เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2872: ภัยคุกคามจากการสูญพันธุ์ (2)
ตอนที่ 2872: ภัยคุกคามจากการสูญพันธุ์ (2)
“ทุกคน ทำให้เขาวุ่นวายและใช้พลังคำสาปฆ่าเขา เขาไม่อาจมีชีวิตได้อีกต่อไป ! ” จักรพรรดิดาวทมิฬสั่งอย่างเย็นชา เขาตระหนักได้ว่าพลังของเจี้ยนเฉินเพิ่มขึ้นอย่างมากและก็ยิ่งฆ่าอ อีกฝ่ายได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือถ่วงเวลาและปล่อยให้พลังของคำสาปนั้นฆ่าอย่างช้า ๆ
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…..” เมื่อเขาได้ยินจักรพรรดิดาวทมิฬ เจี้ยนเฉินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “เผ่าดาวทมิฬของเจ้าต้องระดมกำลังทั้งเผ่าเพื่อควบรวมเจตจำนงทั้งเผ่าเพื่อจัดการกับข้า า ต่อให้เจ้าใช้วิธีการที่รุนแรงแค่ไหน อย่างไรก็ตามเจ้าไร้เดียงสาเกินไป เจ้าคิดว่าจะจัดการกับข้าด้วยเรื่องแบบนี้จริง ๆ หรือ ? ”
“เผ่าดาวทมิฬ เนื่องจากเจ้าใช้พลังทั้งเผ่ากับข้า เจ้าก็ไม่ควรตำหนิข้าที่ไร้ความปราณีและทำลายล้างเผ่าของเจ้า”
ในคำพูดสุดท้าย ความชั่วร้ายปรากฏขึ้นทันทีบนสีหน้าของเจี้ยนเฉิน ตราบใดที่พลังของคำสาปยังคงอยู่ บาดแผลของเขาก็จะรุนแรงมากขึ้นทุก ๆ วินาทีที่ผ่านไป นี่คือสถานการณ์ที่เขาเป็ นอยู่ เขาไม่มีทางเลือก
ในเวลาต่อมา เจี้ยนเฉินใช้เจตจำนงสูงสุดและในช่วงเวลาต่อมาพื้นที่ภายใน 120,000 กิโลเมตรรอบ ๆ ตัวของเขาตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา เขากลายเป็นผู้ปกครองภูมิภาคเพื่อที่เขาสามารถ กำหนดชะตากรรมของทุกสิ่งได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากทะลวงขอบเขตวิถีกระบี่ รัศมีสูงสุดของเขาก็เพิ่มขึ้นจากเดิม 100,000 กิโลเมตรเป็น 120,000 กิโลเมตร
เจี้ยนเฉินไม่แม้แต่จะขยับ เขาเพียงแค่ใช้เจตจำนงของเขาและในช่วงเวลาต่อมาก็มีบางสิ่งที่สร้างความหวาดกลัวที่สุดในหัวใจของจักรพรรดิดาวทมิฬและหัวหน้าศาลาเทพทั้งสิบ
คนในเผ่าที่กำลังสวดจำนวนมากในเมืองหลวงก็สลายหายไปอย่างรวดเร็วและถูกทำลายในพริบตา ไม่มีแม้แต่ร่องรอยที่หลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย
พลังที่มองไม่เห็นได้สังหารพวกเขาทั้งหมดและพื้นดินก็เต็มไปด้วยเลือด
เมืองหลวงของเขากลายเป็นทะเลเลือดทันที
หลังจากทะลวงขอบเขตกฏกระบี่ พลังของกระบี่ขั้นสูงสูดของเจี้ยนเฉินก็เพิ่มขึ้นมาก แม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถฆ่าขั้นอสงไขยได้ แต่มันก็แข็งแกร่งมากกว่าที่ผ่านมา ตอนนี้เมื่อเขาใช้เ เจตจำนงสูงสุดของเขา ในการฆ่าผู้บ่มเพาะระดับเทพเซียน เขาก็สามารถทำให้คนเหล่านี้หายไปจากโลกได้ง่าย ๆ
ในพริบตาเมืองหลวงเผ่าดาวทมิฬก็กลายเป็นเมืองผี กลุ่มคนนับไม่ถ้วนของเผ่าที่กำลังทำพิธีก็หายไป พวกเขาไม่ได้ทำอะไรแม้แต่จะโอดครวญ ก่อนที่พวกเขาจะหายไปจากโลก
บนอากาศ สายตาของจักรพรรดิดาวทมิฬและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นในเมืองหลวงต่างเบิกกว้าง พวกเขาจ้องมองไปที่พื้นด้วยความตกใจและไม่เชื่ออย่างเหม่อลอย
มีผู้คนหลายสิบลานคนมารวมตัวกันที่เมืองหลวง คนของทั้งหลายสิบล้านคนของเผ่าดาวทมิฬถูกลบล้างการดำรงอยู่ภายใต้การเฝ้ามองของพวกเขา ด้วยสายตาที่แปลกประหลาด การกระทำนี้เกินกว่า จินตนาการของทุกคนไปแล้ว แม้กระทั่งความเข้าใจที่มีต่อโลก
แม้แต่ใครบางคนที่มีอำนาจเช่นจักรพรรดิดาวทมิฬก็ตกตะลึงอย่างมาก ในเวลานี้พวกเขายังไม่อาจเรียกสติของพวกเขาให้กลับมาได้
“จะ-เจ้าซ่อนคนของเผ่าเราไว้ไหน.…” ในเวลานี้รองหัวหน้าศาลาตะโกนออกมาอย่างโหดเหี้ยม จิตใจของเขาสั่นสะท้านขณะที่ร่างกายของเขาก็สั่นเพราะไม่อาจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าขอ องเขาได้ เขาไม่อาจเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่ากองทัพหลายสิบล้านคนตายไปแล้ว
อย่างไรก็ตามทะเลเลือดที่ไหลผ่านเมืองหลวงและเลือดที่ไหลอยู่รอบ ๆ ได้กระหน่ำความรู้สึกของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับว่ามันเป็นหลักฐานที่ตอกย้ำถึงความจริงอันน่ากลัวต่อหน้าของพ พวกเขา
“จะ จะ เจ้า ฆะ ฆะ ฆ่าพวกเขาทั้งหมด….” จักรพรรดิดาวทมิฬค่อย ๆ ได้สติ เขารู้สึกน้ำท่วมปากในขณะที่เขาพูดด้วยเสียงสั่น ๆ ราวกับว่าเจี้ยนเฉินจะมาจัดการเขา
การตอบสนองของเจี้ยนเฉินตรงกันข้ามกับเผ่าดาวทมิฬ มีรอยยิ้มอย่างมีความสุขบนใบหน้าของเขา ในขณะที่เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเพียงพอแล้งที่พลังคำสาปที่มีต่อเขาได้ลดลงอย่างมา ากหลังจากที่สังหารเผ่าดาวทมิฬในเมืองหลวงไป
แม้ว่าสิ่งนี้จะมาจากการเสียสละของคนหลายสิบล้านคนของเผ่าดาวทมิฬ แต่เจี้ยนเฉินก็ไม่เสียใจและเขาก็ไม่รู้สึกผิดใด ๆ
ท้ายที่สุดคำสาปที่ยิ่งใหญ่ได้ถูกใช้ด้วยการควบรวมเจตจำนงของเผ่าดาวทมิฬ ถ้าเขาไม่ฆ่าคนเหล่านี้ ท้ายที่สุดคนที่ตายก็จะเป็นเขา
“จักรพรรดิดาวทมิฬ ด้วยระดับการบ่มเพาะของเจ้า เจ้ายังต้องถามคำถามแบบนั้นกับข้าอีกงั้นหรือ ? เจ้าควรจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“เพื่อที่จะหยุดคำสาปขั้นสูงสุดของเผ่าดาวทมิฬของเจ้า ข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่น”
“จักรพรรดิดาวทมิฬ เจ้าบังคับให้ข้าต้องทำอย่างนี้ เจ้าบังคับให้ข้าต้องทำลายเผ่าดาวทมิฬของเจ้าทั้งหมด เมืองหลวงเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ! ” เจี้ยนเฉินพูดอย่างเย็นชา ด้วยเหตุนี้เขา จึงปรากฏตัวใกล้กับขอบของค่ายกลทันที ร่างกายของเขาเปล่งประกายแสงในขณะที่เขาเริ่มโจมตีอย่างเต็มกำลัง
แม้ว่าการกำจัดเมืองหลวงจะทำให้คำสาปอ่อนแอลงเล็กน้อย แต่การทำพิธีในเมืองใหญ่ทั้งสามสิบหกเมืองยังคงดำเนินต่อไป ดังนั้นเขาจึงต้องมุ่งหน้าไปที่นั่นโดยเร็วที่สุด
ร่างกายของเขายังคงถูกทำลาย หากเขาใช้เวลานานเกินไป ความตายก็จะเป็นเพียงสิ่งเดียวที่รอเขาอยู่
ทำให้เจี้ยนเฉินไม่ได้ออมมือใด ๆ ในการทำลายค่ายกลด้วยความแข็งแกร่งของเขาตรง ๆ
ตูม !
ภายใต้เสียงที่ดังสนั่น ค่ายกลที่ทรงพลังในระดับสูงของเผ่าดาวทมิฬที่ใช้โอบล้อมเมืองหลวงก็ส่ายไปมา หลังจากนั้นไม่นานมันก็เกิดรอยร้าว เจี้ยนเฉินได้ทำลายค่ายกลที่ทรงพลังทั้งส สามแบบด้วยการโจมตีของเขาเพียงครั้งเดียว
ดวงตาของชนชั้นสูงของเผ่าดาวทมิฬหรี่ลงด้วยความตกใจเมื่อเห็นภาพนี้
พวกเขาจ่ายค่าตอบแทนออกไปอย่างมากเพื่อร่ายค่ายกลรอบ ๆ เมืองหลวง ความจริงแล้วพวกเขายังได้นำสิ่งของมีค่าของพวกเขาที่เก็บเอาไว้หลายปีออกมาใช้เพื่อที่จะทำให้ค่ายกลแข็งแกร่งขึ้น จนถึงขีดสุด
ทำให้ทุกค่ายกลมีพลังมากพอที่จะป้องกันการโจมตีของขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 9 ได้ ค่ายกลที่แตกไปเหล่านั้นยังอาจป้องกันการโจมตีของขั้นบรรพกาลได้เล็กน้อย
แต่ตอนนี้เจี้ยนเฉินได้ใช้การโจมตีเพียงครั้งเดียวเพื่อทำลายค่ายกลทั้งสาม นี่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งสูงสุดที่เขาทำได้ ทำให้ความเข้าใจของพวกเขากลับตาลปัตรอย่างสิ้นเชิงและแ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นของเผ่าดาวทมิฬก็ยังตื่นตระหนกทันที
นี่หมายความว่าความแข็งแกร่งของคนนอกเบื้องหน้าของเขาได้เทียบเท่ากับขั้นบรรพกาลแล้ว
วูบ !
ในเวลานี้ ผนึกขนาดใหญ่บินเข้ามาโจมตีเจี้ยนเฉินด้วยพลังปราณที่พลุ่งพล่าน
จักรพรรดิดาวทมิฬได้ดำเนินการโจมตีด้วยผนึกเพื่อหยุดยั้งเจี้ยนเฉินไม่ให้ทำลายค่ายกลได้
ในเวลาเดียวกันหัวหน้าศาลาทั้งสิบได้กลับไปที่ศาลาเทพ ศาลาเทพทุกอันต่างเปล่งประกายออกมา ขณะที่ใช้พลังปราณที่เก็บไว้ออกไปอย่างเต็มที่ มันลดลงในระดับที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า า และมันยิ่งเสริมค่ายกลให้กับศาลาเทพอย่างมาก
ในช่วงเวลานั้นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นทั้งหมดของเผ่าดาวทมิฬกำลังทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ พวกเขาไม่ได้หวังว่าจะสังหารเจี้ยนเฉินได้ เพียงแค่ล้อมจับเขาในค่ายกลเพื่อให้คำสาป ปของพวกเขาจัดการแทน