เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2902 : หันดาบเข้าใส่ยอดฝีมือขั้นบรรพกาล
การปรากฏตัวของเชิงยี่นั้นเหนือความคาดหมายของทุกคน มันไม่ใช่เพราะพวกเขากลัวความแข็งแกร่งของเขาแต่เพราะภูมิหลังของเขา เขามาจากพรรคกระดูกโอฬาร
ตัวตนที่ยิ่งใหญ่ของพรรคกระดูกโอฬารนั้นคือตัวตนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกเซียนและมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัว เป็นรองเพียงแค่จอมปราชญ์สูงสุด ทันทีที่นึกถึงความแข็งแกร่งของพ พรรคกระดูกโอฬาร ยอดฝีมือขั้นบรรพกาลจากองค์กรต่าง ๆ ก็พากันใจสั่น
หากพรรคกระดูกโอฬารสนใจทรัพยากรที่หยางยู่เทียนมี งั้นพวกเขาก็ตกที่นั่งลำบาก
“เป็นไปไม่ได้ พรรคกระดูกโอฬารไม่เคยส่งใครเข้าไปในโลกดาวทมิฬมาก่อน ซึ่งหมายความว่าพวกเขาไม่ได้สนใจทรัพยากรของโลกดาวทมิฬ เมื่อพวกเขาไม่สนใจ งั้นพวกเขาก็ไม่น่ามาขัดแย้งกับพวกเ เรา…”
“เชิงยี่ลงมือตามใจชอบหรือว่าเขามาตามคำสั่งของคนระดับสูงในพรรคกระดูกโอฬาร…”
“อย่าบอกข้านะว่าหยางยู่เทียนคาดถึงปัญหาในวันนี้เอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงซื้อการปกป้องจากพรรคกระดูกโอฬาร ? แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ พรรคกระดูกโอฬารคือองค์กรนักฆ่า พวกเขารับแต ต่ภารกิจในการฆ่าคน ข้าไม่เคยได้ยินพรรคกระดูกโอฬารจะรับภารกิจปกป้องเลยตั้งแต่ที่มันก่อตั้งขึ้นมา…”
….
เหล่ายอดฝีมือขั้นบรรพกาลที่โจมตีเจี้ยนเฉินต่างก็พากันสีหน้าเปลี่ยนไป แต่ต่อมาพวกเขราก็พากันโล่งอก หากพรรคกระดูกโอฬารเข้ามาเกี่ยวข้องแล้วยังไง ? ด้วยทรัพยากรที่หยางยู่ เทียนมีนั้น ถึงจะเสี่ยงแต่ก็คุ้มค่า ยิ่งกว่านั้นก็ไม่มีใครรู้ว่าหยางยู่เทียนมีสมบัติอย่างอื่นอยู่กับตัวอีกรึไม่
สิ่งสำคัญสำหรับพวกเขาตอนนี้คือต้องชิงมันมา แม้ว่าจะทำให้พรรคกระดูกโอฬารไม่พอใจ แต่พวกเขาค่อยไปตกลงกันภายหลัง ตราบใดที่ไม่สร้างความแค้นไว้ก็เพียงพอแล้ว
“ดินแห่งเลือดศักดิ์สิทธิ์และทรัพยากรล้ำค่าทั้งหมดที่หยางยู่เทียนยังไม่เปิดเผยนั้นเพียงพอให้นิกายโอสถหยกเสี่ยงได้” สายตาของผู้อาวุโสจากนิกายโอสถหยกสะท้อนความบ้าคลั่งออกมา แค่เพียงโบกมือก็มีนาฬิกาทรายปรากฏขึ้นมา
นาฬิกาทรายนี้มีกฎเวลาอยู่ ตอนที่มันปรากฏตัวขึ้นมานั้น มันก็ได้รบกวนการไหลเวลาของบริเวณโดยรอบ ต่อมาลำแสงหลายสิบเส้นที่มีกฎเวลาก็พุ่งออกมาจากนาฬิกาทรายห่อหุ้มตัวเหล่ายอด ดฝีมือขั้นบรรพกาลที่ลงมือไว้ทันที
แม้แต่เชิงยี่และกระบี่ที่เปลี่ยนมาจากพัดที่พุ่งเข้าใส่ผู้อาวุโสสูงของนิกายโอสถหยกก็หยุดนิ่งจากแสงของนาฬิกาทราย
ทันใดนั้นมิติรอบตัวของเหล่ายอดฝีมือขั้นบรรพกาลก็เหมือนจะถูกหยุดเวลาเอาไว้ ยอดฝีมือขั้นบรรพกาลหลายสิบคนรวมถึงเชิงยี่ต่างก็หยุดชะงักไปทันที
ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายโอสถหยกได้พุ่งเข้าใส่เจี้ยนเฉินเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ สายตาของเขาสะท้อนความโลภ, ความบ้าคลั่งและความตื่นเต้นออกมา เขาได้ระเบิดพลังของขั้นบรรพกาลชั้น สวรรค์ที่ 4 ออกมาและใช้กระบี่ฟันเข้าใส่มือของเจี้ยนเฉินอย่างไร้ปราณี
ตอนนั้นเองที่สายตาของผู้อาวุโสสูงสุดได้ปะทะกับสายตาของเจี้ยนเฉิน เขาไม่อาจจะเห็นความลนลานหรือความกลัวที่คาดหวังจากเจี้ยนเฉินได้เลย กลับกันแล้ว เขาเห็นท่าทีใจเย็นจากอีก ฝ่าย สายตานั้นถึงกับสะท้อนความเย็นชาออกมา
ผู้อาวุโสสูงสุดรับรู้ได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ก่อนที่เขาจะได้คิดทบทวนเรื่องนี้ เขาก็รับรู้ได้ถึงจิตวิญญาณกระบี่ที่ทำให้วิญญาณของเบาสั่นไหวปะทุออกมาจากตัวของเจี้ยนเฉิน
ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายโอสถหยกเห็นแค่ว่ามีลำแสงสีขาวสามอันพุ่งออกมา ต่อมาเขาก็รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดบีบหัวใจจากวิญญาณของเขา เขาแทบสลบไป
ในเวลาเดียวกัน เจี้ยนเฉินก็ลงมือ ปราณกระบี่ได้พุ่งผ่านฟันเข้าใส่หัวของผู้อาวุโสสูงสุด
วิญญาณของผู้อาวุโสสูงสุดได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนั้นเขาไร้การป้องกันแต่เขารับรู้ได้ถึงอันตรายอย่างชัดเจน เขาไม่ได้สนใจความเจ็บปวดจากวิญญาณบังคับให้ตัวเองคงสติเอาไว้ ก่อนจะใช้ ทุกอย่างที่มีเพื่อหลบการโจมตี
ฉึก !
ปราณกระบี่ที่เจี้ยนเฉินได้ส่งออกไปฟันเข้าที่เอวของอีกฝ่าย เลือดกระจายออกมา ตัวผู้อาวุโสสูงสุดพร้อมกับเอวของเขาถูกแยกออกจากกัน
สีหน้าของเจี้ยนเฉินซีดไป มันแสดงได้ถึงความอ่อนแอของเขา การสู้กับขั้นบรรพกาลชั้นสวรรค์ที่ 4 นั้น เขาไม่กล้าที่จะประมาท เขาได้ใช้ปราณกระบี่ลึกซึ้ง 3 สายในคราวเดียว มันได้ผ ผลาญพลังวิญญาณเขาไปกว่า 7 ใน 10 ส่วน
ตอนนั้นเจี้ยนเฉินเวียนหัวขึ้นมา เขาเกือบจะล้ม การเสียพลังวิญญาณไปมากแบบนี้ในคราวเดียวนั้นส่งผลกระทบได้อย่างชัดเจน
พลังจากนาฬิกาทรายไม่ได้ส่งผลต่อโดยรอบอีก ทุกอย่างกลับไปเป็นปกติดังเดิม ยอดฝีมือขั้นบรรพกาลคนอื่นๆที่โจมตีเจี้ยนเฉินต่างก็พลาดโอกาสที่ดีที่สุดในการป้องกันการโจมตีจากพัด ดั งนั้นพวกเขาจึงพากันกระเด็นออกไป
แต่ตอนนั้นพวกเขาไม่ได้สนใจเชิงยี่ข้างกายเจี้ยนเฉินอีกต่อไป กลับกันแล้ว พวกเขากลับมองไปที่ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายโอสถหยก เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายโดนฟันขาดเป็นสองส่วน ทุกคนก็ พากันเปลี่ยนสีหน้าไปทันที
แม้ว่าร่างกายจะถูกหยุดเอาไว้แต่วิญญาณของพวกเขาไม่ได้รับผลกระทบ พวกเขาจึงเข้าใจดีว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น
ยอดฝีมือขั้นอสงไขยกลับทำให้ยอดฝีมือขั้นบรรพกาลชั้นสวรรค์ที่ 4 บาดเจ็บได้ถึงขนาดนี้ มันเหนือกว่าความเข้าใจที่พวกเขามี
แม้ว่านี่จะเป็นอัจฉริยะที่อยู่ขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 9 จะสู้กับคนที่ระดับสูงกว่าได้ แต่ก็สู้ได้แค่ยอดฝีมือขั้นบรรพกาลชั้นสวรรค์ที่ 1
สำหรับผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายโอสถหยกแล้ว เขาอยู่ถึงชั้นสวรรค์ที่ 4 มันไม่อาจจะเอายอดฝีมือขั้นบรรพกาลชั้นสวรรค์ที่ 1 มาเทียบได้
แน่นอนว่าส่วนที่สำคัญที่สุดคือตอนที่เจี้ยนเฉินโจมตีนั้น เหล่ายอดฝีมือขั้นบรรพกาลที่รอบรู้ได้มองระดับการบ่มเพาะของเจี้ยนเฉินออก เจี้ยนเฉินยังไม่ได้ขึ้นเป็นขั้นอสงไขยชั้น นสวรรค์ที่ 9 เขายังอยู่แค่ชั้นสวรรค์ที่ 8
“เด็กนี่พิเศษจริง ๆ ! ” เหอเถียนฉีเครียดขึ้นมา ตาของเขาเป็นประกายและมองไปที่เจี้ยนเฉิน เขาไม่อาจจะปกปิดความตะลึงที่มีได้
เหอเถียนเถียนเบิกตากว้างนานแล้ว สมองของนางไม่อาจจะประมวลผลได้อีก นางได้แต่ตะลึง
นางเห็นอะไรกัน ? ราชาเทพที่นางได้รับมาในอดีต คนที่อายุไม่ถึงพันปีแต่กลับทำให้ขั้นบรรพกาลบาดเจ็บได้ต่อหน้าคนมากมายแบบนี้
นี่เหมือนกับความฝันสำหรับเหอเถียนเถียน
เหล่ายอดฝีมือขั้นบรรพกาลโดยรอบกว่าสองร้อยคนต่างก็พากันมองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างเหลือเชื่อ
หากการบ่มเพาะได้รวดเร็วอาจจะพอรับได้ แต่พลังในตอนนี้ก็น่าตกใจ พลังที่เจี้ยนเฉินแสดงออกมาเพียงพอทำให้ทุกคนต่างก็พากันร้อนใจ
“หยางยู่เทียน จะ เจ้า…” – ในอีกด้าน ครึ่งบนของผู้อาวุโสสูงจากนิกายโอสถหยกยังลอยอยู่ในอากาศราวกับว่าจะตกลงตอนไหนก็ได้ เลือดนั้นไหลออกมาจากตาเขา เขาฝืนทนความเจ็บปวดจาก วิญญาณและชี้ไปที่เจี้ยนเฉิน ก่อนจะพูดออกมา