เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2901 : เชิงยี่
ตอนที่ 2901 : เชิงยี่
“ฮ่าฮ่า ซานหยุน ดินแห่งเลือดศักดิ์สิทธิ์ในมือของหยางยู่เทียนมีอย่างน้อย 5 ชั่ง นิกายสวรรค์ของเจ้าต้องการจะใช้เหรียญผลึก 5,000 ล้านเหรียญแลกกับดินแห่งเลือดศักดิ์สิทธิ์ 5 ช ชั่งรึ ? ราคาของดินแห่งเลือดศักดิ์สิทธิ์ต่ำขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ? ” ผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่ากระเรียนสวรรค์ เหอเถียนฉี หัวเราะออกมา เขามองไปที่ซานหยุนด้วยสายตาไม่พอใจแล ละเยาะเย้ย เขาเหมือนกับจะไล่อีกฝ่ายออกไป
ตอนแรกนิกายสวรรค์ต้องการกดราคาซื้อโลหะศักดิ์สิทธิ์ของน้ำแข็งลึกซึ้งจากเผ่ากระเรียนสวรรค์ มันทำให้เหอเถียนฉีไม่พอใจอย่างมาก เมื่อเขาได้เห็นนิกายสวรรค์คิดจะหาผลประโยชน์อีก เหอเถียนฉีจะยอมให้นิกายสวรรค์ทำสำเร็จได้ยังไง ?
ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายสวรรค์ ซานหยุน ได้มองไปที่เหอเถียนฉีด้วยสายตาเย็นชา เขาได้เอ่ยขึ้นมาวว่า “มันไม่ใช่ว่าดินแห่งเลือดศักดิ์สิทธิ์เป็นของเผ่ากระเรียนสวรรค์เสียหน่อย เผ่ากระเรียนสวรรค์ไม่มีสิทธิ์ขาดในเรื่องนี้” หลังจากนั้นซานหยุนก็มองไปที่เจี้ยนเฉิน แล้วพูดขึ้นว่า “หยางยู่เทียน เจ้าคิดยังไงกับข้อเสนอของข้า ? ”
เจี้ยนเฉินไม่ได้ตอบกลับ เขาป้องมือให้กับเหอเถียนฉีแล้วพูดขึ้น “ผู้อาวุโส มันมีบางอย่างที่ข้าอยากได้คำแนะนำจากท่าน ข้าหวังว่าผู้อาวุโสจะบอกข้าว่าราคาของดินแห่งเลือดศักดิ สิทธิ์ 1 ตำลึงในโลกเซียนนั้นเป็นเท่าไหร่กัน มันต้องใช้เหรียญผลึกขั้นสูงสุดเท่าไหร่ถึงจะคุ้มค่า ? ”
เจี้ยนเฉินรู้ราคาของดินแห่งเลือดศักดิ์สิทธิ์ในโลกดาวทมิฬ แต่มันไม่ได้หมายความว่าเขารู้ราคาในโลกเซียน
สีหน้าของซานหยุนหม่นลงไปทันที เขามองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยสายตาเย็นชา
เหอเถียนฉีมองไปที่ซานหยุนด้วยท่าทีพอใจ สีหน้าของซานหยุนนั้นบิดเบี้ยว ซึ่งทำให้เขาพบว่าหยางยู่เทียนนั้นน่าพอใจกว่าเดิม เขาหัวเราะออกมา “ในโลกเซียนนั้น ดินแห่งเลือดศั กดิ์สิทธิ์ล้ำค่าอย่างมาก มันมีแค่วัสดุขั้นเทพเท่านั้นที่มีค่าพอ ๆ กับมัน ไม่มีใครโง่พอจะแลกมันกับเหรียญผลึกขั้นสูงสุด”
“แน่นอนหากเจ้ามีเหรียญผลึกขั้นสูงสุดที่มีค่าพอ ๆ กับมัน ดินแห่งเลือดศักดิ์สิทธิ์ 1 ตำลึงก็มีค่า 10,000 ล้านเหรียญผลึกขั้นสูงสุดเป็นอย่างน้อย หากมีใครต้องการใช้ดินแห่งเลือดศ ศักดิ์สิทธิ์อย่างเร่งด่วนแล้ว ราคาของมันอาจจะมากกว่านี้หลายเท่าตัว”
“ในโลกเซียนนั้นเหรียญผลึกขั้นสูงสุดไม่ได้มีค่าอะไร พลังงานของโลกที่มารวมตัวกันและหลังจากที่ผ่านการพัฒนามาช่วงหนึ่ง มันก็จะกลายเป็นเหมืองเหรียญผลึกที่ไม่มีวันหมด ทั่วโลกเซี ยนนั้นมีเหมืองเหรียญผลึกมากกว่าที่เจ้าจะนับได้ องค์กรไหนที่มียอดฝีมือขอบเขตตั้งต้นก็มีเหมืองเหรียญผลึกไว้ในครอบครองอย่างน้อย 1 แห่ง บางองค์กรใหญ่นั้นถึงกับมีหลายสิบแห่ง แค่จำนวนที่ขุดมาได้ต่อวันก็มากมหาศาล”
“ยิ่งกว่านั้นมีแค่ยอดฝีมือขอบเขตเทพเท่านั้นที่ใช้เหรียญผลึกขั้นสูงสุด ยอดฝีมือขอบเขตบรรพกาลนั้นใช้เหรียญผลึกสีสำหรับการบ่มเพาะ ดังนั้นเหรียญผลึกขั้นสูงสุดจึงมีไว้ใช้ในการบ่มเ เพาะผู้เยาว์และให้พลังงานกับค่ายกลรวมถึงด้านอื่น ๆ ค่าของมันนั้นมีจำกัด”
“สำหรับดินแห่งเลือดศักดิ์สิทธิ์แล้ว มันเป็นวัสดุที่โดดเด่นในการปรุงยาขั้นเทพคุณภาพสูง แม้แต่อัครสูงสุดก็ได้ประโยชน์จากยานี้อย่างมาก หยางยู่เทียน เจ้าเข้าใจค่าของดินแห่ง งเลือดศักดิ์สิทธิ์รึยัง ? ”
“ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณผู้อาวุโสที่บอกความจริงกับข้า” เจี้ยนเฉินป้องมือให้กับเหอเถียนฉีก่อนจะดีดนิ้วออกไปพร้อมกับดินแห่งเลือดศักดิ์สิทธิ์เศษเล็ก ๆ ได้บินผ่านอากาศพุ่งไปตรงหน น้าเหอเถียนฉี จากนั้นเขาก็พูดขึ้น “นี่คือว่าเป็นคำขอบคุณของข้า ผู้อาวุโสโปรดรับมันไว้ด้วย”
การกระทำของเจี้ยนเฉินทำให้เหอเถียนฉีเบิกตากว้าง เขายังไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ทันทีที่เขารู้ตัว เขาก็โบกมือจับดินแห่งเลือดศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ เขาดีใจอย่างมากแต่ไม่ได้แสดงมัน ออกมา “ดินแห่งเลือดศักดิ์สิทธิ์ 2 ตำลึง หึหึหึ เราจะได้ปรุงยาโลหิตบรรพชนอีก 2 ชุด เด็กนี่ไม่เลวจริง ๆ ใช่ ไม่เลวเลยจริง ๆ…”
เมื่อเห็นว่าเหอเถียนฉีได้ดินแห่งเลือดศักดิ์สิทธิ์ไป 2 ตำลึงด้วยคำพูดแค่ไม่กี่คำ สีหน้าของซานหยุนก็บิดเบี้ยวไป ในความเห็นของเขาแล้ว เหอเถียนฉีได้ดินแห่งเลือดศักดิ์สิทธิ์ ไปเพราะการไม่ไว้หน้าเขา
“ผู้อาวุโส ข้าจะใช้ดินแห่งเลือดศักดิ์สิทธิ์ 1 ตำลึงในการชดเชยให้กับเหรียญผลึกหลายพันล้านเหรียญที่ท่านนำมายังโลกดาวทมิฬ ท่านจะตกลงรึไม่ ? ” เจี้ยนเฉินมองไปยังองค์กรทั้ง 5 52 แห่งของเมืองร้อยเซียน
สำหรับตระกูลสายฟ้าสวรรค์และนิกายโอสถหยกแล้ว เจี้ยนเฉินยังไม่ได้สนใจพวกนั้นเพราะพวกนั้นเสียหายมากที่สุดในเมืองร้อยเซียน ดินแห่งเลือดศักดิ์สิทธิ์แค่ 1 ตำลึงคงไม่เพียงพอ
“เหรียญผลึกที่เสียไปไม่ได้มีค่าอะไร การดูหมิ่นคือเรื่องที่เราใส่ใจ ดินแห่งเลือดศักดิ์สิทธิ์ 1 ตำลึงนั้นไม่เพียงพอ ! ” ผู้อาวุโสสูงจากองค์กรชั้นนำคนหนึ่งพูดขึ้นมา
“นี่คือดินแห่งเลือดศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่ข้ามี หากมันยังไม่เพียงพอ งั้นที่ข้าทำได้ก็แค่ต้องชดเชยพวกท่านด้วยหญ้าราชาเทพ ดินแห่งเลือดศักดิ์สิทธิ์ 1 ตำลึงรวมกับหญ้าราชาเ เทพ 1 ก้าน” ตอนที่เจี้ยนเฉินพูดนั้น เขาก็ได้เอาหญ้าราชาเทพจำนวนมากออกมาจากแหวนมิติแต่ทั้งหมดล้วนแต่เป็นหญ้าราชาเทพขั้นต้น
ตอนนี้หญ้าราชาเทพขั้นต้นนั้นดูไม่ต่างจากขยะในสายตาของเจี้ยนเฉิน มันคือสิ่งที่เขาเตรียมไว้สำหรับการทดลอง ตอนนี้มันเหมาะกว่ากับการใช้ขยะพวกนี้
แต่ไม่มีองค์กรไหนเลยที่มองว่ามันเป็นขยะเหมือนกับเจี้ยนเฉิน
แต่ตอนนั้นเองกลับมีบางอย่างเกิดขึ้น ผู้อาวุโสสูงของนิกายโอสถหยกกลับปรากฏตัวตรงหน้าเจี้ยนเฉิน เขาฟันกระบี่ที่มีแสงปะทุออกมาใส่เจี้ยนเฉิน ในเวลาเดียวกันเขาก็ตะโกนออกมา “ ภายใต้ คำสั่งของบรรพชนทั้งสองของนิกายข้า ข้าต้องเอาตัวหยางยู่เทียนกลับไปยังนิกายโอสถหยก” แม้ว่าเขาจะพูดดแบบนั้น แต่ผู้อาวุโสสูงก็ยังฟันดาบเข้าใส่แขนขวาของเจี้ยนเฉิน
ตอนที่ฟันลงไปนั้นเขาก็มองไปที่ดินแห่งเลือดศักดิ์สิทธิ์ในเมือขวาของเจี้ยนเฉินอยู่ตลอดเวลารวมถึงแหวนมิติบนนิ้วของเจี้ยนเฉินด้วย ตาของเขาได้สะท้อนความโลภออกมา
ชัดเจนแล้วว่าผู้อาวุโสสูงผู้นี้ไม่ได้สนใจจะจับตัวเขา เขาแค่ต้องการขโมยดินแห่งเลือดศักดิ์สิทธิ์และแหวนมิติ
ยอดฝีมือขั้นบรรพกาลที่อยู่ที่นั่น บางคนนั้นต้องการดินแห่งเลือดศักดิ์สิทธิ์ในมือของเจี้ยนเฉินมานานแล้วแต่ไม่มีใครที่ลงมือ ผลก็คือผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายโอสถหยกกลับเป็นตัว จุดชนวน ยอดฝีมือคนอื่น ๆ นั้นไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้อีก พวกเขาพากันพุ่งออกไปโจมตีด้วยความโลภที่มี
ทุกคนต่างก็เล็งเป้าหมายไปที่เจี้ยนเฉิน บางคนสนใจดินแห่งเลือดศักดิ์สิทธิ์ในมือของเจี้ยนเฉิน บางคนมองไปที่แหวนมิติ
เมื่อพวกเขาขึ้นมาถึงขั้นบรรพกาลได้ งั้นก็ไม่มีใครโง่ พวกเขาคิดมานแล้วว่าใครจะไปรู้ว่าเจี้ยนเฉินเอาทรัพยากรออกมาจากเผ่าดาวทมิฬในโลกดาวทมิฬได้มากแค่ไหนด้วยความแข็งแกร่ง ทัดเทียมกับขั้นบรรพกาล แม้ว่าจะมีคนอื่นบอกพวกเขาว่าทรัพยากรทั้งหมดจากเผ่าดาวทมิฬนั้นอยู่ในตัวเจี้ยนเฉิน งั้นพวกเขาก็จะเชื่อเขามีความสามารถที่จะทำแบบนั้นได้ด้วยความแข็งแก กร่งที่มี
ผลก็คือไม่มีใครเชื่อว่าเจี้ยนเฉินมีแค่ดินแห่งเลือดศักดิ์สิทธิ์ 5 ชั่ง เขาต้องมีของล้ำค่าอย่างอื่นอยู่กับตัวอีก
“กางค่ายกลและผนึกที่นี่เอาไว้ ห้ามให้ใครออกจากที่นี่…”
ยอดฝีมือขั้นบรรพกาลหลายคนพากันลงมือเพื่อปล้นเจี้ยนเฉิน ส่วนคนที่เหลือนั้นได้รวมพลังกันเพื่อสร้างค่ายกลขึ้นมา บางคนถึงกับใช้วัตถุเทพผนึกมิติกันไม่ให้ใครหนี
ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายสวรรค์ ซานหยุน ก็ลงมือเช่นกัน พลังของเขาได้ปะทุออกมา ด้วยระดับการบ่มเพาะขั้นบรรพกาลชั้นสวรรค์ที่ 7 ของเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามียอดฝีมือแค่เพียงหย ยิบมือในเมืองดาวทมิฬที่แข็งแกร่งพอ ๆ กับเขาได้ เขาได้ใช้มือทั้งสองข้างปัดยอดฝีมือขั้นบรรพกาลช่วงกลาง 2 คนข้างตัวเขาออกและพุ่งเข้าใส่เจี้ยนเฉินราวกับสายฟ้า
มันเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที ยอดฝีมือขั้นบรรพกาลจะเร็วแค่ไหนกัน ? แค่เพียงครู่เดียวยอดฝีมือขั้นบรรพกาลหลายสิบคนก็เดินทางมาถึงตรงหน้าเจี้ยนเฉิน
แต่ตอนนั้นเองกลับมีพัดอันหนึ่งปรากฏขึ้นข้างกายเจี้ยนเฉิน ตอนที่พัดนั้นสะบัด ก้านพัดกว่าสิบอันก็ได้พุ่งออกมา มั้นเปลี่ยนเป็นกระบี่ที่มีพลังกดดันวิญญาณอันแข็งแกร่งและพุ งเข้าใส่เหล่ายอดฝีมือโดยรอบในพริบตา
“นี่คือนักฆ่าอันดับหนึ่งของพรรคกระดูกโอฬารขั้นเซียน เชิงยี่ ! ”
ตอนที่เห็นพัดนั้น ยอดฝีมือหลายคนก็พากันสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ข้อมูลของเชิงยี่โผล่มาในหัวพวกเขาทันที
เชิงยี่อยู่ขั้นขั้นบรรพกาลชั้นสวรรค์ที่ 9 เขาคือขั้นบรรพกาลที่แกร่งที่สุดในพรรคกระดูกโอฬาร เขามีวัตถุเทพขั้นสูงและแข็งแกร่งอย่างมาก ในอดีตนั้นเขาเคยสร้างผลลัพธ์ที่โดดเ เด่นขึ้นมาซึ่งคือการฆ่าอัครสูงสุดชั้นสวรรค์ที่ 1 ได้สำเร็จตอนที่เพิ่งทะลวงผ่านได้ เขาได้กลายเป็นตัวตนที่น่ากลัวสำหรับหลายคน