เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2913: ดาวเคราะห์นิรนาม
ตอนที่ 2913: ดาวเคราะห์นิรนาม
“ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าปรมาจารย์ต้องการอะไร ? ” เจี้ยนเฉินถาม สถานการณ์ปัจจุบันของจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้อยู่ในแง่ดี เขาจำเป็นต้องใช้ผลเลือดศักดิ์สิทธิ์แห่งวิถีอย่าง เร่งด่วนในการรักษาจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นเขาจึงเตรียมใจที่จะจ่ายค่าตอบแทนจำนวนมหาศาล
ปรมาจารย์หมึกครามพิจารณาอย่างจริงจังสักพักก่อนจะพูดช้า ๆ “ผู้นำตระกูลเทียนหยวน ข้ารู้ว่าตระกูลเทียนหยวนของเจ้าร่ำรวยมหาศาล แต่เมื่อการบ่มเพาะของเจ้ามาถึงระดับของข้าแล้ว ส สมบัติที่สามารถทำให้ข้าสนใจคือสิ่งของหายากอย่างแท้จริง ยิ่งไปกว่านั้น ข้อมูลที่ข้ามีเกี่ยวกับผลเลือดศักดิ์สิทธิ์แห่งวิถี ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสามารถแลกเปลี่ยนกับสมบัติทั่วไปได้แน น่นอน”
“ด้วยเหตุนี้ข้าจึงคิดทบทวนและค้นพบว่ามีเพียงพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิงที่ยืนหยัดอยู่ด้านหลังเจ้าเท่านั้นที่คุ้มค่าสำหรับข้าในการจัดหาผลเลือดแห่งวิถีให้กับเจ้า เจี้ยนเฉิน เมื อเจ้าส่งคืนหอคอยอนัตตาไปยัง พระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิงในอดีต พระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิงต้องเป็นหนี้บุญคุณเจ้าอย่างมหาศาล คำขอของข้านั้นง่ายมาก ข้าต้องการบุญคุณนั้น”
เจี้ยนเฉินแสดงให้เห็นถึงความลังเลเมื่อได้ยินเช่นนั้น ในตอนที่เขาส่งคืนหอคอยอนัตตา เขาได้สร้างผลงานมหาศาลไว้อย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะแลกเปลี่ยนสิ่งของบางอย่างจากพระราชวังสวรรค์แ แห่งบิเชิง แต่เขาก็ยังไม่ได้ใช้ความโปรดปรานนี้จนหมด แต่เขาเก็บมันไว้เป็นโล่สุดท้ายเพื่อปกป้องตระกูลเทียนหยวน
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้โล่นี้ แต่เพียงแค่เก็บมันไว้ก็เป็นรูปแบบหนึ่งของการป้องกัน
แต่ถ้าเขาใช้ความโปรดปรานนี้ในการทำข้อตกลงกับปรมาจารย์หมึกคราม ตระกูลเทียนหยวนก็จะสูญเสียโล่นี้ไป
อย่างไรก็ตาม หลังจากการพิจารณาหลายครั้ง เจี้ยนเฉินก็ยังคงตกลงอย่างฝืนใจ ไม่จำเป็นว่าตระกูลเทียนหยวนต้องเผชิญกับอันตรายใด ๆ แต่สถานการณ์ของจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์แย่ลงเรื่ อย ๆ เขาไม่สามารถเสียเวลาได้อีกต่อไป
“ฮ่าฮ่าฮ่า เอาล่ะ ผู้นำตระกูลเทียนหยวนเป็นคนที่ตรงไปตรงมาและเรียบง่าย แม้ว่าข้าต้องสูญเสียผลเลือดศักดิ์สิทธิ์แห่งวิถี แต่เจ้าไม่สามารถพูดได้ว่าข้าได้สูญเสียมันไปแล้ว เพราะ ะข้าได้การผูกสัมพันธ์กับพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิงเป็นการแลกเปลี่ยน” ปรมาจารย์หมึกครามหัวเราะด้วยความพึงพอใจ ราวกับว่าในที่สุดก้อนหินก็ถูกยกออกจากอก เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างแท้ จริง
“ท่านปรมาจารย์ ผลเลือดศักดิ์สิทธิ์แห่งวิถีบังเอิญอยู่กับท่านหรือไม่ ? ไม่เช่นนั้นทำไมท่านถึงบอกว่าทำมันหาย” เจี้ยนเฉินสังเกตบางอย่างและสามารถบอกได้จากคำพูดของปรมาจารย์หมึก กครามที่ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้รู้เพียงเบาะแสเล็กน้อย
ปรมาจารย์หมึกครามส่ายหัว “ผลเลือดศักดิ์สิทธิ์แห่งวิถีไม่ได้อยู่ที่ตัวข้า แต่ถึงแม้ว่าเจ้าจะบอกว่าผลเลือดศักดิ์สิทธิ์แหางวิถีที่ข้ารู้ว่าเป็นสมบัติส่วนตัวของข้า มันก็ไม ม่ได้เป็นการพูดเกินจริง”
“ผลเลือดศักดิ์สิทธิ์แห่งวิถีเติบโตบนดาวเคราะห์นิรนามและมีค่ายกลที่ทรงพลังและเป็นธรรมชาติห่อหุ้มดาวเคราะห์นิรนามไว้ ค่ายกลนี้จะเปิดขึ้นทุก ๆ หนึ่งสหัสวรรษและมันจะเปิดเพียง ไม่ถึง 1 เค่อในแต่ละครั้ง เมื่อค่ายกลปิดลง ดาวเคราะห์นิรนามก็จะหายวับไป เจ้าจะหามันไม่พบไม่ว่าเจ้าจะพยายามขนาดไหนก็ตาม”
“และหลังจากค้นพบดาวเคราะห์นิรนาม ข้าก็จัดเตรียมวิธีการจัดการง่าย ๆ ที่นั่นทันที ด้วยเหตุนี้แม้ว่าดาวเคราะห์นิรนามจะเปิดขึ้น แต่มันก็จะยังคงซ่อนตัวอยู่ในมิติอวกาศ ทำให้ยากต ต่อการค้นพบ”
“ด้วยเหตุนี้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีเพียงข้าเท่านั้นที่รู้เกี่ยวกับการมีอยู่ของดาวเคราะห์นิรนาม และข้าได้จัดตั้งค่ายกลส่งตัวทางไกลไว้ข้างผลเลือดศักดิ์สิทธิ์แห่งวิถีเมื่อนา านมาแล้ว เมื่อใดก็ตามที่ข้าต้องการผลแห่งวิถี ข้าก็สามารถใช้ค่ายกลส่งตัวได้โดยตรงและรวบรวมมันเมื่อค่ายกลตามธรรมชาติเปิดออก”
“อย่างไรก็ตาม ผลเลือดศักดิ์สิทธิ์แห่งวิถีนั้นค่อนข้างพิเศษ เมื่อมันถูกเก็บเกี่ยว เราจะไม่สามารถเก็บมันไว้ได้นานมาก ข้าไม่สามารถสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อหล่อเลี้ยงผลเลือดศักดิ์ส สิทธิ์แห่งวิถีได้เช่นกัน ตอนนี้ข้าไม่ต้องการผลเลือดศักดิ์สิทธิ์แห่งวิถี ข้าจึงทิ้งมันไว้ที่นั่นเพื่อที่มันจะได้เติบโตต่อไป อย่างน้อยที่สุด ผลเลือดศักดิ์สิทธิ์แห่งวิถีสามาร รถคงอยู่ได้ในระยะเวลาอันยาวนานในที่ของมัน…”
ปรมาจารย์หมึกครามอธิบายอย่างละเอียด ทำให้เจี้ยนเฉินคลายความกังวลทั้งหมดในทันทีแม้จะมีข้อสงสัยอยู่บ้างก็ตาม
บางทีผลเลือดศักดิ์สิทธิ์แห่งวิถีอาจเป็นสิ่งของที่อยู่ใกล้มือปรมาจารย์หมึกคราม เพราะไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการผลเลือดศักดิ์สิทธิ์แห่งวิถี เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นหนึ่งในนั้น
ในสายตาของเจี้ยนเฉิน มันเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอย่างยิ่งสำหรับเขาที่จะแลกเปลี่ยนผลเลือดศักดิ์สิทธิ์แห่งวิถีกับการสนับสนุนช่วยเหลือจากพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผลเลือดศักดิ์สิทธิ์แห่งวิถีเป็นวัตถุดั้งเดิมตามธรรมชาติและล้ำค่าอย่างยิ่ง แต่ถ้าสิ่งเช่นนี้สามารถแลกเปลี่ยนเป็นโล่จากพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิงได้ หลายคนก ก็ยินดีที่จะทำข้อตกลงนั้น
อย่างไรก็ตามเจี้ยนเฉินก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด เมื่อเขาได้ยินว่าค่ายกลเปิดขึ้นเพียงครั้งเดียวทุก ๆ 1,000 ปี จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์กับสถานการณ์ปัจจุบันไม่สา ามารถรอถึง 1,000 ปีได้
“ท่านปรมาจารย์ ท่านรู้หรือไม่ว่าการเปิดครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นเมื่อใด ? ” เจี้ยนเฉินถามทันที
“เดี๋ยวก่อน ขอข้าคำนวณสักครู่ ! ” ปรมาจารย์หมึกครามคิดคำนวณทันที แต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีร่องรอยความประหลาดใจเต็มใบหน้าของเขา เขายิ้มให้เจี้ยนเฉิน “สิ่งที่ข้ากำลังจะพูดเป็น นเรื่องบังเอิญจริง ๆ ตอนนี้หนึ่งพันปีเพิ่งจะผ่านไปนับตั้งแต่การเปิดครั้งสุดท้าย ค่ายกลเปิดออกแล้วและจะปิดอีกครั้งในเวลาเพียงครึ่งเค่อ อีกหนึ่งพันปีถึงมันจะเปิดขึ้นอีกครั้ง ง เจี้ยนเฉิน ถ้าเจ้าต้องการผลเลือดศักดิ์สิทธิ์แห่งวิถีอย่างเร่งด่วน เจ้าควรรีบไป หากเจ้าไม่เร่งรีบ เจ้าสามารถรอพันปีก่อนและค่อยเก็บมัน”
เจี้ยนเฉินไม่สงสัยในตัวอีกฝ่าย เขาพูดทันทีว่า “กรุณาส่งข้าไปที่นั่นทันที ตอนนี้ข้าต้องการผลเลือดศักดิ์สิทธิ์แห่งวิถีโดยเร็วที่สุด”
ปรมาจารย์หมึกครามพยักหน้า หลังจากที่เขาโบกมือ แผ่นอาคมเคลื่อนย้ายก็ลอยขึ้นไปในอากาศทันที แผ่นอาคมเคลื่อนย้ายมีขนาดใหญ่มากหลายร้อยเมตร มันให้พลังงานที่ทรงพลังยิ่งกว่าค่ายกล ลเคลื่อนย้ายระหว่างดวงดาว
เจี้ยนเฉินรู้สึกแปลกใจในขณะที่เขามองแผ่นอาคมเคลื่อนย้าย แผนภาพบนแผ่นอาคมเคลื่อนย้ายมีความซับซ้อนเป็นพิเศษ จารึกนับไม่ถ้วนถักทอเข้าด้วยกันมีความจริงที่ลึกซึ้งอย่างยิ่งของมิติ มันมีระดับสูงมาก
เขาสามารถบอกได้เพียงแวบเดียวว่าจริง ๆ แล้วแผ่นอาคมเคลื่อนย้ายนั้นซับซ้อนกว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายระหว่างดวงดาวที่เขาเคยเห็น
หากสามารถแบ่งค่ายกลเคลื่อนย้ายออกเป็นระดับ จากค่ายกลทั้งหมดที่เจี้ยนเฉินเคยเห็น อาจมีเพียงค่ายกลเคลื่อนย้ายที่สร้างขึ้นในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าของโลกวิญญาณเท่านั้นที ยอดเยี่ยมกว่าค่ายกลนี้
“ค่ายกลเพียงอย่างเดียวก็ไม่ใช่สิ่งที่ขั้นอัครสูงสุดทั่วไปสามารถหลอมขึ้นมาได้ แม้ว่ามูลค่าของค่ายกลเคลื่อนย้ายจะน้อยกว่าเมื่อเทียบกับสิ่งของที่มีกำเนิดตามธรรมชาติ แต่มัน ก็ไม่มากนัก กระนั้นปรมาจารย์หมึกครามก็ยังใช้มันกับผลเลือดศักดิ์สิทธิ์แห่งวิถี มันไม่สิ้นเปลืองไปหน่อยหรือ ? ” เจี้ยนเฉินจ้องมองลึกลงไป
บางทีอาจเป็นเพราะปรมาจารย์หมึกครามสังเกตเห็นความคิดของเจี้ยนเฉิน เขาจึงอธิบายว่า “ดาวเคราะห์ดวงนี้ค่อนข้างพิเศษ ค่ายกลเคลื่อนย้ายปกติทั่วไปนั้นไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง เป็นผ ผลให้ข้าถูกบังคับให้ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายระดับสูงเช่นนี้ เฉพาะเมื่อใช้ค่ายกลนี้เท่านั้นเจ้าจึงจะถูกขนส่งไปที่นั่นได้สำเร็จ”
“เจี้ยนเฉิน มีอย่างอื่นที่ข้าต้องเตือนเจ้า สัตว์อสูรโบราณที่ทรงพลังมากอาศัยอยู่บนดาวเคราะห์นั้น ตัวข้าเองก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับการเป็นคู่ต่อสู้ของมันเลย ยิ่งไปกว่านั้น วิธ ธีการปกปิดพลังแห่งการมีอยู่ก็ยังใช้ไม่ได้ผลบนดาวเคราะห์นั้น ฉะนั้นทันทีที่เจ้าถูกส่งตัวไปถึง เจ้าจะต้องรีบเก็บผลเลือดศักดิ์สิทธิ์แห่งวิถีทันที เมื่อเจ้าทำสำเร็จ เจ้าต้องหนี ออกจากดาวเคราะห์ดวงนั้น เนื่องจากสัตว์อสูรโบราณจะไม่ออกจากบริเวณใกล้เคียงของดาวเคราะห์ หากเจ้าออกมาได้ เจ้าก็จะปลอดภัย”
“นอกเหนือจากนั้น ค่ายกลเคลื่อนย้ายสามารถส่งเจ้าเข้าไปได้เท่านั้น มันไม่สามารถนำเจ้าออกมาได้”
“ขอบคุณสำหรับคำเตือน ท่านปรมาจารย์ ! ” หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งเขาก็เดินเข้าไปในแผ่นอาคมเคลื่อนย้ายอย่างแน่วแน่ ตอนนี้เวลาคับขันมาก นี่เป็นความหวังเดียวที่จะช่วยจักรพรรดิพ พยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าสิ่งนี้จะอันตรายแค่ไหน แม้ว่าเขาจะรู้ว่ากำลังจะมีหายนะรอเขาอยู่ เขาก็ต้องลองเสี่ยงโชค
ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่ได้เป็นราชาเทพเหมือนในอดีตอีกต่อไป ถ้าเขาต้องเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตที่เขาเอาชนะไม่ได้จริง ๆ เขาสามารถเรียกภูเขาวิญญาณนักรบมาได้ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไ ไหนตราบเท่าที่เขายังคงอยู่ในโลกเซียน
เหล่าศิษย์พี่ของเขาจากภูเขาวิญญาณนักรบสามารถเดินทางมาถึงมิติใด ๆ ในโลกเซียนได้ภายในครึ่งนาทีโดยอาศัยพลังของภูเขาวิญญาณ
นี่คือที่มาของความมั่นใจของเจี้ยนเฉิน !
“ข้ายังมีจิตวิญญาณกระบี่ หากสิ่งที่เลวร้ายที่สุดมาถึง ข้าคงต้องทำให้จิตวิญญาณกระบี่หลอมรวมกันอีกครั้งและสร้างพลังบรรพกาลที่แท้จริงซึ่งสามารถฉีกทุกสิ่งได้ … ” สายตาของเจี้ย ยนเฉินแน่วแน่ หลายปีผ่านไป เขาแข็งแกร่งขึ้นมาก จิตวิญญาณกระบี่ไม่ได้หยุดนิ่งเช่นกัน หลังจากฟื้นตัวจากการหลอมรวมของกระบี่คู่เมื่อนานมาแล้ว