เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2882 - การเจรจา
ตอนที่ 2882 – การเจรจา
ในไม่ช้าสิ่งของทั้งสี่ชิ้นที่เสกออกมาจากภายในตะเกียงสัมฤทธิ์ก็หายไปและแสงไฟก็กลับคืนสู่สภาพเดิม
อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ หัวใจของเขายังคงเต้นรัวด้วยความเร็วที่ไม่ธรรมดา มีซี่โครงของจอมปราชญ์สูงสุด กระดูกสันหลังของจอมปราชญ์สูงสุด และแม้แต่ครึ่งหนึ่ง งของหัวใจของจอมปราชญ์สูงสุด หากของสามอย่างนี้ไปอยู่ในโลกแห่งเซียน พวกมันจะต้องสั่นสะเทือนไปทั้งโลกแห่งเซียนอย่างแน่นอน ขั้นอัครสูงสุดจำนวนนับไม่ถ้วนจะต่อสู้กันและฟาดฟันเพ พื่อพวกมัน
เห็นได้ชัดว่า เจี้ยนเฉินก็สนใจอย่างมากเช่นกันกับการล่อลวงที่ยิ่งใหญ่ต่อหน้าเขา เขาเริ่มโลภด้วยซ้ำ
เจี้ยนเฉินสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และทำให้อารมณ์ที่ปั่นป่วนสงบลง เขากล่าวว่า “ตะเกียงสัมฤทธิ์น่าจะมีอะไรมากกว่านั้น”
ในร่างวิญญาณจักรพรรดิดาวทมิฬเหลือบมองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างลึกซึ้งและพูดอย่างสงบว่า “ถูกต้อง มีสิ่งของมากกว่าสี่ชิ้นนี้อยู่ในตะเกียงสัมฤทธิ์ นอกเหนือจากสิ่งของทั้งสี่ชิ้นนี้แ แล้วยังมีวัสดุล้ำค่าและหายากอยู่ภายในเช่นเดียวกับบันทึกโบราณที่บรรพบุรุษทิ้งไว้”
“วัสดุหายากเหล่านี้ไม่ได้เป็นสมบัติล้ำค่า ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีแรงจูงใจ”
“สำหรับบันทึกที่บรรพบุรุษทิ้งไว้เบื้องหลังนั้นล้วนแล้วแต่เป็นทักษะลับหรือวิธีการบ่มเพาะ มีเพียงสมาชิกของเผ่าดาวทมิฬของเราเท่านั้นที่สามารถฝึกฝนพวกมันได้ ดังนั้นแม้ว่าบุค คคลภายนอกจะได้มันไป พวกมันก็ไม่มีประโยชน์เว้นแต่พวกเขาจะปรับเปลี่ยนวิธีการบ่มเพาะของเผ่าดาวทมิฬของเราและดูดซับพลังแห่งวิญญาณ”
ดวงตาของเจี้ยนเฉินทอประกายขณะที่เขาจ้องตรงไปที่จักรพรรดิดาวทมิฬ เขาถามว่า “จักรพรรดิดาวทมิฬ เจ้าบอกว่าเจ้าต้องการการฝึกฝนเพื่อบรรลุขั้นบรรพกาล เพื่อเปิดมิติในตะเกียงสัมฤทธิ ข้าควรจะเชื่อได้อย่างไรว่าเจ้าพูดความจริง”
“ฮึ่ม ข้าเป็นคนทำตามคำพูดของข้าในเผ่าดาวทมิฬมาโดยตลอดและทุกสิ่งที่ข้าทำก็ทำด้วยความชอบธรรมและภาคภูมิใจ ข้าไม่เคยทำเรื่องฉ้อโกงหลอกลวงลักพาตัวหรือหลอกต้มตุ๋นเหมือนพวกเจ จ้า คนนอก และเจ้าได้ใช้เวลาช่วงหนึ่งในเผ่าของเราเมื่อเจ้าแอบอ้างเป็นคุนเทียน ดังนั้นเจ้าควรรู้เกี่ยวกับคุณธรรมของข้าสักเล็กน้อย ข้าสามารถสัญญากับเจ้าได้ว่าไม่มีสิ่งใดที่ข้ าพูดจะเป็นเรื่องหลอกลวง” จักรพรรดิดาวทมิฬกล่าวพร้อมให้คำมั่นอย่างจริงจังและจริงใจ เขาเป็นคนเที่ยงธรรมและมีเกียรติเปล่งประกายด้วยความชอบธรรม
“ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งของบางชิ้นที่เป็นของจอมปราชญ์สูงสุดแห่งจิตวิญญาณไม้ ถือเป็นสมบัติล้ำค่าที่สามารถทำให้ทุกคนคลั่งไคล้ได้ในสายตาของเจ้า คนนอก แต่สำหรับพวกเราแล้วพวกมันไร้ ประโยชน์อย่างแท้จริง นั่นเป็นเพราะพวกเราครอบครองในสิ่งของเหล่านี้มานานนับไม่ถ้วนแล้ว พวกมันอยู่ในการครอบครองของเราก่อนที่จิตวิญญาณโลกจะถูกทำลายในอดีต ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนับไ ไม่ถ้วนนับตั้งแต่การทำลายจิตวิญญาณโลก แต่สิ่งของที่เจ้ามองว่าเป็นสมบัติล้ำค่าก็ไม่ต่างจากเมื่อก่อน พวกมันไม่ได้เคลื่อนไหวในโลกขนาดเล็กของตะเกียงสัมฤทธิ์ด้วยซ้ำ”
“นับประสาอะไรกับความจริงที่ว่าเราไม่สามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งของเหล่านี้ได้ แม้ว่าเราจะทำได้ แต่เราก็ไม่สนใจมันเพราะทุกคนจากเผ่าดาวทมิฬของเรามีความปรารถนาอันยิ่งใหญ่เพียงหน นึ่งเดียวนั่นคือการออกจากคุกนี้ หนีโลกนี้ออกไปยังโลกภายนอกแล้วไปท่องเที่ยว”
“เพื่อเป้าหมายนี้ เผ่าของข้าได้ทุ่มเทตัวเองมานานนับไม่ถ้วน รุ่นแล้วรุ่นเล่า ถึงตอนนี้ในช่วงอายุที่เป็นของข้า เราก็ยังไม่ยอมแพ้”
จักรพรรดิดาวทมิฬยืนตรงจ้องมองไปที่เจี้ยนเฉิน อย่างตรงไปตรงมา เขากล่าวต่อว่า “คนนอก ข้าได้พูดทั้งหมดนี้เพื่อให้เจ้าเข้าใจว่าทุกสิ่งที่ข้าพูด มันเป็นความจริงอย่างสมบูรณ์โดย ไม่มีการหลอกลวงหรือความเท็จใด ๆ เลย และข้าจะไม่มีวันก้มหัวทำตัวให้ตกต่ำโดยที่วางแผนบางอย่างไว้”
จักรพรรดิดาวทมิฬหยุดชั่วขณะ เขากล่าวว่า “แน่นอน ถ้าเจ้าเปลี่ยนใจในตอนนี้และยินดีที่จะแลกเปลี่ยนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์กับข้า ข้าสัญญากับเจ้าได้ว่าเมื่อพิธีกรรมอันยิ่งใหญ่ของเราสำเ เร็จ ข้าจะให้วัสดุทั้งหมดในตะเกียงสัมฤทธิ์รวมถึงของสามรายการจากจอมปราชญ์สูงสุดแห่งจิตวิญญาณไม้”
“เจ้าไม่ต้องพูดถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว ไม่ว่าเผ่าดาวทมิฬของเจ้าจะมีสมบัติล้ำค่ามากมายสักแค่ไหน แม้ว่าเจ้าจะมีมรดกของจอมปราชญ์สูงสุด เจ้าก็จะไม่มีวันได้แลกเปลี่ยนจักรพรรดิพยัคฆ์ศ ศักดิ์สิทธิ์กับข้า” เจี้ยนเฉินยกเลิกความคิดทั้งหมดของจักรพรรดิดาวทมิฬโดยตรง หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็พูดต่อ “ความพิเศษของเผ่าดาวทมิฬของเจ้ายังไม่เพียงพอที่จะแลกกับ ชีวิตของเผ่าพันธุ์ทั้งหมดของเจ้า เนื่องจากเจ้าไม่สามารถให้กระดูกของจอมปราชญ์สูงสุดแห่งจิตวิญญาณไม้ได้ ดังนั้นเจ้าจึงอาจทดแทนด้วยแก่นโลหิตของจอมปราชญ์สูงสุดที่อยู่ในการครอบครอ องของเผ่าดาวทมิฬของเจ้า”
“เจ้าต้องการแก่นโลหิตของจอมปราชญ์สูงสุดงั้นหรือ ? ” ดวงตาของจักรพรรดิดาวทมิฬหรี่แคบลง
“ถูกต้อง ไม่เพียงแต่เผ่าดาวทมิฬของเจ้าจะมีจอมปราชญ์สูงสุด แต่เขายังได้ต่อสู้กับจอมปราชญ์สูงสุดแห่งจิตวิญญาณไม้ ดังนั้นเจ้าควรมีแก่นโลหิตจำนวนมากที่เป็นของจอมปราชญ์สูงสุดแห ห่งจิตวิญญาณไม้ด้วย เจ้าสามารถแทนที่กระดูกของจอมปราชญ์สูงสุดด้วยแก่นโลหิตได้ เจ้ามีแก่นโลหิตมากแค่ไหน ? ” เจี้ยนเฉินถาม
จักรพรรดิดาวทมิฬคิดกับตัวเองแล้วพูดว่า “เราไม่มีแก่นโลหิตจากจอมปราชญ์สูงสุดแห่งจิตวิญญาณไม้แม้ว่าเราอยากจะมี แต่พวกมันทั้งหมดก็อยู่ในหัวใจครึ่งดวง ดังนั้นเราจึงไม่สามารถ เอาออกมาได้เลย อย่างไรก็ตามเรามีสายเลือดที่เป็นแก่นโลหิตจากบรรพบุรุษของเรา แต่ก็เหลืออยู่ไม่มาก”
ดวงตาของเจี้ยนเฉินส่องประกาย แม้แต่การหายใจของเขาก็ค่อนข้างรุนแรง “ ข้าต้องการแก่นโลหิตของ จอมปราชญ์สูงสุด 10 หยด ให้ข้า 10 หยดแล้วข้าจะยกเลิกบัญชีแค้นกับเผ่าของเจ้า มัน นจะไม่ใช่แค่ข้า รวมถึงจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ด้วย ข้าจะโน้มน้าวให้เขาไม่แก้แค้นเผ่าดาวทมิฬของเจ้า”
“มิฉะนั้น ด้วยสายเลือดและความสามารถของจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ในฐานะสัตว์อสูรควบคู่ไปกับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ของข้า ความแข็งแกร่งของเขาจะก้าวไปอย่างรวดเร็วในระยะเวลาอั นสั้น แน่นอนเขาจะกลายเป็นหายนะต่อเผ่าพันธุ์ของเจ้าภายในสหัสวรรษหน้า แม้แต่เจ้าที่เป็นจักรพรรดิดาวทมิฬก็จะไม่เป็นคู่ต่อสู้ของจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์”
“จักรพรรดิดาวทมิฬ เจ้าคิดอย่างไรเกี่ยวกับข้อตกลงนี้”
สีหน้าของจักรพรรดิดาวทมิฬไม่ได้เปลี่ยนไปเลย กลับกันเขาถอนหายใจยาว ๆ แทน “ คนนอก เจ้าไม่ต้องใช้การสูญพันธุ์ของเผ่าพันธุ์ของข้าเพื่อขู่ข้าก็ได้ หากเราไม่สามารถออกจากคุกแห่งนี และต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ต่อไปโดยไม่สามารถมองเห็นแสงสว่างของวันใหม่ได้ นั่นก็เป็นการทรมานรูปแบบหนึ่งสำหรับเรา ความตายอาจเป็นการปลดปล่อยอีกรูปแบบหนึ่ง”
“ข้ายอมรับว่าเจ้ามีความสามารถในการกำจัดเผ่าพันธุ์ดาวทมิฬของเรา แต่เมื่อเจ้าสังหารพวกเราทั้งหมดเจ้าก็จะไม่สามารถอยู่รอดได้เช่นกัน เพราะถึงตอนนั้นข้าจะใช้มาตรการสุดท้ายที่บรรพบ บุรุษของเราทิ้งไว้โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อยนั่นก็คือการระเบิดโลกแห่งดาวทมิฬทั้งหมด สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกรวมถึงทุกสิ่งที่อยู่ในภูเขาโลกาแฝดจะถูกกำจัดทิ้ง”
“โลกนี้ถูกสร้างขึ้นจากสัตว์อสูรดวงดาวขนาดมหึมาที่ไปถึงชั้นสวรรค์ที่ 9 ของขั้นอัครสูงสุด และมันเต็มไปด้วยพลังของจอมปราชญ์สูงสุดทั้งสอง เมื่อข้าระเบิดโลกนี้พลังที่ถูกปล ลดปล่อยออกมาจะยิ่งใหญ่มากจนแม้แต่วัตถุเทพขั้นสูงก็ยังถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ เมื่อถึงจุดนั้นจริง ๆ เจ้าจะไม่มีโอกาสรอดแม้ว่าเจ้าจะซ่อนตัวอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์ดาวทมิฬก็ตาม”
“ถึงตอนนั้นจิตวิญญาณของข้าจะอยู่รอดในขณะที่เจ้าจะถูกลบเลือนไปโดยสิ้นเชิง อย่างไรก็ตามถ้าข้าระเบิดโลกนี้คนในเผ่าทั้งหมดของข้าในโลกดาวทมิฬจะตายไปจากข้า ดังนั้นถ้าเราไม่เผชิญกั บภัยคุกคามจากการสูญพันธุ์อย่างแท้จริง ข้าก็ไม่ลังเลใจที่จะใช้ไม้ตายสุดท้ายนี้”
ดวงตาของจักรพรรดิทมิฬเปล่งประกาย เขากล่าวกับเจี้ยนเฉินอย่างจริงจังว่า“ ด้วยเหตุนี้ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำเกินไปและละทิ้งเผ่าดาวทมิฬไว้ข้างหลัง มันจะทำให้ความฝันของข้ายังคงอยู เหมือนเดิมซึ่งทำหน้าที่เป็นรูปแบบหนึ่งของการยับยั้งชั่งใจของข้า ป้องกันไม่ให้ข้าทิ้งทุกอย่างโดยไม่คำนึงถึงความสิ้นหวังอย่างที่สุดและก้าวต่อไปกับบางสิ่งที่บ้าคลั่งเช่นนั้น”
สีหน้าของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไป “กล่าวอีกนัย เจ้าสามารถบุกออกจากคุกนี้ได้ทุกเมื่อใช่หรือไม่ ? ”
“จริง แต่ประเด็นของเรื่องนั้นคืออะไร ? คุกหายไป แต่พรรคพวกของข้าก็จะหายไปด้วยเช่นกัน ถ้าข้าทำอย่างนั้นจริง ๆ ข้าจะกลายเป็นคนทรยศชั่วนิรันดร์ของเผ่าพันธุ์ของเรา ข้าจะเผชิญ ญหน้ากับบรรพบุรุษของข้าได้อย่างไร” จักรพรรดิดาวทมิฬโศกเศร้าทำให้รู้สึกไร้พลังอย่างหนัก
เจี้ยนเฉินเงียบลง เขาจ้องไปที่จักรพรรดิดาวทมิฬอย่างเงียบ ๆ และอดไม่ได้ที่จะยอมรับว่าจักรพรรดิดาวทมิฬเป็นผู้นำที่เหมาะสม เห็นได้ชัดว่าเขามีหนทางที่จะทะลวงออกไป แต่เพื่อประ ะโยชน์ของกลุ่มชนของเขาเขาเต็มใจที่จะติดอยู่กับพวกเขามากกว่าที่จะทรยศต่อเผ่าพันธุ์ของเขา
แม้ว่าจะถูกขังอยู่เป็นเวลาหลายปี แต่ความมุ่งมั่นของเขาก็ไม่หวั่นไหวเลย
เพียงแค่จิตวิญญาณแห่งการอุทิศตนนี้ก็สมควรได้รับการยกย่องว่า “ยิ่งใหญ่”
หากสถานการณ์คล้าย ๆ กันนี้เกิดขึ้นในโลกแห่งเซียน เจี้ยนเฉินมั่นใจว่าคนส่วนใหญ่รวมถึงบรรพบุรุษของขั้นอัครสูงสุดที่เป็นผู้นำทั้งนิกายหรือตระกูลก็จะเลือกทางเลือกอื่นโดยไม่ล ลังเลแม้แต่น้อย
ภายในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายของโลกแห่งเซียนความเชื่อมั่นของผู้คนส่วนใหญ่บิดเบี้ยว พวกเขาจะไม่ปล่อยให้กลุ่มอ่อนแอที่ไร้ประโยชน์เอาไว้ สำหรับพวกเขามันเป็นกุญแจมือที่รั้งพวกเขาไว ว้
“ข้าสามารถให้หยดเลือดแก่นโลหิตของจอมปราชญ์สูงสุด 10 หยดที่เจ้าต้องการได้ แต่เจ้าต้องยอมรับเงื่อนไขจากเรา – ไม่ เจ้าต้องสาบาน”