เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2898 : กลับมายังเมืองดาวทมิฬ
ตอนที่ 2898 : กลับมายังเมืองดาวทมิฬ
ในโลกดาวทมิฬ เจี้ยนเฉินได้ฟังคำแนะนำจากปราชญ์ผู้เที่ยงธรรมแห่งสวรรค์และอยู่ที่นั่น 3 วัน
สามวันต่อมาเขาก็กลับไปที่ภูเขาโลกาแฝดอีกครั้ง เขาได้ใช้กฎมิติและไม่ได้ปกปิดตัวเองเลยแม้แต่น้อย เขาได้เดินททางผ่านภูเขาโลกาแฝดได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้บรรดาสัตว์อสูรกลื นชีวิตขอบเขตตั้งต้นต่างพากันตกใจ
แต่ไม่มีสัตว์อสูรกลืนชีวิตขอบเขตตั้งต้นแม้แต่ตัวเดียวที่ตามเจี้ยนเฉินได้ทัน แม้แต่สัตว์อสูรกลืนชีวิตขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 9 ก็ได้แต่ยืนนิ่งและมองดูเจี้ยนเฉินที่บินผ่า านไปด้วยความเร็วที่น่ากลัว
ไม่นานเจี้ยนเฉินก็เดินทางผ่านภูเขาโลกาแฝดมาได้อย่างรวาบรื่นและกลับมายังช่องทางที่เชื่อมต่อระหว่างสองโลก หลังจากที่ปรับตัวให้พร้อมแล้ว เขาก็ได้เข้าไปในช่องทางโดยไม่ลังเล ก่อนจะหายตัวไปจากโลกดาวทมิฬ มีองค์กรชั้นนำมากมายรวมตัวกันรอบช่องทางนี้ โถงศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นวัตถุเทพขั้นกลางหลายอันลอยอยู่ในอากาศแผ่แรงกดดันออกมา
มันถึงกับมียอดฝีมือขั้นบรรพกาลหลายคนอยู่ที่นั่นด้วย พวกนั้นแผ่พลังและแสงออกมาจากตัวซึ่งทำให้พวกนั้นดูโดดเด่นราวกับพระอาทิตย์
ทุกคนต่างก็รอคอยผู้บ่มเพราะที่ชื่อหยางยู่เทียนให้ออกมาจากช่องทางนี้
ข่าวที่เกิดขึ้นในโลกดาวทมิฬนั้นดังไปถึงเมืองดาวทมิฬมานานแล้ว มันไม่ใช่แค่เมืองดาวทมิฬแต่ยังสร้างความวุ่นวายให้กับทวีปกำเนิดดาราอีกด้วย
ยิ่งกว่านั้นเรื่องนี้ก็ยังแผ่ออกไปอย่างรวดเร็วทั่วทั้งซากโลกจิตวิญญาณ สุดท้ายแม้แต่องค์กรชั้นนำในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ก็ยังรู้เรื่องเกี่ยวกับเมืองดาวทมิฬ
ผลก็คือองค์กรต่าง ๆ รวมถึงผู้บ่มเพาะที่คิดว่าตัวเองแข็งแกร่งมากพอจึงมารวมตัวกันที่ทวีปดาวทมิฬจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ของโลกจิตวิญญาณเพื่อรอชมฉากดี ๆ
ยังไงซะมันก็มีข่าวลือในเมืองดาวทมิฬว่ามีคนขึ้นไปถึงขั้นบรรพกาลได้แล้วภายในพันปี หากข่าวลือนี้เป็นจริง งั้นมันก็เป็นเรื่องใหญ่ที่ทำให้โลกต้องปั่นป่วนได้
โดยพื้นฐานแล้วทุกคนจะใช้เวลาหลายแสนปีหรือเป็นล้านปีในการบ่มเพาะเพื่อขึ้นไปขั้นบรรพกาลในโลกเซียน แม้แต่อัจฉริยะที่โดดเด่นก็ยังต้องใช้เวลาหลายหมื่นปีเป็นอย่างน้อย
แต่ตอนนี้กลับมีคนที่ขึ้นไปถึงระดับนั้นได้ในเวลาแค่พันปีซึ่งชัดเจนแล้วว่าได้สร้างความตะลึงและสงสัยขึ้นมาในหมู่องค์กรของโลกจิตวิญญาณ
ผลก็คือผู้บ่มเพาะมากมายได้มารวมตัวกันที่นี่ องค์กรไม่ว่าจะขนาดไหนได้ส่งคนมาเพื่อยืนยันข่าวลือนี้เขตกลางของเมืองดาวทมิฬนั้นได้ถูกผนึกไปผ่านความร่วมมือขององค์กรชั้นนำมาก กมาย หากไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอ พวกเขาก็ไม่อาจจะเข้าใกล้ที่นั่นได้ ผลก็คือองค์กรกว่า 99 ใน 100 นั้นได้แต่อยู่ที่ภายนอก
“อย่าบอกข้าว่าหยางยู่เทียนคาดเดาสถานการณ์ภายนอกออกและวางแผนที่จะซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งสัตว์อสูรที่ร่วงหล่นต่อ ….” ยอดฝีมือขั้นบรรพกาลคนหนึ่งได้พูดขึ้นมา ชัดเจนแล้วว่า เขาร้อนใจแค่ไหน
“นอกซะจากว่าเขาจะวางแผนอยู่ด้านในไปตลอดกาล ไม่ช้าเขาก็ต้องออกมาเอง ถึงข้าจะรออยู่ที่นี่อกสักแสนปีหรือล้านปี ข้าก็จะรอจนกว่าหยางยู่เทียนจะออกมา เขากล้าดียังไงที่หลอกนิก กายโอสถหยกของเรา ? นิกายโอสถหยกของเราไม่มีทางปล่อยเขาไปง่าย ๆ…” ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายโอสถหยกกัดฟันแน่นด้วยความแค้น
บรรพชนทั้งสองของนิกายโอสถหยกได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกดาวทมิฬแล้ว ทั้งสองต่างก็หงุดหงิด พวกั้นถึงกับสั่งการให้เอาตัวหยางยู่เทียนกลับไปยังนิกายให้ได้ไม่ว่ายังไงก็ตาม
“ตระกูลสายฟ้าสวรรค์ของเราก็สาบานว่าจะรอจนกว่าหยางยู่เทียนจะออกมา แม้ว่าเขาจะตายแต่เราก็ต้องการเห็นศพของเขาก่อน...” ผู้อาวุโสของตระกูลสายฟ้าสวรรค์พูดขึ้นมา เขาเป็นผู้อ อาวุโสขั้นอสงไขยแต่เขาก็แสดงความมั่นใจออกมาต่อหน้าองค์กรต่าง ๆ
ตอนนี้พวกเขาไม่รู้เลยว่าผู้อาวุโสสูงสุดที่ได้ไปยังเขตสุสานได้ตายไปแล้ว พวกเขาไม่รู้ว่าหนึ่งในบรรพชนของพวกเขาได้ตายไปแล้วในโลกจิตวิญญาณ
“มีคนกำลังออกมา ! “
ตอนนั้นยอดฝีมือขั้นบรรพกาลได้ตะโกนออกมา ก่อนที่เขาจะพูดจบ ผู้อาวุโสสูงสุดคนอื่น ๆ ก็พากันแห่ไปที่ช่องทางกันทันที พวกยอดฝีมือขั้นบรรพกาลที่อยู่โดยรอบต่างก็พากันไปรวมตัวก กันที่ทางเข้าช่องทางทันทีตอนนั้นจำนวนยอดฝีมือขั้นบรรพกาลที่ไปรวมตัวกันนั้นมากกว่า 200 คนแล้ว
ในหมู่พวกนั้นมีกว่าครึ่งที่มาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ของโลกจิตวิญญาณ คนเหล่านี้แค่มาดูเพราะความสนใจ มันเหมือนกับได้ดูฉากสนุก ๆ พวกเขาแค่ต้องการตรวจสอบว่ามันเป็นเหมือ อนข่าวลือหรือไม่
ภายใต้สายตาของทุกคน ไม่นานก็มีร่างหนึ่งปรากฏตัวออกมาจากช่องทางนั้นต่อหน้าทุกคน
เขาคือเจี้ยนเฉิน !
ทันทีที่เจี้ยนเฉินปรากฏตัวขึ้นมา เขาก็พบว่ายอดฝีมือขั้นบรรพกาลได้มารวมตัวกันรอบตัวเขา พลังของหลายคนมากกว่าของเขา มันถึงกับมียอดฝีมือขั้นบรรพกาลชั้นสวรรค์ที่ 9 อยู่ด้วย
แม้ว่าจะคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้ว แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะมียอดฝีมือขั้นบรรพกาลมารวมตัวกันมากแบบนี้ มันทำให้เขาแปลกใจ
ตอนนี้เขาได้อยู่ในวงล้อมของกลุ่มยอดฝีมือขั้นบรรพกาลแล้ว
“เป็นเขา ผู้อาวุโสสูงสุด เขาคือหยางยู่เทียน…”
“ผู้อาวุโสสูงสุด เขานี่แหละ หยางยู่เทียน เขาคือคนที่ฆ่านายน้อย…”
..
ตอนที่เจี้ยนเฉินปรากฏตัวขึ้นมานั้น เหล่าราชาเทพของตระกูลฉู่, ตระกูลกง, ตระกูลเส้า, ตระกูลคังเฉียงและนิกายหยูเจียงก็พากันบอกตัวตนของเจี้ยนเฉินออกมา
เมื่อเห็นร่างของเจี้ยนเฉิน เหอเฉียนเฉียนแห่งเผ่ากระเรียนสวรรค์ก็รู้สึกใจสั่น นางมองไปที่เหอเถียนฉีที่อยู่ข้างกายก่อนจะขอความช่วยเหลือ “ผู้อาวุโสสูงสุด เขาคือหยางยู่เทียน ท่านต้องช่วยเขา ผู้อาวุโสสูงสุด…”
เหอเถียนฉีต้องลังเล เขาพูดขึ้น “อย่าเพิ่งลนลานไป มาดูกันว่าเขาใช่หัวหน้าศาลาที่ห้าหรือไม่ หากไม่ใช่ งั้นทุกอย่างก็จัดการได้โดยง่าย ข้าแค่ต้องติดต่อกับองค์กรอื่น ๆ ที่เป ป็นมิตรต่อเขาและมันก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะต่อรองกับตระกูลทั้งห้า แต่หากเขาเป็นหัวหน้าศาลาที่ห้าจริง ๆ งั้นตระกูลของเราก็ควรตีตัวออกห่างจากเขา…”
สายตาของเหอเฉียนเฉียนสะท้อนความกังวลออกมา จากนั้นนางก็หันกลับและติดต่อกับเฮาหร่านและเฮาเฉินที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ นางหวังว่าตระกูลเฮาของที่ราบรุ่งโรจน์จะช่วยเจี้ยนเฉินได้
ยังไงซะในด้านอำนาจและความแข็งแกร่งแล้ว ตระกูลเฮาก็เหนือกว่าตระกูลกระเรียนสวรรค์
“แม่นางเฉียน สิ่งเดียวที่เราสองคนจะบอกได้คือหากพี่หยางยู่เทียนไม่ใช่หัวหน้าศาลาที่ห้า งั้นเราก็พอกล่อมผู้อาวุโสของเราได้และให้การปกป้องเขา ยังไงซะนี่ก็คือสิ่งที่เรา รับปากกับพี่หยางไว้ในอดีต “
“แต่…หากเขาเป็นหัวหน้าศาลาที่ห้าอย่างที่ทายาทนิกายเบญจาบอกมา งั้นตระกูลเฮาของเราก็หมดหนทาง ยังไงซะเจ้าก็รู้ดีว่าหัวหน้าศาลาที่ห้าได้หาเรื่องคนไปมากแค่ไหน.…” พี่น้อ องตระกูลเฮาตอบกลับ