เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2899 : โดนทุกคนหมายหัว
ตอนที่ 2899 : โดนทุกคนหมายหัว
นอกจากเผ่ากระเรียนสวรรค์และตระกูลเฮาแล้ว มัก็มีอัจฉริยะคนอื่น ๆ อีกมากมายที่เป็นมิตรกับเจี้ยนเฉิน อย่างพวกที่มาจากนิกายกระบี่จักรพรรดิบงกช, ตระกูลร้อยสงคราม, ตระกูลแสงสีชาด และตระกูลอื่นๆ พวกนั้นต่างก็พูดแทนเจี้ยนเฉินได้
แต่ทุกคนต่างก็ได้รับคำตอบแบบเดียวกันจากผู้อาวุโสของพวกเขา
ความแค้นเคืองกับองค์กรทั้งห้านั้นจัดการได้ง่าย หากองค์กรต่าง ๆ ร่วมมือกันและพูดออกมาและเสนอค่าชดเชยต่าง ๆ ให้กับองค์กรทั้งห้าแล้ว มันก็ใช่วาจะเป็นไปไม่ได้ที่จะลดความโกร รธของพวกเขา
แต่หากมันเกี่ยวข้องกับองค์กรทั้ง 42 แห่ง แม้แต่ตระกูลสายฟ้าสวรรค์ที่ได้หนุนหลังตระกูลชั้นนำ งั้นพวกเขาก็หมดหนทาง
แม้แต่ตระกูลเฮาก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ตระกูลเฮานั้นเกี่ยวข้องกับพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิงในทางอ้อมผ่านทางบรรพชนหยาน ดังนั้นพวกเขาจึงยืนกรานที่จะออกตัว ตระกูลเฮานั้นเหนือกว่าทุกคน องค์กรทั้ง 52 แห่งแน่นอนว่าต้อง ไม่ยอมผิดใจกับตระกูลเฮาในเรื่องผลึกและจากการโดนดูหมิ่นแค่เพียงเล็กน้อย
แต่ชัดเจนแล้วเพื่อหยางยู่เทียนนั้นไม่เพียงพอที่ตระกูลเฮาจะยอมเสียมากแบบนี้เพื่อเขา
หลังจากที่หยางยู่เทียนโดนยืนยันตัวตนแล้ว สีหน้าของผู้อาวุโสสูงทั้งห้าก็เย็นชาขึ้นมาทันที สายตาพวกเขาถึงกับแสดงความอาฆาตออกมา
“หยางยู่เทียน ในที่สุดเจ้าก็โผล่หัวออกมา เจ้าได้ฆ่าผู้เยาว์ที่โดดเด่นที่สุดขององค์กรทั้งห้าของเรา เจ้ามีอะไรจะแก้ตัวรึไม่ ? ” ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลกงตะโกนขึ้นมา
“หยางยู่เทียน สารภาพมาดี ๆ ว่าเจ้าอยู่ตระกูลหรือนิกายไหน.…” ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายหยูเจียงพูดขึ้น เขาไม่คติดที่จะเชื่อว่าคนที่มีพรสวรรค์ที่ไร้เทียมทานแบบนี้จะไร้หัว วนอนปลายเท้า
“หยางยู่เทียน หัวหน้าศาลาที่ห้าของเผ่าดาวทมิฬนั้นคือเจ้าที่ปลอมตัวรึ ..” ผู้อาวุโสสูงของนิกายโอสถหยกตะโกนออกมาด้วยความหงุดหงิด ใบหน้าของเขาหม่นด้วยความโกรธ
“ทำไมเราต้องเสียเวลาพูดคุยกับเขาด้วย ? เราจะรู้ว่าเขาคือหัวหน้าศาลาที่ห้ารึไม่ก็ทดสอบเขาได้” ผู้อาวุโสขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 9 ของตระกูลสายฟ้าสวรรค์พูดขึ้นมา หลังจากที พูดจบเขาก็ได้โจมตี เจี้ยนเฉิน เขาสวมเกราะวัตถุเทพขั้นต้น เขาไปถึงตรงหน้าเจี้ยนเฉินในพริบตา พลังของสายฟ้าส่องประกายออกมาจากมือเขา เขาได้พุ่งเข้าจับที่ลำคอของเจี้ยนเฉิ นโดยตรง
ตอนที่เขาโจมตีออกมานั้น ผู้อาวุโสก็ได้เพิ่มความระวังขึ้นมาด้วยเพราะเขาไม่อาจจะมองระดับการบ่มเพาะของ หยางยู่เทียนได้ออก เพื่อจะกันไม่ให้ตัวเองโดนหยางยู่เทียนฆ่า เผื่อว่าค ความคิดของทายาทนิกายเบญจาจะผิด งั้นเขาก็ต้องระวังแม้จะทำการโจมตี
ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้เตรียมการที่จะระเบิดพลังของขั้นอสงไขยออกมา หากหยางยู่เทียนเป็นหัวหน้าศาลาที่ห้าจริง ๆ
ด้วยระดับการบ่มเพาะของเขาที่อยู่ขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 9 รวมกับเกราะที่เป็นวัตถุเทพขั้นต้นแล้ว เขามั่นใจว่าจะเผชิญหน้ากับยอดฝีมือที่เพิ่งขึ้นมาขั้นบรรพกาลได้ แม้ว่าเข ขาจะไม่อาจจะเป็นคู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายได้ แต่เขาก็สามารถทนรับการโจมตีได้หลายครั้งได้อย่างง่ายดาย
ตอนที่ผู้อาวุโสของตระกูลสายฟ้าสวรรค์โจมตีนั้น เหล่ายอดฝีมือขั้นบรรพกาลต่างก็อดไม่ได้ที่จะสนใจขึ้นมา สายตาพวกเขาสะท้อนความเย็นชาออกมา พวกเขราได้ทำการผนึกมิติที่นั่นเอาไว ว้เพื่อกันไม่ให้เจี้ยนเฉินหนีไปได้
เหอเฉียนเฉียนนั่งอยู่ที่ปลายเก้าอี้พร้อมกับกังวลลแทนเจี้ยนเฉิน สายตาของนางเป็นประกายด้วยแสงที่ซับซ้อนแล้วมองตรงไปที่เจี้ยนเฉิน
นางรู้ว่าผู้อาวุโสของตระกูลสายฟ้าสวรรค์ที่ลงมือนี้อยู่ขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 9 ซึ่งห่างจากขั้นบรรพกาลแค่เพียงก้าวเดียว
เหอเฉียนเฉียนยังถือว่าเจี้ยนเฉินเป็นผู้บ่มเพาะไร้สังกัดและเป็นแค่ราชาเทพตามที่นางจำได้
ด้วยระดับการบ่มเพาะเพียงเท่านั้น แม้แต่สุดยอดราชาเทพอันดับหนึ่งในบัลลังก์ราชาเทพก็ดูด้อยค่าเมื่อเทียบกับยอดฝีมืออสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 9
แต่นางนึกถึงทฤษฎีของทายาทนิกายเบญจา และบทวิเคราะห์นั้นทำให้นางอยากรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของหยางยู่เทียน
หากหยางยู่เทียนคือหัวหน้าศาลาที่ห้าและมีความแข็งแกร่งเพียงพอจะจัดการกับจักรพรรดิดาวทมิฬได้ งั้นการโจมตีตอนนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าคงไม่อาจจะเป็นภัยต่อเขาได้
แต่หากเป็นเช่นนั้น งั้นคนที่หยางยู่เทียนหาเรื่องก็ไม่ใช่แค่ตระกูลทั้งห้า มันยังมีองค์กรชั้นนำกว่า 52 แห่งอยู่ด้วย เขาจะมีศัตรูมากซะจนเหอเฉียนเฉียนที่เป็นผู้หญิงที๋โดดเด ด่นจากเผ่ากระเรียนสวรรค์ที่เชื่อว่านางได้เห็นโลกมามากมายต้องตัวสั่น
ผลก็คือเหอเฉียนเฉียนเองก็ยังรู้สึกขัดแย้งในใจตัวเอง
ตูม !
ตอนนั้นเองเกิดเสียงระเบิดดังขึ้น เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของผู้อาวุโสจากตระกูลสายฟ้าสวรรค์ เจี้ยนเฉิน กลับต่อยออกไปโดยไม่ลังเล เขาใช้แรงของร่างบรรพกาลจนถึงขีดจำกัดพร้อมกั บพลังบรรพกาลอันบ้าคลั่งที่ไหลวนไปทั่วทั้งตัว หมัดของเขาฉีกอากาศและทำลายมิติโดยรอบ นี่เป็นเพียงแค่แรงกายเพียงเท่านั้น
ผู้อาวุโสของตระกูลสายฟ้าสวรรค์ผงะกลับไปจากหมัดของเจี้ยนเฉิน เขาแสดงสายตาที่เต็มไปด้วยความตะลึงออกมา
เหล่ายอดฝีมือขั้นบรรพกาลโดยรอบต่างก็พากันหรี่ตาลงทันที ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตะลึงและเหลือเชื่อ
ก่อนหน้านี้ข่าวลือเรื่องตัวตนของหยางยู่เทียนเป็นคำบอกเล่าของทายาทนิกายเบญจาเพียงฝ่ายเดียว จริง ๆ แล้วหลายคนที่นี่ยังคงสงสัยและไม่มั่นใจว่าสิ่งที่ทายาทนิกายเบญจาพูดนั้นจร ริงหรือไม่
แต่ตอนนี้ด้วยการที่ผู้อาวุโสของตระกูลสายฟ้าสวรรค์ได้พิสูจน์ พวกเขาก็ได้เห็นความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินด้วยตัวเอง ยอดฝีมือขั้นบรรพกาลต่างก็เชื่อว่าหยางยู่เทียนนั้นคือหัวหน น้าศาลาที่ห้าจริง ๆ
ความแข็งแกร่งของเขาคือหลักฐานที่ชัดเจน !
“ หยางยู่เทียนคือหัวหน้าศาลาที่ห้า….”
“หยางยู่เทียนเจ้าปลอมตัวเป็นหัวหน้าศาลาที่ห้าในโลกแห่งสัตว์อสูรที่ร่วงหล่นและหลอกข้า เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าเจ้าจะควบคุมข้าได้ตามที่เจ้าต้องการ...”
“หยางยู่เทียน เจ้าหลอกองค์กรมากมาย เจ้าคงไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว…”
“การกระทำอันบ้าคลั่งของเจ้านั้นได้ขัดขวางพิธีของเผ่าดาวทมิฬในทางอ้อมและทำให้ศิษย์ในนิกายข้าต้องตาย..”
….
รอบช่องทางนั้นเต็มไปด้วยเสียงตะโกน ไม่ใช่แค่เหล่าผู้อาวุโสสูงขององค์กรทั้ง 52 แห่งของเมืองร้อยเซียนที่พากันเคร่งเครียดขึ้นมา แต่ยังรวมไปถึงองค์กรต่าง ๆ ที่ไม่เป็นส่วนหนึ่งข ของเมืองร้อยเซียนด้วย ศิษย์และลูกหลานของพวกเขาที่ตายไปในโลกดาวทมิฬนั้นต่างก็เป็นเพราะเจี้ยนเฉิน
ในหมู่พวกนั้นตระกูลสายฟ้าสวรรค์และนิกายโอสถหยกคือพวกที่เสียหายากที่สุด พวกเขาถึงกับไม่อาจจะปกปิดความอาฆาตที่มีได้
เพื่อที่จะทำตามที่หัวหน้าศาลาที่ห้าบอกมา องค์กรทั้งสองได้ทุ่มเทไปยอ่างมาก บรรพชนระดับอัครสูงสุดของทั้งสององค์กรได้ทำการเดินทางออกมาลงมือด้วยตัวเองเพราะเรื่องนี้
ผู้อาวุโสสูงทั้งห้าจากตระกูลฉู่, ตระกูลเส้า, ตระกูลกง, นิกายหยูเจียงและตระกูลคังเฉียงต่างก็พากันระเบิดพลังออกมาก่อตัวเป็นแรงกดดันล้อมรอบเจี้ยนเฉินเอาไว้
เหอเถียนฉีมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยสีหน้าซับซ้อนก่อนจะถอนหายใจออกมา เขาได้ส่งข้อความบอกกับเหอเฉียนเฉียน “มันเป็นปัญหาแล้ว เขาเป็นหัวหน้าศาลาที่ห้าจริง ๆ เผ่ากระเรียนสวรรค์ของ งเราจะไม่ช่วยเขา”
เหอเฉียนเฉียนไม่ได้พูดอะไร นางแค่มองไปยังใบหน้าคุ้นตาของหยางยู่เทียนด้วยสายตาซับซ้อน ใจของนางสั่นไหวอย่างรุนแรง
“พี่หยางยู่เทียน จะ เจ้าเป็นหัวหน้าศาลาที่ห้าจริง ๆ รึ เจ้าช่างหลอกเราเก่งเสียจริง ๆ…” เฮาหร่านและเฮาเฉินต่างก็พากันยิ้มออกมาอย่าขมขื่น ทั้งสองนึกถึงตอนที่หัวหน้าศาลาท ที่ห้าที่แสดงท่าทีเย็นชาออกมาและตัดพวกเขาทิ้งตอนที่เขาได้เลือกจะปกป้องทั้ง 50 องค์กรในโถงศักดิ์สิทธิ์แพนธีออน
แต่สองพี่น้องไม่ได้โกรธในเรื่องนี้ กลับกันแล้วพวกเขากลับรู้สึกอุ่นใจแทน เพราะพวกเขาเข้าใจว่าหยางยู่เทียนนั้นไล่พวกเขาไปก็เพื่อช่วยพวกเขา
“หยางยู่เทียนในตอนนี้ยังไม่ใช่ยอดฝีมือขั้นบรรพกาล แต่เขายังไม่ได้ใช้พลังอย่างเต็มที่ตอนที่สู้ในอดีต หาเขาสู้ด้วยพลังทั้งหมดที่มีแล้ว บางทีเขาอาจจะมีพลังเทียกับกับยอดฝี มือขั้นบรรพกาลได้ ชายคนนี้คือสุดยอดอัจฉริยะ เขากลับบ่มเพาะมาถึงจุดนี้ได้ในเวลาแค่เพียงพันปี …” ผู้อาวุโสสูงของตระกูลเฮา เฮาว่านชิงแอบถอนหายใจด้วยความทึ่ง
“ผู้อาวุโสสูงสุด เราทำอะไรไม่ได้จริง ๆ หรือ ? ” เฮาเฉินถามขึ้นมาอีกครั้ง เขาไม่คิดที่จะยอมแพ้
“เจ้าก็เห็นแล้ว องค์กรมากมายต่างก็หมายหัวหยางยู่เทียน นอกซะจากว่าบรรพชนหยานจะลงมาจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง…” เฮาว่านชิงถอนหายใจออกมา