เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2896 : ใต้เท้าศักดิ์สิทธิ์แห่งพลังป้องกัน
- Home
- เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)
- ตอนที่ 2896 : ใต้เท้าศักดิ์สิทธิ์แห่งพลังป้องกัน
ตอนที่ 2896 : ใต้เท้าศักดิ์สิทธิ์แห่งพลังป้องกัน
เหลยกงหลงและเหลยหยุนมองหน้ากัน ชัดเจนแล้วว่าพวกเขาไม่พอใจกับการที่ไม่ได้พบกับราชันย์เซียน แต่เมื่อผู้อาวุโสทั้งสองบอกให้พวกเขากลับไป ดังนั้นทั้งสองก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้
หลังจากที่ทั้งสองคนจากไปแล้ว ผู้อาวุโสทั้งสองก็มองไปยังโถงศักดิ์สิทธิ์ด้านหลัง พวกเขาพากันแสดงสีหน้ากังวลออกมา ผู้อาวุโสคนหนึ่งได้ถอนหายใจและพูดขึ้น “เหลยรู่ฮัวแห่งตระกูล ลสายฟ้าสวรรค์ตายไปแล้วจริง ๆ เขาเป็นอัครสูงสุดชั้นสวรรค์ที่ 3 เขายังมียันต์วิญญาณสายฟ้าลงทัณฑ์สวรรค์อยู่กับตัวด้วย มันแสดงให้เห็นแล้วว่าคนที่ฆ่าเขานั้นแข็งแกร่งเพียงใด ดูเหมือนว่าข่าวที่ว่าราชันย์เซียนบาดเจ็บจะรั่วไหลออกไปแล้ว บางองค์กรจึงหมายหัวตระกูลของเรา”
“มันผ่านมาหลายหมื่นปีแล้วตั้งแต่ที่ราชันย์เซียนบาดเจ็บและราชันย์เซียนเต๋าสวรรค์, ราชันย์เซียนต้นกำเนิดบูรพา และผู้นำของพรรคกระดูกโอฬารต่างก็รู้เรื่องนี้ มันไม่ใช่ความลับ ก การที่องค์กรเหล่านั้นต้องรอหลายหมื่นปีกว่าจะลงมือนั้น มันแสดงให้เห็นแล้วว่าพวกนั้นกลัวราชันย์เซียนมากแค่ไหน” ผู้อาวุโสอีกคนพูดขึ้นมา
“เจ้าคิดว่าองค์กรไหนที่คิดลงมือกับตระกูลของเรา ? ”
“มันยากจะบอกได้ ในหมู่ตระกูลชั้นนำทั้งเจ็ดแล้วมีสองตระกูลที่ขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์กับเรา เราได้พัฒนาความบาดหมางกับพวกนี้มานาน ยิ่งกว่านั้นก็มีหลายองค์กรที่ไม่ใช่ตระกูลช ชั้นนำที่มีความแค้นกับตระกูลของเรา บางพวกถึงกับอยากจะลากเราลงมาจากบัลลังก์…”
“สุดท้ายแล้วยังมีใต้เท้าศักดิ์สิทธิ์แห่งพลังป้องกันอีก.…”
“ใต้เท้าศักดิ์สิทธิ์แห่งพลังป้องกันคือยอดฝีมือชั้นนำที่ไม่อาจจะประมาทได้ เขาคือลูกหลานของจอมปราชญ์สูงสุด สายเลือดของจอมปราชญ์สูงสุดนั้นอยู่ในตัวเขา ที่สำคัญที่สุดคือใต้ เท้าศักดิ์สิทธิ์แห่งพลังป้องกันนั้นได้รับการสืบทอดส่วนกลางของตระกูลชั้นนำไป เมื่อเขาขึ้นไปเป็นอัครสูงสุดชั้นสวรรค์ที่ 9 เขาก็จะเป็นคนที่ทัดเทียมกับราชันย์เซียนทั้งแปดได้ …”
“ใช่ ใต้เท้าศักดิ์สิทธิ์แห่งพลังป้องกันคือคนที่โดดเด่น ในอดีตนั้นเขาได้ฆ่ายอดฝีมือชั้นสวรรค์ที่ 9 จากโลกอมตะทั้ง ๆ ที่อยู่แค่ชั้นสวรรค์ที่ 8 แต่สุดท้ายมันก็ทำให้ตระกูลพ พิทักษ์โลกพบกับจุดจบ ยอดฝีมือชั้นสวรรค์ที่ 9 ของโลกมอตะนั้นได้ใช้คำสาปออกมาตอนที่กำลังจะตายให้กำจัดคนของตระกูลป้องกันโลกทั้งหมด มีแค่ลูกสาวเขาที่รอดมาได้อย่างยากลำบ บาก...”
“ใต้เท้าศักดิ์สิทธิ์แห่งพลังป้องกันได้นำลูกสาวของเขามายังตระกูลของเรา เขาถึงกับยอมลดเกียรติของตัวเองและก้มหัวขอให้ราชันย์เซียนช่วย แต่หากราชันย์เซียนช่วยลูกสาวเขานั้น ร ราชันย์เซียนก็จะเสียสายฟ้าดั้งเดิมไปจำนวนมาก ยิ่งกว่านั้นสงครามระหว่างสองโลกก็ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นราชันย์เซียนจึงปฏิเสธเขาไป สุดท้ายแล้วญาติเพียงคนเดียวของใต้เท้ าศักดิ์สิทธิ์แห่งพลังป้องกันก็ได้จากเขาไป ทิ้งเขาไว้เพียงลำพังในโลกใบนี้….”
ทันทีที่พูดถึงใต้เท้าศักดิ์สิทธิ์แห่งพลังป้องกัน ทั้งสองคนต่างก็พากันรู้สึกซับซ้อนขึ้นมา ยังไงซะนั่นคือยอดฝีมือระดับสูงที่เคยคุกเข่าต่อหน้าราชันย์เซียนสายฟ้า ทั่วทั้งโลกเซ ซียนแล้วคนที่มีระดับบ่มเพาะเทียบเท่ากับใต้เท้าศักดิ์สิทธิ์แห่งพลังป้องกัน จะมีใครบ้างที่ทำแบบนี้ ?
ผู้อาวุโสทั้งสองไม่เคยลืมสีหน้าของใต้เท้าศักดิ์สิทธิ์แห่งพลังป้องกันที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง, สลดและหม่นหมองหลังจากที่ราชันย์เซียนสายฟ้าปฏิเสธเขา
“รึว่าจะเป็นใต้เท้าศักดิ์สิทธิ์แห่งพลังป้องกัน …”
“ตามที่ข้าเข้าใจ ใต้เท้าศักดิ์สิทธิ์แห่งพลังป้องกัน เขาไม่มีทางทำตัวตกต่ำเช่นนี้ มันไม่เหมือนกับบุคลิกของเขา ..แต่ใครจะไปรู้ ยังไงซะการทำลายล้างตระกูลป้องกันโลกและการตายของล ลูกสาวเขาก็ส่งผลต่อเขาอย่างมาก “
“หากเป็นใต้เท้าศักดิ์สิทธิ์แห่งพลังป้องกันจริงแล้ว งั้นเราก็ได้แต่หวังให้ราชันย์เซียนหายดีในไม่ช้า …”
ทั้งสองคนพากันแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา ไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็ได้สั่งการออกไปและผนึกทั้งตระกูลเทพเจ้าสายฟ้าเอาไว้ เพื่อกันไม่ให้คนของตระกูลเดินทางออกไปภายนอก
การตายของเหลยรู่ฮัวทำให้ตระกูลเทพเจ้าสายฟ้าได้สติ ทั้งตระกูลเพิ่มการระวังตัวทันที
…..
จากการพักรบของเจี้ยนเฉินและเผ่าดาวทมิฬ ทั้งโลกดาวทมิฬก็กลับคืนสู่ความสงบแต่ผลจากสงครามที่ดุเดือดนั้นได้กลายเป็นความเจ็บปวดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเผ่าดาวทมิฬ ฬ
ศาลาเทพทั้งสิบได้กลับไปยังตำแหน่งของตัวเอง มันลอยอยู่เหนือเมืองหลวงดังเดิม การฟื้นฟูเริ่มขึ้นในซากเมืองหลวง
จักรพรรดิดาวทมิฬได้สั่งการออกมา คนจากหมู่บ้านและเมืองใกล้ ๆ ต่างก็พากันย้ายมาที่เมืองหลวงเพื่อทำการฟื้นฟูเมืองหลวงขึ้นมา
มันไม่ใช่แค่เมืองหลวงแต่รวมถึงเมืองหลักทั้งยี่สิบกว่าเมืองที่เจี้ยนเฉินได้ทำลายไปต่างก็ได้ทำการฟื้นฟูตัวเองเช่นกัน เมืองและหมู่บ้านเริ่มส่งคนเข้ามายังเมืองที่ว่างเปล่าเหล่า านั้น
แม้ว่าคนเผ่าดาวทมิฬจะตายไปมากเพราะเจตจำนงค์สูงสุดของเจี้ยนเฉิน แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้อำนาจของเผ่าดาวทมิฬสั่นคลอนได้ จำนวนประชากรของเผ่าดาวทมิฬนั้นมีจำนวนมาก แม้คน นจากเมืองหลักทั้ง 36 เมืองรวมกันก็เป็นแค่เศษเสี้ยวเล็ก ๆ เท่านั้น ส่วนมากแล้วกระจายไปตามหมู่บ้านและเมืองต่าง ๆ ด้านนอกเมืองหลัก
เจี้ยนเฉินไม่ได้ออกจากโลกดาวทมิฬ กลับกันแล้ว เขานั่งอยู่อย่างเงียบ ๆ บนภูเขาที่ห่างจากเมืองหลวงมาหลายหมื่นกิโลเมตร เขารอคอยให้จักรพรรดิดาวทมิฬมาส่งของให้กับเขา รวมถึงคิด ดเส้นทางการถอยกลับเพื่อจะลงมือต่อไปด้วย
“ไม่นานมานี้ไม่มีคนนอกออกจากโลกดาวทมิฬ ส่วนองค์กรชั้นนำก็รออยู่ในโลกจิตวิญญาณก็ขาดการติดต่อกับโลกดาวทมิฬ ภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้แล้ว ข้าจะดึงดูดความสนใจของทุกคนทันทีที่ออก กไป …”
“สถานการณ์ด้านนอกนั้นซับซ้อน หากข้าออกไปตอนนี้ มันก็จะรับรองได้เลยว่าข้าคงหนีจากการโจมตีขององค์กรต่าง ๆ ไม่ได้แต่เมื่อข้าสู้กับพวกนั้น ความแข็งแกร่งของข้าก็จะเปิดเผยอ ออกมา สำหรับคนที่ทัดเทียมกับขั้นบรรพกาลที่โผล่มจากโลกดาวทมิฬแล้ว มันคงกลายเป็นปัญหาใหญ่แม้ว่าต้นกำเนิดนั้นจะไม่ใช่ปัญหาก็ตาม..”.
เจี้ยนเฉินนั่งคิดอยู่นาน สุดท้ายเขาก็ได้ข้อสรุป หากไม่มีอะไรผิดพลาด เขาก็ต้องเจอกับปัญหาใหญ่เมื่อออกไปด้านนอก
มันเป็นไปได้ที่การปลอมตัวของเขาในฐานะหัวหน้าศาลาที่ห้าของเผ่าดาวทมิฬจะถูกมองออก
หากเป็นแบบนั้นจริง ๆ แล้ว เขาคงตกอยู่ในอันตราย ยังไงซะเขาก็ได้หาเรื่ององค์กรกว่า 42 แห่ง พวกนี้ถือว่าเป็นกองกำลังที่น่ากลัว
มันไม่ใช่ 42 องค์กรชั้นนำแต่ยังมีองค์กรอื่น ๆ อีกที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเมืองร้อยเซียน ยังไงซะเขาก็ต้องรับผิดชอบกับการตายของลูกหลานที่พวกนั้นส่งมายังโลกดาวทมิฬ
เมื่อลองคิดเรื่องนี้ดี ๆ แล้ว เจี้ยนเฉินก็พบว่าเขาได้เข้าไปขัดผลประโยชน์ขององค์กรนับไม่ถ้วนในโลกดาวทมิฬ
“ดูเหมือนว่าโลกดาวทมิฬจะเข้ามาได้ง่าย ๆ แต่ออกไปยาก...” เจี้ยนเฉินส่ายหน้าและยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
ร่างของจักรพรรดิดาวทมิฬปรากฏขึ้นตรงหน้าเจี้ยนเฉิน เขามองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยสีหน้าซับซ้อนก่อนจะโยนแหวนมิติให้ “ด้านในนี้คือทรัพยากรแทบทั้งหมดของเผ่าที่ข้าเก็บมา ข้ายกมั นให้กับเจ้าโดยไม่ได้เก็บอะไรเอาไว้ จำคำสัญญาที่เจ้ารับปากกับเผ่าข้าไว้ด้วย”