ่มเพาะของเขาหมด เจี้ยนเฉินถึงต้องหยุดบ่มเพาะ ท้ายที่สุดเขาก็ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ
ทันทีที่เขาลืมตาขึ้น ปราณกระบี่สองเส้นก็พุ่งออกมาจากสายตาของเขา พวกมันเกือบจะเป็นของจริงที่จับต้องได้ มันทั้งสว่างและเลือนลางในเวลาเดียวกัน โลกทั้งใบสว่างขึ้นจากการปรากฏของปราณกระบี่ทั้งสอง
ตอนนี้ดูเหมือนว่าเพียงการจ้องมองของเจี้ยนเฉินนั้นจะเฉียบคมมากขึ้นและเปล่งประกายความแข็งแกร่งราวกับว่าเขากำลังซ่อนปราณกระบี่ที่เต็มไปด้วยจิตสังหารที่พุ่งพล่าน หากผู้บ่มเพาะที่อ่อนแอกว่าสบตาของเขา พวกเขาจะรู้สึกเจ็บตาจากการโดยแทงด้วยกระบี่เป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามการจ้องมองที่แหลมคมของเขานั้นไม่ได้อยู่นาน ไม่ช้าสายตาของเขาก็กลับมาเป็นปกติพร้อมกับการปกปิดโดยความตั้งใจของเจี้ยนเฉิน เขารู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของเขาอย่างเงียบ ๆ หลังจากทะลวงแล้วมันก็อดไม่ได้ที่ความมั่นใจของเขาจะเพิ่มขึ้นมากมาย
“หลังจากทะลวงขั้น 15 ของร่างบรรพกาลแล้ว มันเทียบเท่ากับพลังของขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 8 สำหรับร่างบรรพกาล….”
“ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของร่างบรรพกาลของข้า การโจมตีที่อยู่ต่ำกว่าชั้นสวรรค์ที่ 8ก็ไม่อาจทะลวงการป้องกันของข้าได้ มีเพียงแต่ชั้นสวรรค์ที่ 8 ขึ้นไปเท่านั้นที่จะทำให้ข้าบาดเจ็บได้
“นอกเหนือจากจักรพรรดิดาวทมิฬแล้ว มันก็ไม่มีผู้เชี่ยวชาญคนไหนที่จะอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 8 หรือสูงกว่าในเผ่าดาวทมิฬตอนนี้ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ได้รับการยอมรับจากผู้คนอย่างหัวหน้าศาลาเทพทั้งสิบก็มีการบ่มเพาะสูงสุดที่ชั้นสวรรค์ที่ 7 เท่านั้น”
“อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญของเผ่าดาวทมิฬล้วนแล้วแต่เป็นคนที่มีพลังต่อสู้มากกว่าคนที่อยู่ในโลกเซียน หัวหน้าศาลาเทพที่ 1 อาจจะสามารถทำลายการป้องกันของร่างบรรพกาลของข้าได้แทบไม่ได้ แต่อย่างน้อยมันต้องมีรอยขีดข่วนเล็ก ๆ น้อย ๆ ….”
เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างพึงพอใจ เขารู้ดีว่าตอนนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตไหนที่จะคุกคามเขาได้อีกต่อไป ไม่ว่าจะสิ่งที่มาจากภูเขาโลกาแฝดหรือเผ่าดาวทมิฬ ก่อนที่เขาจะรู้เขาได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนี้แล้ว
แม้ว่าเขาจะไปถึงจุดสูงสุดแล้ว แต่เจี้ยนเฉินก็ไม่กล้าที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยตัวเองแม้แต่น้อย เพราะเขาเข้าใจว่าโลกใบเล็กนี้ซับซ้อนเพียงใด ท้ายที่สุดแล้วนี่คือสถานที่พิเศษที่สร้างโดยจอมปราชญ์สูงสุด 2 คน แม้แต่อัครสูงสุดของโลกเซียนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกทั้งใบก็ไม่สามารถทำอะไรกับโลกดาวทมิฬได้ เป็นผลทำให้เขาไม่สามารถดูถูกโลกดาวทมิฬได้
“ได้เวลาตามหาจักรพรรดิดาวทมิฬแล้ว ! ” เจี้ยนเฉินลุกขึ้นยืน แต่ในขณะนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว หัวใจที่เต้นปกติของเขาเริ่มเต้นแรงโดยไม่มีเหตุผลที่ดี
ความรู้สึกของลางที่ไม่ดีทำร้ายจิตใจของเจี้ยนเฉินซึ่งทำให้เขารู็สึกเหมือนกับหายนะที่ใกล้เข้ามา ราวกับว่ามันมีอันตรายร้ายแรงกำลังใกล้เข้ามาอย่างเงียบ ๆ
“มันต้องเป็นเผ่าดาวทมิฬ ! ” ความแข็งแกร่งหลังทะลวงขอบเขตในฐานะขั้นอสงไขยช่วงปลาย ประสาทสัมผัสของเจี้ยนเฉินเฉียบคมแค่ไหน ? ด้วยความเข้าใจวิถีของโลกในระดับที่ลึกยิ่งขึ้น เขาเพียงแค่ต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เล็กน้อยและเขาจะได้รับความรู้สึกที่คลุมเครือ
ท้ายที่สุดแล้วจักรพรรดิมีขอบเขตการบ่มเพาะที่สูงกว่าเขาเท่านั้น เขาอาจไม่สามารถสัมผัสและเปิดเผยผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเขาได้ แต่เขารู้สึกได้อย่างง่ายดายหากมีคนที่อ่อนแอกว่าเขาตั้งเป้าโจมตีเขา
ภัยพิบัติมาถึงเร็วมาก ในขณะที่เจี้ยนเฉินสัมผัสได้ เขาก็พบพลังลึกลับที่มองไม่เห็นพุ่งผ่านอากาศและลงมาเหนือหัวของเขา
ทันใดนั้น เจี้ยนเฉินรู้สึกว่าหน้าอกของเขาใหญ่ขึ้นและการเต้นหัวใจก็หยุดนิ่ง การไหลเวียนของพลังบรรพกาลและเลือดของเขาก็ได้รับผลกระทำให้มันช้าลงเช่นกัน
นี่ไม่ใช่ส่วนที่น่ากลัวที่สุด สิ่งที่ทำให้เจี้ยนเฉินตกใจมากที่สุดก็คือเขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายของเขาค่อย ๆ หายไปโดยเริ่มจากเท้า เนื้อ กระดูก และผิวหนัง ที่เท้าของเขาละลายหายไปในอัตราที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน ก่อนที่มันจะหายไปกับความว่างเปล่าในท้ายที่สุด
ไม่มีความเจ็บปวดและไม่มีความรู้สึก ระบบประสาทที่เชื่อมต่อกับเนื้อและเลือดที่หายไปดูเหมือนว่าจะถูกตัดขาดแล้ว
นี่เป็นพลังลึกลับที่เจี้ยนเฉินไม่เคยเห็นมาก่อน เขาสามารถคาดเดาได้แล้วว่าหากเขาไม่ลงมือและพยายามช่วยตัวเอง ร่างกายที่มีชีวิตทั้งหมดของเขาจะหายไปจากโลกนี้ในที่สุด ซึ่งก็คือความตาย
“นี่คือคำสาป เผ่าดาวทมิฬได้ปล่อยคำสาปที่น่ากลัวอย่างนี้ อย่าบอกนะว่า มันเหมือนกับสิ่งที่จักรพรรดิดาวทมิฬพูดจริง ๆ และเขาใช้พลังของเผ่าทั้งหมดเพื่อกระตุ้นคำสาปขั้นสูงสุดที่บรรพชนของพวกเขาทิ้งไว้เอา” การจ้องมองของเจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยประกายและน่าตกใจอย่างยิ่ง เขาไหลเวียนพลังบรรพกาลในตัวของเขาอย่างหนักที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อต่อต้านพลังของคำสาปด้วยความแข็งแกร่งของเขา
คำสาปนั้นทรงพลังเกินไปและมันแตะระดับที่สูงเกินไปเกินขอบเขตความเข้าใจของเจี้ยนเฉิน ด้วยเหตุนี้แม้ว่าเขาจะต่อต้านคำสาปด้วยกำลังของเขาอย่างเต็มที่ก็ไม่อาจหยุดยั้งพลังของคำสาปที่ไร้ปราณีอันนี้ได้ เขาทำได้เพียงสามารถซื้อเวลาให้ได้มากที่สุด
ในตอนนี้ร่างของเจี้ยนเฉินก็หายไป เขาออกจากพื้นที่ไปแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะหลอมรวมเข้ากับมิติอย่างสมบูรณ์และบินผ่านภูเขาโลกาแฝดอย่างรวดเร็ว
เขาได้ผลักดันกฎมิติจนถึงขีดสุดหลังจากทะลวงขอบเขตขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 8 จนถึงขีดสุด ตอนนี้เขากำลังข้ามผ่านภูเขาโลกาแฝดไปยังโลกดาวทมิฬอย่างรวดเร็ว เขาไม่แม้แต่จะเสียเวลาสักครู่
ในแต่ละช่วงเวลาที่เขาเสียไป ความเสียหายที่เขาได้รับก็มากขึ้นเรื่อย ๆ ร่างกายของเขาเลือนหายไปมากขึ้นด้วย
ต่อหน้าคำสาปที่ทรงพลังเช่นนี้ อันตราการฟื้นตัวของร่างบรรพกาลของเขาที่เขาภูมิใจนั้นไม่ได้มีประโยชน์มากนัก