เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2905 : การตายของเชิงยี่
ตอนที่ 2905 : การตายของเชิงยี่
สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นทำให้เจี้ยนเฉินใจหายวูบ แม้ว่าหอคอยกระดูกจะกันไม่ให้เขาแผ่การรับรู้ออกไปจนเขาไม่อาจจะสังเกตสถานการณ์ภายนอกได้ แต่เขาก็รู้ทันทีว่าพวกเขามาพบกับศัตรูที่ แข็งแกร่งเข้าให้แล้ว
“แม้แต่ เชิงยี่ ที่เป็นขั้นบรรพกาลชั้นสวรรค์ที่ 9 ก็ยังโดนซุ่มโจมตี ผู้โจมตีอาจจะเป็นจอมปราชญ์สูงสุด ข้าไม่คิดว่าสมบัติที่ข้าได้มาจากโลกดาวทมิฬนั้นจะทำให้จอมปราชญ์สูงส สุดมาโจมตีได้เช่นนี้” เจี้ยนเฉินไม่อาจจะสนใจการฟื้นฟูพลังวิญญาณตัวเองอีกต่อไป เขาดีดตัวขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ตอนนั้นหอคอยกระดูกสั่นไหวอย่างรุนแรงอีกครั้งพร้อมกับเสียงระเบิด การโจมตีที่มันได้รับในครั้งนี้รุนแรงกว่าเดิมหลายสิบเท่า
ยิ่งกว่านั้นตอนที่หอคอยกระดูกสั่นไหว หอคอยก็แผ่คลื่นพลังออกมอัดใส่เจี้ยนเฉิน ซึ่งเพียงพอทำให้เขาเปลี่ยนสีหน้าได้
เจี้ยนเฉินใจสั่น พลังบรรพกาลปะทุขึ้นมาในร่างพร้อมกับแสงที่ห่อหุ้มตัวเขาเอาไว้
ตอนนั้นเขาได้ใช้การป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาออกมา
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่เมื่อคลื่นพลังมาถึงตัวเขา แสงรอบตัวเขาก็พังทลายลง จากนั้นพลังจำนวนมากก็ทำให้เขากระเด็นออกไป เขาอัดเข้ากับกำแพงด้านหลังอย่างแรง เลือดและกล้ามเนื้อป ปะทุขึ้นมา แม้แต่อวัยวะภายในก็ยังสั่นไหวอย่างรุนแรง
หากไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของร่างบรรพกาล คลื่นพลังนี้เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอทำให้ยอดฝีมือขั้นบรรพกาลช่วงต้นบาดเจ็บสาหัสได้
แม้แต่ยอดฝีมือขั้นบรรพกาลช่วงกลางก็ยากที่จะไม่บาดเจ็บต่อหน้าคลื่นพลังนี้
ตอนั้นพลังดั้งเดิมของโลกจิตวิญญาณก็ปรากฏขึ้นในการรับรู้ของเจี้ยนเฉิน ตอนนั้นเองที่เจี้ยนเฉินพบว่าวัตถุเทพขั้นกลางอย่างหอคอยกระดูกได้แตกออก รอยแตกขนาดใหญ่กว่า 30 เมตรแผ่ ไปทั่วหอคอย
เจี้ยนเฉินที่อยู่ชั้นล่างของหอคอยมองเห็นชั้นบนผ่านรอยแตกนี้
แรงกดดันของวัตถุเทพขั้นกลางได้หายไป
“วัตถุเทพขั้นกลางกลับโดนทำลายง่ายดายเช่นนี้ อีกฝ่ายต้องมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวอย่างมาก...” เจี้ยนเฉินอึ้ง แม้ว่าจอมปราชญ์สูงสุดจะสามารถทำลายวัตถุเทพขั้นกลางได้ แต่มันก ก็ไม่ได้ง่ายแบบนี้
การจะทำลายวัตถุเทพขั้นกลางได้แบบนี้ มันบ่งบอกว่าอีกฝ่ายนั้นเหนือกว่าจอมปราชญ์สูงสุดทั่วไป
ในพริบตา เจี้ยนเฉินก็ปรากฏตัวขึ้นด้านนอกหอคอยกระดูก แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นมาอย่างมากแต่เขาก็รู้ว่าความแตกต่างมันมากแค่ไหนระหว่างเขากับจอมปราชญ์สูงสุด ผลก็ คือเขาไม่คิดแม้แต่จะสู้เมื่อพบกับจอมปราชญ์สูงสุด สิ่งเดียวที่เขาคิดคือการใช้กฎมิติของเขาเพื่อหนีไป
แต่ตอนที่เขากำลังจะหนีด้วยกฎมิติ เขาก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติไป ตอนนั้นเขาไม่อาจจะรับรู้ถึงแรงกดดันใดๆ ไม่ใช่แค่แรงกดดันจะลดลงแต่มันกลับหายไป เขาไม่อาจจะเห็นใครอยู่รอบตัว ตอนที่เขามองออกไปรอบ ๆ มันเงียบจนน่ากลัว
มันมีเพียงมิติที่สั่นไหวอย่างรุนแรงเพราะจอมปราชญ์สูงสุดทำการโจมตี
นอกจากนี้เชิงยี่ก็ได้หายไปด้วย
“เชิงยี่หายตัวไป อย่าบอกนะว่าจอมปราชญ์สูงสุดเล็งไปที่เชิงยี่ ? ” สีหน้าของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปทันที เชิงยี่เป็นขั้นบรรพกาลชั้นสวรรค์ที่ 9 แต่เขากลับหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
เขาหนีไปเพียงลำพังหรือพบกับโชคชะตาอันเลวร้าย ?
แต่เจี้ยนเฉินไม่อาจจะสนใจได้มากนัก เขาเข้าใจว่าเขาไม่อาจจะอยู่ที่นี่ต่อได้ หลังจากที่เข้าใจเรื่องนี้ เขาก็ได้ใช้กฎมิติหนีไปทันที
ในเวลาเดียวกันยานอวกาศจำนวนมากก็ได้มารวมตัวกันรอบช่องทางไปยังโลกจิตวิญญาณในโลกเซียน พวกเขาติดตั้งเครื่องหมายแทนองค์กรของตนจอดเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ หลังจากที่ทหารที่ดูแลช่ องทางตรวจสอบพวกเขา พวกเขาก็จะเดินทางผ่านอุโมงค์มิติที่นำไปสู่ซากโลกจิตวิญญาณ
ในอีกด้านของอุโมงค์ อุกกาบาตขนาดกลางลอยอยู่ในมิติอันมืดมิด บนอุกกาบาตนั้น เด็กไร้หัวใจและใต้เท้าศักดิ์สิทธิ์แห่งพลังป้องกันกำลังนั่นเล่นหมากล้อมกันอยู่
“ข้าสงสัยอย่างมากว่าผู้เยาว์คนนี้สำคัญจริง ๆ รึ ? ด้วยฐานะของเจ้าในฐานะรองหัวหน้าพรรคกระดูกโอฬารแล้ว ไม่ใช่แค่เจ้ามาส่งเขาไปยังโลกจิตวิญญาณด้วยตัวเอง แต่เจ้ากลับมารอเขากลับ บมาที่นี่ด้วย มันมีคนแค่หยิบมือในโลกเซียนที่มีสิทธิ์ทำให้เจ้า เด็กไร้หัวใจ มารอเช่นนี้ได้” ใต้เท้าศักดิ์สิทธิ์แห่งพลังป้องกันพูดขึ้นมา
“เขาช่วยเหลือพรรคกระดูกโอฬารครั้งใหญ่ ดังนั้นเราจังต้องมาดูแลความปลอดภัยให้กับเขา ตอนแรกข้าส่งเชิงยี่มารับเขาก็ถือว่าเพียงพอกับความปลอดภัยของเขาแล้ว แต่ใครจะไปคิดว่าเด็ก นี่เก่งเรื่องการสร้างปัญหา เขาได้หาเรื่ององค์กรชั้นนำมากมายและทรัพยากรที่เขามีก็เพียงพอทำให้องค์กรชั้นนำตาร้อน ที่ข้าทำได้ก็แค่ต้องมาด้วยตัวเอง” เด็กไร้หัวใจพูดขึ้นมา เขายิ้มออกมาอย่างขมขื่นในใจทันทีที่คิดถึงปัญหาที่เจี้ยนเฉินได้ก่อขึ้นมาในโลกดาวทมิฬ
“เมื่อเขาสร้างความขุ่นเคืองให้กับองค์กรชั้นนำมากมาย แล้วทำไมเจ้าไม่ไปที่โลกจิตวิญญาณด้วยตัวเอง ? ” ใต้เท้าศักดิ์สิทธิ์แห่งพลังป้องกันมองไปที่เด็กไร้หัวใจ
“โลกนั้นได้รับความเสียหายอย่างหนัก วิถีมันไม่สมบูรณ์ ข้าไม่คิดจะเสียเวลาที่นั่น เชิงยี่ก็เพียงพอจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นที่นั่นได้ ข้ามาคอยคุ้มกันทีนี่ก็เผื่อว่าจะมีจอมปราชญ ญ์สูงสุดจากองค์กรชั้นนำไปลงมือรึไม่” เด็กไร้หัวใจพูดขึ้น เขามั่นใจในตัวเชิงยี่อย่างมาก เขาไม่กังวลเลยแม้แต่น้อยว่าเชิงยี่จะทำภารกิจไม่สำเร็จ
แต่ทันทีที่เขาพูดจบ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป หมากในมือที่กำลังจะเดินนั้นกลายเป็นฝุ่น หลังจากนั้นแรงกดดันอันน่ากลัวก็แผ่ออกมาจากเด็กไร้หัวใจ มิติโดยรอบพังตัวลงจากแรงกดดันนี หินและดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ ๆ เองก็พังลงไปด้วย
“เชิงยี่ตาย เชิงยี่ตายแล้วจริง ๆ ใครกัน ? ใครกัน….” – ตอนนั้นสายตาของเด็กไร้หัวใจน่ากลัวอย่างมาก ภายใต้ความโกรธของเขา โลกนี้เหมือนกับจะพบจุดจบ ดาวเคราะห์นับไม่ถ้วนสั่นไห หว ทั้งเขตได้เปลี่ยนเป็นพายุมิติ
ต่อมาร่างของเขากลับหายไป เขาได้เข้าไปในช่องทางด้วยพลังที่ปะทุออกมาจนทำให้ที่นั่นสั่นไหวอย่างรุนแรง
“ไม่นานมานี้ เหลยรู่ฮัวแห่งตระกูลสายฟ้าสวรรค์เองก็เข้าไปในโลกจิตวิญญาณ เขายังไม่กลับมา…”
ตอนที่เด็กไร้หัวใจเข้าไปในช่องทาง เสียงของใต้เท้าศักดิ์สิทธิ์แห่งพลังป้องกันก็ดังขึ้นมาในหัวของเด็กไร้หัวใจ
เขายังอยู่บนอุกกาบาตดังเดิม เพราะการปกป้องจากพลังของใต้เท้าศักดิ์สิทธิ์แห่งพลังป้องกัน อุกกาบาตจึงไม่เป็นอะไรภายใต้พลังของเด็กไร้หัวใจ ใต้เท้าศักดิ์สิทธิ์แห่งพลังป้องกันยัง นั่งอยู่เช่นเดิมตรงหน้ากระดานหมากล้อม นอกจากสายตาที่มองไปยังช่องทางและพึมพำออกมา “ข้าไม่เคยเห็นเด็กไร้หัวใจโกรธแบบนี้มาก่อน การตายของเชิงยี่ไม่เพียงพอที่จะทำให้เด็กไร้ห หัวใจลนลานเช่นนี้ได้ ดูเหมือนว่าเด็กน้อยที่เด็กไร้หัวใจรออยู่นั้นจะสำคัญต่อเขาอย่างมาก...”
“เด็กนี่มีอะไรพิเศษกัน ? ” ใต้เท้าศักดิ์สิทธิ์แห่งพลังป้องกันเผยสีหน้าสงสัยออกมา