เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 291: เข้าใกล้จุดหมาย
ตอนที่ 291: เข้าใกล้จุดหมาย
ชายทั้งสองเดินเดินผ่านเทือกเขาไป บนถนน พวกเขาผ่านศพของสัตว์อสูรไปเป็นจำนวนมาก พวกเขาเห็นศพของผู้เข้าแข่งขันเป็นครั้งคราว ทั้งสองอย่างที่กล่าวมาถูกคนฆ่าไป และร่างของพวกเขาก็ถูกทิ้งเอาไว้อย่างไร้ค่า
“ฮู้ ! “
ทันใดนั้นเอง เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวก็ดังขึ้นมา มีสัตว์อสูรกำลังสู้อยู่อยู่กับชายหลายคนในขณะที่มันคำรามออกมา
เมื่อมองไปที่ตำแหน่งที่เกิดเสียง เจี้ยนเฉินก็พูดออกมา “มีบางคนกำลังสู้กับสัตว์อสูรอยู่ตรงนั้น มันดูเหมือนจะค่อนข้างไกล ข้าเดาว่าอย่างน้อยต้องประมาณ 10 กิโลเมตร” เจี้ยนเฉินลังเลเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “พวกเราจะทำให้ดีที่สุดบนเส้นทางของพวกเรา มีเวลา 1 ปีก่อนที่การแข่งขันจะจบ นั่นเป็นเวลาที่มากอยู่ ในตอนนี้ การเก็บป้ายนั้นค่อนข้างยาก ดังนั้น พวกเรามารอให้ป้ายถูกเก็บไปด้วยคนจำนวนน้อย ๆ ก่อน เพื่อที่พวกเราจะได้สามารถชิงป้ายจากพวกนั้นมาได้หลาย ๆ ป้ายในครั้งเดียว”
หมิงตงไม่ปฏิเสธคำแนะนำของเจี้ยนเฉิน หลังจากนั้น ทั้งสองก็เดินต่อไปอย่างไม่ต้องการที่จะสร้างปัญหา หลังจากที่เดินเข้าไปในป่าปีศาจอีกสองวัน พวกเขาก็มาถึงที่ปลายของป่าในที่สุด ในเวลาที่พวกเขาเดินมา พวกเขาไปเจอกับผู้เข้าแข่งขันหลายคน แต่ละคนเห็นว่าเจี้ยนเฉินและหมิงตงยังหนุ่ม พวกเขาจึงดูถูก อย่างไรก็ตาม ในตอนที่พวกเขารู้ว่าทั้งสองคนนี้ก็เป็นผู้เข้าแข่งขันด้วย พวกเขาก็พยายามที่จะขโมยป้ายของทั้งสองทันที แต่ในท้ายที่สุด พวกเขาก็ถูกขโมยป้ายของตัวเองไปแทน
ในพวกคนเหล่านั้น เจี้ยนเฉินได้ฆ่าไปครึ่งหนึ่งและปล่อยครึ่งหนึ่งไป สำหรับพวกที่พยายามจะฆ่าเจี้ยนเฉินและหมิงตง เจี้ยนเฉินก็จะฆ่าพวกนั้นไปอย่างไม่ปราณี สำหรับพวกที่พยายามจะขโมยป้ายอย่างเดียว เจี้ยนเฉินก็ปล่อยให้พวกนั้นหนีเอาชีวิตรอดไป เพราะความใจดีของเจี้ยนเฉิน เขาจึงไม่ทำให้พวกนั้นอันอายโดยเอาแค่ป้ายของพวกนั้นมาเท่านั้น
หลังจากที่ถึงชายป่า ก็มีทุ่งกว้างสุดลูกหูลูกตา เจี้ยนเฉินเห็นเส้นขอบฟ้าไกลไกลในขณะที่เขามองมันไปอย่างสงบ
หมิงตงถอนหายใจออกมาในขณะที่เขาพยายามมองออกไปไกล “พวกออกมาจากบริเวณที่ชั่วร้ายนั้นได้แล้วในที่สุด ข้ากำลังคิดเลยว่าทั่วทั้งบริเวณนี้ปกคลุ่มไปด้วยป่าเสียอีก”
หลังจากที่เดินผ่านป่าปีศาจมา 2 วันเต็ม ในหน้าของเจี้ยนเฉินและหมิงตงก็ปกคลุมไปด้วยฝุ่นและสิ่งสกปรก เสื้อของพวกเขาโดนกิ่งไม้จนฉีกขาดจนพวกเขาไม่มีอะไรปกคลุมร่างกาย
อย่างไรก็ตาม ไม่มีแม่น้ำและแหล่งน้ำอื่น ๆ อยู่ในสายตาของพวกเขาเลย เจี้ยนเฉินเอาน้ำ 2 ขวดออกมาจากเข็มขัดมิติ และส่งขวดหนึ่งให้หมิงตงเพื่อที่พวกเขาจะได้ล้างทำความสะอาดร่างกายได้ พวกเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่และออกเดินทางต่อ
ในขณะที่ทั้งสองเดินทางไปทางทิศตะวันออกอีก 2 ชั่วยาม ก็มีร่างสามร่างวิ่งมาทางเจี้ยนเฉินและหมิงตง
เจี้ยนเฉินและหมิงตงไม่สนใจพวกนั้นและเดินไปตามทางต่อ หลังจากที่หมิงตงรู้แล้วว่าเจี้ยนเฉินเป็นเซียนปฐพี เขาก็ไม่รู้สึกกังวลอีกต่อไปในตอนที่มีคนเข้ามาใกล้
ชายทั้งสามบินผ่านทั้งสองคนไป และในตอนที่พวกเขากำลังจะผ่านไป จู่ ๆ ทั้งสามก็หยุดทันที
สองในสามของกลุ่มดูมีอายุประมาณ 40 ปี ในขณะที่อีกคนูอายุประมาณ 30 ปี แต่ละคนส่งสายตาเย็นชาไปที่เจี้ยนเฉิน
“พี่ชาย ให้ข้าช่วยอะไรท่านได้งั้นหรือ ? ” เจี้ยนเฉินถาม
เมื่อเห็นว่าทั้งเจี้ยนเฉินและหมิงตงยังหนุ่มอยู่แต่ก็มีใบหน้าที่เยือกเย็นเหมือนกับว่ารู้อะไรบางอย่าง ชายทั้งสามจึงเดาได้ทันทีว่าเจี้ยนเฉินไม่ใช่คนธรรมดา พวกเขาจึงยังไม่โจมตีออกไป
ทั้งสามมองตากันก่อนที่ชายที่มีอายุ 30 ปีจะประสานมือพร้อมยิ้มออกมา “ข้าบอกได้เลยว่าน้องชายไม่ใช่คนธรรมดา แต่พวกเจ้าก็มีกันอยู่แค่ 2 คน ในกรณีที่มีกลุ่มใหญ่มาจู่โจมเจ้า มันคงจะยากที่จะตอบโต้ได้ เมื่อเป็นแบบนั้น พวกเจ้าทั้งสองควรมาร่วมกับพวกเรา หากพวกเราร่วมมือกันจะเพิ่มโอกาสในการอยู่รอดได้มากขึ้นมาก นอกเหนือไปจากนั้น ในตอนที่พวกเราเก็บป้ายได้ พวกเราก็จะแบ่งตามความแข็งแกร่งของพวกเรา พวกเจ้าทั้งสองสนใจหรือไม่ ? “
“ไม่สนใจ ! ” เจียนเฉินตอบกลับทันทีก่อนที่จะเดินผ่านพวกเขาไป
หลังจากที่ได้รับคำตอบ ชายทั้งสามก็บินไปที่เจี้ยนเฉินและหมิงตงทันทีและฟันไปที่ทั้งสองอย่างไม่ลังเล
เจี้ยนเฉินพ่นลมออกทางจมูกและเอาอาวุธเซียนของเขาออกมา ในตอนที่อาวุธเซียนทั้งสามกำลังจะเข้าถึงตัวเขา หัวของเจ้าของอาวุธก็ลอยปลิวขึ้นไปในอากาศทันที กระบี่ของเจี้ยนเฉินเร็วเกินกว่าที่พวกนั้นจะสังเกตเห็นได้
เลือดพุ่งขึ้นมาเหมือนเสาไปในอากาศในขณะที่ร่างทั้งสามก็ตายไปและหล่นลงบนพื้น ในขณะหัวตกลงมา สายตาเบิกกว้างที่ตกใจของพวกเขาก็ยังไม่หายไปเนื่องจากพวกเขาได้ตายไปแล้ว
หมิงตงเอาเข็มขัดมิติของพวกนั้นออกมาอย่างกระตือรือร้น เขาหยิบเอาป้ายออกมาพร้อมกับแกนอสูรระดับ 4
หลังจากที่ฆ่าชายทั้งสามคนนั้นไป เจี้ยนเฉินและหมิงตงก็เดินทางต่อไป
ครึ่งวันต่อมา เสียงคำรามที่ดุร้ายก็เข้ามาในหูของเจี้ยนเฉินและหมิงตง ทั้งคู่เห็นชายประมาณ 50 คนกำลังสู้กันอยู่สองฝ่าย ในสนามต่อสู้ มีชายวัยกลางคนในชุดม่วงยืนอยู่ด้านหน้า
สนามรบเหมือนเป็นการสังหารหมู่ มีคนทั้งหมด 50 คน แต่สัดส่วนของทั้งสองฝั่งก็ไม่ได้เท่ากัน คนสามสิบกว่าคนกำลังสู้กับคนสิบกว่าคนอยู่ ความแตกต่างในกำลังนั้นมีมากมาย ดังนั้น ในพริบตาเดียว การต่อสู้ก็จบลงโดยฝั่งที่มีสิบกว่าคนได้ตายไปทั้งหมด
ทันใดนั้นเอง ผู้รอดชีวิตก็ยึดเข็มขัดมิติมาและเริ่มเอาป้ายจำนวนมากออกมาก่อนที่จะส่งมันให้กับชายชุดม่วงอย่างเคารพ
“ข้าขอมอบป้ายนี้เป็นของขวัญให้กับหัวหน้า ! ” ชายคนหนึ่งตะโกนออกมาอย่างเคารพ
ชายคนนั้นเอาป้ายสีดำประมาณ 20 ป้ายเก็บลงในเข็มขัดมิติของเขา “ปริมาณคือตัวบอกคุณภาพของมันเอง วางใจได้ ถ้าพวกเจ้าร่วมเดินทางไปกับข้า ข้ารับรองว่าพวกเจ้าจะไประโยชน์” หลังจากนั้นชายวัยกลางคนก็หันไปมองที่เจี้ยนเฉินและหมิงตง
“ไปฆ่าพวกนั้นทั้งสองคน” ชายคนนั้นชี้ออกไปในขณะที่เขาสั่งให้คนทั้งหมดออกไปฆ่า
ชายสามสิบกว่าคนไม่ลังเลและเอาอาวุธเซียนของพวกเขาออกมาทันทีและพุ่งไปที่เจี้ยนเฉิน
เมื่อเห็นว่ามีกลุ่มคนกำลังวิ่งมาทางเขา เจี้ยนเฉินก็รู้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ “หมิงตง ถอยไปก่อน”
“ถ้าเช่นนั้นระวังตัวนะ ! ” หมิงตงไม่พยายามที่จะทำตัวกล้าหาญและเดินถอยไป 20 เมตร
ในขณะที่ชายทั้งสามสิบคนอยู่ห่างจากเจี้ยนเฉิน 50 เมตร เขาก็เอาอาวุธเซียนออกมาและพุ่งเข้าไปที่คนทั้งสามสิบกว่าคนอย่างไม่เกรงกลัว
สำหรับคนพวกนั้น เจี้ยนเฉินก็เหมือนเสือในฝูงแกะ กระบี่วายุโปรยของเขาโจมตีออกไปที่คอและฆ่าพวกเขาไปในเวลาไม่กี่วินาที หลายวินาทีผ่านไป เซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษที่มีชีวิตอยู่ก่อนหน้านี้ก็ได้ตายไปด้วยการถูกโจมตีที่คอเพียงครั้งเดียวโดยมีเลือดไหลออกมาจากแผล
ชายชุดม่วงตกใจอยู่ชั่วครู่ ทันใดนั้นเอง แสงสีม่วงก็พุ่งเข้ามาก่อนที่จะปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง 20 เมตรห่างจากเจี้ยนเฉิน เขามองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างสงสัยเหมือนว่าเขาไม่สนว่าเจี้ยนเฉินฆ่าคนทั้งสามสิบกว่าคนนี้ไปได้อย่างไร
หลังจากนั้นสักพัก สายตาที่ประหลาดใจของชายคนนั้นก็เบิกกว้างขึ้นอีก เขาไม่สามารถรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉิน เหมือนว่าเจี้ยนเฉินถูกปกคลุมโดยหมอกดำและไม่สามารถมองผ่านเข้าไปได้ สิ่งที่ทำให้ชายคนนี้ตกใจยิ่งกว่าคือความเยาว์วัยของเจี้ยนเฉิน
“น้องชาย การที่เจ้ามีความแข็งแกร่งขนาดนี้ทั้งที่อายุยังน้อย เจ้านั้นคืออัจฉริยะจริง ๆ ” ชายคนนั้นยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตร
“การฆ่าพวกนั้นได้ก็ไม่ได้มีอะไรเลย” เจี้ยนเฉินยิ้มพร้อมตอบกลับ
“น่าขันที่เจ้าพูดแบบนั้น ในเวลาเพียงนิดเดียว มีเพียงเซียนปฐพีเท่านั้นที่สามารถฆ่าเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว สำหรับคนที่มีระดับแบบนั้นด้วยอายุที่ยังน้อย ช่างหาได้ยากเสียจริง ! ทำไมเจ้าไม่มาเข้าร่วมกับข้า ถ้าพวกเราทำแบบนั้น พวกเราก็จะได้คุมโลกที่แยกออกมานี้” ใบหน้าของชายคนนี้ใจดีในขณะที่เขายิ้มไปที่เจี้ยนเฉิน
“ข้าต้องขอโทษด้วย ! ” เจี้ยนเฉินตอบกลับทันที
“เฮ้อ ! ” หลังจากถอนหายใจ ชายคนนี้ก็หายไปเป็นแสงสีม่วงหลังจากที่มองเจี้ยนเฉินด้วยสายตาเศร้า ๆ
เจี้ยนเฉินไม่สนใจที่จะไล่ตามเพราะเขาไม่ได้สนใจที่จะเอาป้ายแม้แต่น้อย
“เจี้ยนเฉิน ชายคนนั้นดูค่อนข้างแข็งแกร่งทีเดียว เขาเป็นเซียนปฐพีหรือเปล่า ? ” หมิงตงพูดออกมาในขณะที่เขามองชายคนนั้นจากไป
เจี้ยนเฉินพยักหน้าแล้วพูดออกมา “ถูกต้อง เขาเป็นเซียนปฐพี ดูเหมือนเขาจะไม่มั่นใจแล้วหนีไป ดี ถ้างั้น พวกเราไปกันต่อเถอะ”
การต่อสู้นับไม่ถ้วนเกิดขึ้นที่ทุ่ง แต่ละการต่อสู้มีกลุ่มเล็กกลุ่มใหญ่ ในตอนนี้ ในการแข่งขัน มีหลายคนที่รวมกลุ่มกันเพื่อที่จะหาผู้เข้าแข่งขันที่ตัวคนเดียว
ในสามวันต่อมา เจี้ยนเฉินและหมิงตงก็เดินผ่านทุ่งไปอย่างช้า ๆ พวกเขาไม่พยายามที่จะเริ่มการต่อสู้ แต่หลายครั้งที่เจี้ยนเฉินฆ่าผู้เข้าแข่งขันไปหลายคนในขณะที่เขาก็เอาป้ายมาด้วย ในตอนนี้ ปริมาณป้ายที่เจี้ยนเฉินมีนั้นมากกว่าร้อยป้ายแล้ว
หลังจากที่ผ่านทุ่งไปแล้ว เจี้ยนเฉินและหมิงตงก็สัมผัสได้ถึงความชั่วร้ายของเทือกเขา เทือกเขาแยกตัวอยู่และแห้งแล้วโดยไม่มีใบหญ้าเลย ทั่วทั้งบริเวณเต็มไปด้วยหมอกสีชมพูที่ปกคุลมไปทั่งทั้งภูเขาและมันดูเหมือนจะเป็นพิษตามธรรมชาติที่ป้องกันไม่ให้ใครเข้าไปในนั้น