เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2880 - ชะตากรรมของเผ่าพันธุ์
ตอนที่ 2880 – ชะตากรรมของเผ่าพันธุ์
ร่างของวิญญาณจักรพรรดิดาวทมิฬปรากฏอยู่ในตะเกียงสัมฤทธิ์ ตะเกียงสัมฤทธิ์ป้องกันวิญญาณของเขาจากอันตรายทั้งปวง
บางทีมันอาจจะถูกต้องกว่าที่จะบอกว่าตะเกียงสัมฤทธิ์คือวิญญาณของจักรพรรดิดาวทมิฬ จิตวิญญาณของเขาได้รวมเข้ากับตะเกียงสัมฤทธิ์อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว วิธีเดียวที่จะทำลายวิญญาณของ งเขาคือทำลายตะเกียงสัมฤทธิ์
ตราบใดที่ตะเกียงยังคงอยู่จักรพรรดิดาวทมิฬก็ไม่สามารถถูกสังหารได้
หากตะเกียงดับลง จักรพรรดิดาวทมิฬก็จะสลายไปอย่างเห็นได้ชัด
“ฝ่าบาท…”
ในระยะไกล ขั้นอสงไขยทุกคนที่ซ่อนตัวอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์ต่างร้องออกมาอย่างโศกเศร้า ขณะที่พวกเขาจ้องมองไปที่จักรพรรดิดาวทมิฬที่อยู่ในรูปแบบวิญญาณ พวกเขารู้สึกเหมือนว่าโลกทั้ งใบในใจของพวกเขาพังทลายลงอย่างสมบูรณ์รอบตัวพวกเขา
ในเผ่าดาวทมิฬ จักรพรรดิดาวทมิฬเป็นสิ่งที่อยู่ยงคงกระพัน เขาไม่สามารถเอาชนะได้ ที่ขั้นอสงไขยสวรรค์ชั้นที่เก้า เขามีความสามารถในการต่อสู้ที่ไม่อ่อนแอไปกว่าขั้นบรรพกาล
แม้แต่ในโลกแห่งเซียนที่เกลื่อนไปด้วยผู้เชี่ยวชาญและอัจฉริยะ แต่จักรพรรดิดาวทมิฬก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่แทบไม่เป็นสองรองใคร เพียงพอที่จะครอบงำทุกคนในดินแดนแห่งการบ่มเพาะของเ เขา
เขาเป็นความภาคภูมิใจของเผ่าดาวทมิฬซึ่งเป็นเสาหลักในการสนับสนุน
ตอนนี้ คนนอกที่อายุน้อยกว่าหนึ่งพันปีและเป็นเพียงชั้นสวรรค์ที่ 8 ของขั้นอสงไขยเท่านั้นที่เอาชนะจักรพรรดิที่อยู่ยงคงกระพันมาโดยตลอดในเผ่าดาวทมิฬ
ความพ่ายแพ้ของเขาส่งผลกระทบอย่างมากต่อเผ่าดาวทมิฬ ในเวลาเดียวกันรูปปั้นที่อยู่ยงคงกระพันที่เขาสร้างขึ้นในใจของสมาชิกทุกคนในเผ่าดาวทมิฬก็พังทลายลง
ความรู้สึกนี้เหมือนกับกระดูกสันหลังของโลกที่ยื่นขึ้นไปบนท้องฟ้าก็ได้แตกสลายลงในทันที ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเผ่าดาวทมิฬนั้นมากมายเกินกว่าจะวัดได้
ครู่หนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นทุกคนที่ซ่อนตัวอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์ก็ตกอยู่ในความหดหู่ใจ
“เจ้าไม่สามารถทำลายจิตวิญญาณของข้าได้” ร่างมายาของจักรพรรดิดาวทมิฬปรากฏขึ้นเหนือตะเกียงสัมฤทธิ์ แต่การแสดงออกของเขาดูสงบมาก นอกเหนือจากการจ้องมองไปยังเจี้ยนเฉินที่เต็มไปด้ว วยความรู้สึกที่หลากหลายเขาไม่แสดงอารมณ์อื่น ๆ
ความโกรธและเจตนาฆ่าทั้งหมดที่เขาพัฒนาขึ้นในช่วงสามวันที่ผ่านมาดูเหมือนจะหายไปพร้อมกับการถูกทำลายร่างของเขา
“ข้ารู้ว่าตราบใดที่เจ้ามีตะเกียง ข้าก็ฆ่าเจ้าไม่ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม อย่างมากที่สุดข้าก็แค่สามารถทำลายร่างของเจ้าได้ อย่างไรก็ตาม ข้าไม่เคยคิดจะฆ่าเจ้า ข้าแค่อยากใ ให้เจ้าจ่ายค่าตอบแทนในราคาที่เหมาะสมสำหรับทุกสิ่งที่เจ้าทำ” เจี้ยนเฉินลอยอยู่ตรงหน้าตะเกียงสัมฤทธิ์อย่างสงบ การจ้องมองของเขาเย็นชาเหมือนก่อนหน้านี้
ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาโจมตีจักรพรรดิดาวทมิฬด้วยปราณกระบี่ลึกซึ้ง เจี้ยนเฉินรู้ว่าเขาไม่สามารถฆ่าจักรพรรดิดาวทมิฬได้
ตะเกียงสัมฤทธิ์เป็นวัตถุเทพขั้นสูงและภายใต้การสังเกตของเขา เขาพบว่าวัตถุเทพขั้นสูงนั้นไม่ได้รับความเสียหายเหมือนวัตถุเทพอื่น ๆ ดูเหมือนว่าจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์
หากเขาต้องการทำลายวัตถุเทพขั้นสูงนี้แม้แต่ขั้นอัครสูงสุดที่อ่อนแอก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้ นับประสาอะไรกับเขาที่เพิ่งจะมีความสามารถในการต่อสู้ของขั้นบรรพกาลเมื่อเร็ว ๆ นี้
“ทำให้เราจ่ายค่าตอบแทนในราคาที่เหมาะสมสำหรับทุกสิ่งที่เราทำไปหรือ ? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…” จักรพรรดิดาวทมิฬดูเหมือนจะได้ยินเรื่องตลกที่ตลกที่สุดในโลก เขาหัวเราะออกมาอย่างอิสระ “คนน นอก ทำไมเจ้าไม่ดูคนในตระกูลของข้าก่อนที่จะมองโลกนี้ บอกข้าหน่อยว่าเผ่าของข้าทำอะไรผิดหรือ ? เผ่าของข้าก่ออาชญากรรมร้ายแรงอะไรบ้าง ในท้ายที่สุด รุ่นแล้วรุ่นเล่าของบรรพบ บุรุษของข้าและตระกูลของข้าทุกรุ่นที่สืบทอดมาหรือจะถูกขังอยู่ที่นี่ตลอดไป”
“ถูกต้อง บรรพบุรุษของเผ่าดาวทมิฬของเราเคยบาดหมางใจกับจิตวิญญาณไม้ แต่ความเป็นปฏิปักษ์ทั้งหมด ความเกลียดชังทั้งหมดมาจากบรรพบุรุษของเราเพียงอย่างเดียว พวกเราคนรุ่นหลังได้ทำอะ ะไร ? เราทำผิดอะไร ? แต่เราเป็นคนที่ติดอยู่ที่นี่มาหลายชั่วอายุคน … ”
“และเจ้าทราบหรือไม่ว่าคนของตระกูลของเรานับไม่ถ้วนตั้งแต่เกิดจนตายจะไม่มีวันก้าวไปสู่โลกภายนอก พวกเขาทุกคนรู้ดีว่าโลกภายนอกมีสีสันเพียงใด ทุกคนรู้ดีว่าโลกภายนอกนั้นงดงามเพ พียงใด พวกเขายังรู้ว่าการบ่มเพาะในโลกภายนอกนั้นง่ายเพียงใด…”
“ในเผ่าดาวทมิฬของเราไม่มีใครที่ไม่อิจฉาโลกภายนอก ทุกคนโหยหาโลกภายนอก แต่จะทำอย่างไรได้ พวกเขาทั้งหมดถูกขังอยู่ในโลกขนาดเล็กนี้โดยจอมปราชญ์สูงสุดแห่งจิตวิญญาณไม้ ไม่สามา ารถจากไปได้ตลอดชีวิต ท้ายที่สุดพวกเขาก็จากไปได้ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความเสียใจและโหยหาโลกภายนอก…”
การจ้องมองจากร่างของจักรพรรดิดาวทมิฬค่อย ๆ คมชัดขึ้น เขาจ้องมองไปที่เจี้ยนเฉินและกัดฟันแน่น “คนนอก ช่วยบอกข้าทีว่าพวกเราลูกหลานทำผิดอะไรที่พวกเราต้องถูกกักขังที่นี่ตลอดไ ไปโดยจอมปราชญ์สูงสุดแห่งจิตวิญญาณไม้ เขาเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่มีสถานะสูงส่ง แต่เขาก็เป็นคนขี้ขลาดและใจแคบและมีความเกลียดชังต่อบรรพบุรุษของเราไปสู่ลูกหลานที่ไร้เดียงสาของเรา”
“มันน่าสมเพชอย่างมากที่เผ่าดาวทมิฬของเราจะลดลงอย่างมากซึ่งแม้กระทั่งการทะลวงผ่านด่านไปถึงขั้นบรรพกาล ก็ต้องใช้การเตรียมการหลายปีเพื่อที่เราจะได้ปลดปล่อยพลังของเผ่าทั้งหม มดเพื่อจัดพิธีกรรมอันยิ่งใหญ่และต่อสู้กับเจตจำนงอันยิ่งใหญ่ของจอมปราชญ์สูงสุดแห่งจิตวิญญาณไม้ ในทางกลับกัน โลกภายนอกของเจ้าได้รับความอุดมสมบูรณ์จากธรรมชาติ นับประสาอะไรกับการ ที่จะต้องฝ่าฟันไปยังขั้นบรรพกาล แม้การไปถึงอาณาจักรสูงสุดของขั้นอัครสูงสุด นั้นก็ง่ายกว่าการที่ราชาเทพของเราจะทะลวงเข้าไปในขอบเขตตั้งต้น …”
“คนนอก บอกข้าสิว่าเผ่าของเรายังไม่จ่ายค่าตอบแทนที่เหมาะสมโดยถูกขังอยู่ที่นี่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาหรือ ? เรายังสูญเสียไม่พออีกหรือ ? สำหรับการกระทำของเราทุกอย่างเป็นไปเพื่อ อดำเนินการเพื่อให้หลุดพ้นจากการยับยั้งของโลกนี้ เราทำผิดอะไร”
“สมัครพรรคพวกของเราทุกรุ่นใฝ่ฝันว่าวันหนึ่งเราจะเป็นเหมือนเจ้า ทะยานอย่างอิสระผ่านโลกแห่งเซียนที่กว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ เราเป็นเพียงการมุ่งมั่นสู่ความฝันความปรารถนาตลอดชีวิ ตที่ทุกคนยึดถือ … ”
ขณะที่เขาฟังคำปราศรัยจากก้นบึ้งของหัวใจของจักรพรรดิดาวทมิฬ เจี้ยนเฉินก็ไม่สะทกสะท้าน เขาใช้เวลาพอสมควรในเผ่าดาวทมิฬ แล้วดังนั้นเขาจึงเข้าใจสถานการณ์ของเผ่าดาวทมิฬเป็นอย่าง งดี
“เมื่อเจ้าทำพิธีกรรมใหญ่ เจ้าจำเป็นต้องมีสัตว์อสูรที่มีสายเลือดที่ทรงพลังเป็นเครื่องบูชา สิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับข้า เจ้าทำได้ แต่ต้องโทษตัวเองที่เลือกเป้าหมายที่จะบูชายัญผิด” เจี้ยนเฉินกล่าวอย่างเย็นชา
จักรพรรดิดาวทมิฬส่ายหัว “เราไม่เสียใจที่เลือกสัตว์เทวะตัวนั้นมาสังเวยเลยเนื่องจากสัตว์เทวะมีสิทธิ์ถูกบูชายัญนั้นหายากมากในโลกนี้และมีโอกาสน้อยที่จะปรากฏตัวในโลกดาวท ทมิฬของเราด้วยซ้ำ ตราบใดที่เราพบเจอ เผ่าของเราจะไม่มีวันปล่อยให้มันหลุดลอยไป หากเจ้าสามารถย้อนเวลากลับไปและให้โอกาสเราเลือกอีกครั้ง เราก็ยังคงเลือกที่จะสังเวยสัตว์อสูรเท ทวะตัวนี้”
เจี้ยนเฉินขมวดคิ้ว ดวงตาของเขาก็เย็นชาลงอีกครั้ง
“อย่างไรก็ตาม เราไม่เคยคิดเลยว่าคนที่มีความสามารถที่น่ากลัวเช่นนี้จะยืนอยู่เบื้องหลังสัตว์อสูรเทวะที่มีความสามารถมาก จนเจ้าสามารถไปถึงขอบเขตตั้งต้นโดยที่มีอายุต่ำกว่าหนึ่งพ พันปี หากเราได้เรียนรู้เรื่องนี้ก่อนหน้านี้สักนิด พิธีกรรมอันยิ่งใหญ่ก็จะไม่มีวันล้มเหลว…” จักรพรรดิดาวทมิฬถอนหายใจยาวด้วยความเสียใจกับเรื่องนี้
เจี้ยนเฉินเข้าใจดีว่าด้วยความแข็งแกร่งและความสามารถของเผ่าดาวทมิฬ โอกาสในการช่วยจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ของเขาจะกลายเป็นน้อยมากหรือเป็นไปไม่ได้เลยหากพวกเขารู้เกี่ยวกับก การดำรงอยู่ของเขาล่วงหน้า
เขาจะตกอยู่ในอันตรายถึงตายด้วยซ้ำ
นั่นเป็นเพราะตราบใดที่เผ่าดาวทมิฬกัดฟันทนไปและทำลายผลแห่งวิถีฟื้นฟูหรือป้องกันไม่ให้เขาได้รับมัน พวกเขาก็จะสามารถร่ายคำสาปขั้นสูงสุดด้วยพลังของทั้งเผ่า ในสถานการณ์เช่นนี เขาไม่สามารถอยู่ได้นานขนาดนี้หากไม่มีการทะลวงผ่านด่าน
แม้ว่าเขาจะหนีเข้าไปในภูเขาโลกาแฝด เขาก็จะไม่รอด
ไม่ต้องพูดถึงว่ายังมีจักรพรรดิดาวทมิฬเป็นคู่ต่อสู้ที่ทรงพลัง ก่อนที่เขาจะทะลวงผ่านด่าน เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจักรพรรดิดาวทมิฬเลย
นอกจากนี้ยังมีศาลาเทพ 10 แห่งของเผ่าดาวทมิฬ หากพวกเขาใช้วัตถุเทพขั้นกลางที่เป็นศาลาเทพตั้งแต่เริ่มต้น สร้างค่ายกลที่ทรงพลังไว้ในเมืองหลวงเพื่อดักจับเขาและใช้จักรพรรดิดา าวทมิฬเพื่อหยุดและฆ่าเขา เจี้ยนเฉินก็จะตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน
ในระยะสั้น ถ้าเจี้ยนเฉินไม่ได้กินผลแห่งวิถีฟื้นฟูและเผ่าดาวทมิฬก็เตรียมพร้อม พวกเขามีวิธีจัดการกับเขามากเกินไป