เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2922: จิตวิญญาณปราชญ์ (2)
ตอนที่ 2922: จิตวิญญาณปราชญ์ (2)
“ข้าไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนั้น แต่ข้าได้เรียนรู้เล็กน้อยเกี่ยวกับประวัติของจิตวิญญาณปราชญ์จากบันทึกของผู้อาวุโสลมที่ให้ข้าไว้ ว่ากันว่าโลกจิตวิญญาณแตกสลายในอดีตและโลกท ทั้งใบก็ไม่อาจอยู่ได้ เผ่าพันธุ์มากมายที่อยู่ในโลกจิตวิญญาณแต่เดิมก็ถูกบังคับให้ออกจากบ้านและอพยพไปยังโลกเซียน…”
“ปีที่พวกเขาเข้าสู่โลกเซียนครั้งแรก มีการทดสอบมากมายสำหรับทุกเผ่าพันธุ์ของโลกจิตวิญญาณ เนื่องจากพลังดั้งเดิมของโลกจิตวิญญาณและโลกเซียนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เมื่อเราเข้าสู โลกเซียนครั้งแรกไม่เพียงแต่เราไม่อาจดูดซับพลังดั้งเดิมเพื่อบ่มเพาะได้เท่านั้น แต่เรายังต้องเผชิญกับการปฏิเสธและการกดขี่ของหลาย ๆ องค์กรที่มีถิ่นกำเนิดในโลกเซียน….”
“นั่นเป็นส่วนที่ยากและมืดหม่นที่สุดในประวัติศาสตร์ของทุกผ่าพันธุ์ที่รอดชีวิตจากโลกจิตวิญญาณ ในช่วงเวลานั้นเองที่จิตวิญญาณปราชญ์ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ในการต่อสู้กับ องค์กรต่าง ๆ ของโลกเซียน กองทัพของเราตกเป็นเป้าใหญ่ สมบัติมากมายของเราก็ถูกขโมยไปด้วย….”
“ความกดดันในการเอาชีวิตรอดบังคับให้เผ่าที่เหลือทั้งหมดของโลกจิตวิญญาณต้องรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียวซึ่งได้กลายเป็นจิตวิญญาณปราชญ์ในภายหลัง หลังจากการรวบรวมกองกำลังของพวกเขาแล้ว ว ท้ายที่สุดจิตวิญญาณปราชญ์ก็มีส่วนร่วมในโลกเซียนหลังจากที่จ่ายค่าตอบแทนออกไปอย่างมาก”
“อย่างไรก็ตามหลังจากรวมตัวกันแล้ว ความขัดแย้งภายในก็ค่อย ๆ ปะทุขึ้นในหมู่จิตวิญญาณปราชญ์โดยที่พวกเขาไม่ต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากภายนอกเลย ท้ายที่สุดมีเผ่ามากมายในจิตวิญญาณป ปราชญ์ ในโลกจิตวิญญาณของพวกเขา พวกเขาควบคุมและปกครองทั้งหมดของทั้งภูมิภาค ดังนั้นมันจึงสงบสุขอย่างเห็นได้ชัด เมื่อองค์กรเหล่านี้ทั้งหมดถูกบังคับให้รวมตัวกัน ความขัดแย้งต่าง ๆ ก็ผุดขึ้นมาอย่างไม่มีสิ้นสุด”
“ด้วยเหตุนี้ ความขัดแย้งภายในระหว่างจิตวิญญาณปราชญ์จึงประทุขึ้นหลายครั้งในอดีต ด้วยความขัดแย้งภายในแต่ละเผ่าแต่ละกลุ่ม พวกเขาจึงซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งในโลกเซียนหรือออกจากโ โลกเซียนและซ่อนตัวอยู่ในโลกขนาดเล็กบางแห่ง โดยเลือกที่จะอาศัยอยู่ในโลกขนาดเล็กเพียงลำพัง”
“จิตวิญญาณไม้เคยมีประสบการณ์การกระจัดกระจายในอดีต”
“ตามบันทึกโบราณ จิตวิญญาณไม้แบ่งออกเป็น 3 องค์กรในระหว่างการล่มสลาย แต่ละองค์กรของทั้งสามต่างก็มีส่วมร่วมกับสมบัติของจอมปราชญ์สูงสุดแห่งจิตวิญญาณไม้ที่ทิ้งไว้เบื้องหลังก่อ อนที่จะเดินไปตามทางของตัวเอง องค์กรที่สองได้รับวัตถุเทพขอบเขตชีวิตของจอมปราชญ์สูงสุดแห่งจิตวิญญาณไม้ 2 ชิ้น ส่วนองค์กรที่สามได้รับวิถีการบ่มเพาะของจอมปราชญ์แห่งจิตวิญญาณไม ม้….”
“กิ่งทั้งสองที่จิตวิญญาณไม้ทิ้งไว้ได้กลายเป็นวัตถุเทพขอบเขตชีวิตก่อนที่จะเงียบหายไป จิตวิญญาณไม้ที่มีวิถีการบ่มเพาะยังคงอยู่ในจิตวิญญาณปราชญ์ก็ค่อย ๆ ลดลงจากความรุ่งเรืองสูง งสุดที่ในตอนนั้น….”
ขณะที่เขาพูด เฉินเจี้ยนก็ถอนหายใจและมองขึ้นฟ้า เขาพูดต่อว่า”ชิ้นส่วนที่แตกสลายไม่จำกัดอยู่ที่จิตวิญญาณไม้ มันเกิดขึ้นท่ามกลางเผ่าพันธุ์อื่น ๆ เช่นกันและสมบัติต่าง ๆ ที่ตกทอด ดของโลกจิตวิญญาณรุ่นก่อน ๆ ของเราก็กระจายออกมาพร้อมกับพวกเขา ทำให้จิตวิญญาณปราชญ์ที่แข็งแกร่งในอดีตจางหายไป แต่เดิมที่เป็นตัวตนที่ครอบครองพลังของโลกทั้งหมดก็กลายเป็นอดีต เมื่อเวลาผ่านไป”
“และพวกเขาปฏิเสธพวกจิตวิญญาณปราชญ์ที่เผชิญหน้ากับความพ่ายแพ้จากโลกเซียนครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นกัน” เมื่อถึงตอนนี้ เฉินเจี้ยนมองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างลึกซึ้งและพูดว่า “ภัยพิบัติที่ จิตวิญญาณปราชญ์เผชิญหน้าล่าสุดมาจากพรรคกระดูกโอฬาร ในตอนนั้นพรรคกระดูกโอฬารได้สังหารพวกเขาเข้ามาในกลุ่มของเรา ไม่เพียงแต่ทำให้เราสูญเสียครั้งใหญ่ แต่ยังปล้นสมบัติมากมาย หากจิตวิญญาณไม้ไม่ได้รับการปกป้องจากพลังของวัตถุบรรพชนในช่วงเวลาสำคัญ ผลที่ตามมาก็ไม่อาจคาดถึงได้”
เจี้ยนเฉินจมอยู่ในความคิดของเขา เขาถามว่า “พูดอีกอย่างก็คือ เผ่าเซียนที่ถูกทอดทิ้งของเจ้ามาจากโลกชั้นต่ำนั้นกลายเป็นกลุ่มที่แยกตัวเองออกมาจากจิตวิญญาณปราชญ์ด้วยหรือ ? ”
เฉินเจี้ยนลังเลเล็กน้อย “ตามบันทึกโบราณที่เกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ของเรา เราบอกเสมอว่าตัวของพวกเรานั้นเผ่าของเราคือเผ่าเซียนที่ทอดถูกทิ้ง หลังจากที่ข้าได้พบกับผู้อาวุโสลม ข้าได้รู้ว่าเผ่าเซียนที่ถูกทอดทิ้งในโลกที่ต่ำกว่านั้นเป็นหนึ่งในเผ่าขนาดใหญ่ของโลกจิตวิญญาณ นั้นก็คือเผ่ากระบี่จรัส”
“เผ่ากระบี่จรัส ? ” เจี้ยนเฉินตกใจ เขาเป็นคนที่อ่านบันทึกมามาย โดยส่วนตัวเขาเชื่อว่าแม้ว่าจะไม่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับโลกเซียน แต่เขาก็รู้เรื่องต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง
อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเผ่ากระบี่จรัสมาก่อน
“อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสลมยังบอกข้าอีกว่าจิตวิญญาณปราชญ์ของโลกเซียนไม่มีเผ่ากระบี่จรัสอีกต่อไป เผ่ากระบี่จรัสในโลกเซียนสาบสูญไปหมดแล้ว สาขาของพรรคพวกของข้าในโลกด้านล่างน น่าจะเป็นสาขาสุดท้ายที่มีอยู่ ยิ่งไปว่านั้นเนื่องจากการให้กำเนิดมาหลายปี สาขาสายเลือดของพวกข้าจึงไม่บริสุทธิ์มาตั้งนานแล้ว….”
“บรรพชนเผ่าเซียนที่ถูกทอดทิ้งของเรามีชื่อว่าเหอตู่ ข้าบอกผู้อาวุโสลมเกี่ยวกับบรรพชนเหอตู่ แต่ผู้อาวุโสลมไม่รู้จักเขา เขาเลยคิดว่าบรรพชนเหอตู่น่าจะไม่ใช่คนในยุคเดียว วกับเขา ผู้อาวุโสลมไม่ได้เกิดมาในช่วงที่เขามีชีวิตอยู่ บรรพชนเหอตู่ได้ทิ้งข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับจิตวิญญาณปราชญ์ให้เรา แต่ตอนนี้มันล้าสมัยไปแล้ว….”
ขณะที่เฉินเจี้ยนกำลังคิด เจี้ยนเฉินก็ได้เข้าใจคร่าว ๆ เกี่ยวกับประวัติศาตร์และสถานการณ์ปัจจุบันของจิตวิญญาณปราชญ์ อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาสนใจจริง ๆ คือมรดกจำนวนมากและสมบัติล้ำ ค่าที่กระจายออกมาจากจิตวิญญาณปราชญ์ในช่วงหลายปีก่อนหน้านี้
ท้ายที่สุดก่อนที่โลกจิตวิญญาณจะแตก มันเคยกลายเป็นโลกที่สมบูรณ์มาก่อนและมีความสำคัญเทียบเท่ากับโลกเซียนที่มีคนรู้ไม่กี่คน ใครจะรู้ว่าพวกเขาสร้างผู้เชี่ยวชาญระดับสูงในโลกเห หล่านั้นมากี่คน
หลังจากนั้น สมบัติที่เหลืออยู่ทั้งหมดได้เข้าสู่โลกเซียนพร้อมกับโลกจิตวิญญาณที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ เขารู้ว่าพวกเขานั้นมั่งคั่งขนาดไหนโดยไม่ต้องคิด
“จิตวิญญาณไม้แตกออกเป็น 3 สาขา สาขาสองที่ออกจากจิตวิญญาณปราชญ์ได้เอาวัตถุเทพขอบเขตชีวิตของจอมปราชญ์สูงสุดจิตวิญญาณไม้ไป วัตถุเทพที่มีชีวิตเป็นของตัวมันเอง มันเป็นวัตถุเ เทพที่ยอดเยี่ยมซึ่งเทียบเท่ากับหอคอยอนัตตาและพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิง” เจี้ยนเฉินคิด แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นจอมปราชญ์สูงสุดแห่งจิตวิญญาณไม้มาก่อน แต่เขาก็รู้อดีตมาบ้าง
ภูเขาโลกาแฝดภายในโลกแห่งสัตว์อสูรที่ร่วงหล่นถูกสร้างขึ้นจากพลังที่เหลืออยู่ของจอมปราชญ์สูงสุดแห่งจิตวิญญาณไม้ พลังชีวิตและอัตราการฟื้นตัวของสัตว์อสูรกลืนชีวิตที่อยู่ใน นั้นน่ากลัวมากจนแม้แต่เจี้ยนเฉินที่บ่มเพาะร่างบรรพกาลก็ไม่อาจเทียบได้
เขาเคยเห็นพลังของจอมปราชญ์สูงสุดแห่งจิตวิญญาณไม้มาก่อน
การพูดคุยของพวกเขาสิ้นสุดลง แต่จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ยังคงอยู่ในรังไหมสีแดงโลหิต ทำให้เฉินเจี้ยนและเจี้ยนเฉินทั้งคู่เก็บตัวบ่มเพาะ
อย่างไรก็ตามเจี้ยนเฉินมีวิถีการบ่มเพาะที่ง่ายมาก เขาเอาแกนเนื้อกุสต้าออกมาและดูดซับพลังงานที่มหาศาลจากแกนเนื้อของมันก่อนจะเปลี่ยนให้เป็นพลังบรรพกาล
หลังจากที่มาถึงขั้น 15 ของร่างบรรพกาลแล้ว เม็ดพลังบรรพกาลของเขาก็กลับมามีขนาดเท่าเดิม เขาไม่มีพลังบรรพกาลมากและหลังจากที่สู้กันสองสามครั้งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทำให้พลังบรรพ พกาลของเขาใกล้จะหมดลงมานานแล้ว
ย้อนกลับไปที่โลกดาวทมิฬ เขาไม่อาจหาทรัพยากรจำนวนมากเพื่อมาเติมเต็มพลังบรรพกาลของเขาได้ ท้ายที่สุดแล้วพลังงานที่ต้องการกลั่นพลังบรรพกาลแต่ละเส้นหลังจากที่มาถึงขั้น 15 ได้ทว วีคูณหลายสิบเท่า มันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะชดเชยได้ด้วยสมบัติสวรรค์ทั่ว ๆ ไป
หลังจากที่เขากลับไปที่ตระกูลเทียนหยวนและรวบรวมแกนเนื้อ แต่เขาก็ถูกบังคับให้วิ่งพล่านอีกครั้งเพื่อจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าจะข้ามผ่านระยะทางมากมายในมิติอวกาศ เขา ก็เลยไม่มีเวลามาเติมเต็มพลังบรรพกาลของเขาอย่างแน่นอน
ตอนนี้เป็นโอกาสดี เจี้ยนเฉินถูกขังอยู่บนดาวเคราะห์นิรนามที่ไม่อาจจากไปได้ เขาจึงถือโอกาสนี้ทำการบ่มเพาะ