เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2929: ความแตกต่างของสายเลือด
ตอนที่ 2929: ความแตกต่างของสายเลือด
การบ่มเพาะเป็นสิ่งที่อยู่เหนือกาลเวลาซึ่งผืนดินก็กลายเป็นมหาสุมทรได้ในพริบตา เจี้ยนเฉินสนใจแต่การบ่มเพาะเพียงอย่างเดียว เจี้ยนเฉินไม่ได้ตระหนักเลยว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว สิ่งเดียวที่เขารู้คือเม็ดพลังบรรพกาลของเขามันมีพลังบรรพกาลมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งมันก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ
ใครจะรู้ได้ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหนกว่าเม็ดพลังบรรพกาลของเจี้ยนเฉินจะขยายไปจนถึงขีดสุด พลังบรรพกาลที่อยู่ข้างในซึ่งเต็มเปี่ยมจนไม่อาจรับพลังบรรพกาลเข้าไปได้อีกแล้ว
เจี้ยนเฉินค่อย ๆ ลืมตาขึ้น สายตาของเขาจ้องมองไปที่แกนเนื้อในมือโดยไม่รู้ตัว และเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มด้วยความพึงพอใจ
“ดีมาก หลังจากถึงจุดสูงสุดของร่างบรรพกาลขั้น 15 แล้ว พลังงานที่ถูกใช้ของแกนเนื้อกุสต้าก็หายไปเพียง 1/100 โชคดีที่ข้าได้รับสิ่งนี้จากที่ราบรกร้าง ไม่อย่างนั้นร่างบรรพกาลของข้าจะเต็มไปด้วยความยากลำบาก” เพียงพลิกมือของเขา แกนเนื้อกุสต้าก็หายไปและถูกเก็บไว้ในแหวนมิติของเขา
ในตอนนี้เกิดเสียงดังก้องเบา ๆ ออกมาจากสถานที่ที่ดูเหมือนจะห่างไกลและมาถึงหูของเจี้ยนเฉิน พร้อมกับพลังงานสองแห่งที่เป็นของขั้นอสงไขย
เจี้ยนเฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาขยายสัมผัสวิญญาณของเขาโดยทันทีและมันก็ครอบคลุมถึงหลายล้านกิโลเมตรและพื้นที่ทั้งหมดของการต่อสู้ทันทีเช่นกัน
ลูกบอลพลังงานทั้งสองลูกที่เป็นของขั้นอสงไขยปะทะกันอย่างรวดเร็วจนส่งเสียงดึงกึกก้อง กฏกระบี่ที่แหลมคมและกฏสังหาร ปะทะกันครั้งแล้วครั้งเล่า การปะทะนั้นรุนแรงมากและพวกเขาก็ต่อสู้กันจนผืนดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
ถ้าไม่ใช่ความจริงที่ว่า ดาวเคราะห์นิรนามนี้ถูกห่อหุ้มด้วยค่ายกลที่ทรงพลัง การปะทะกันระหว่างกฏของขอบเขตตั้งต้นทั้งสองอาจจะทำให้ผืนดินแหลกสลายไปนานแล้ว
อย่างไรก็ตามไม่ว่าพลังงานทั้งสองจะรุนแรงและมีพลังทำลายล้างแค่ไหน พวกมันก็ไม่อาจสั่นสัมผัสทางวิญญาณที่ทรงพลังเทียบเท่ากับขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 9
ทำให้พลังสัมผัสของเจี้ยนเฉินกวาดไปทั่วทุกที่ของการต่อสู้และรู้แจ้งได้อย่างชัดเจน
“จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ ! ” เจี้ยนเฉินรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที การปะทะกันของขั้นอสงไขยทั้งสองคือเฉินเจี้ยนและจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์
แม้กระทั่งเขาก็ไม่รู้ว่าเขาบ่มเพาะมานานแค่ไหนแล้ว เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยพลังปราณห่อหุ้มได้สู้กับเฉินเจี้ยนอย่างเต็มกำลัง
ในเวลาต่อมา ร่างของเจี้ยนเฉินก็หายไป เขาใช้กฏมิติเพื่อมายังพื้นที่รอบนอกที่พวกเขาสู้กัน คลื่นพลังจากการต่อสู้ปะทะเข้ากับเจี้ยนเฉินทำให้ผมของเขาปลิวไสวอย่างบ้าคลั่ง เสื้อผ้าของเขาก็ปลิวสะบัดไปมา
“คารวะ ผู้อาวุโสลม ! ”
สัมผัสของเจี้ยนเฉินยังไม่เพียงแต่จะพบกับผู้อาวุโสลม เมื่อเขามาที่นี่เขาก็พบว่าผู้อาวุโสลมก็อยู่ที่นี่เช่นกัน ทันใดนั้นเขาก็ป้องมือและทำการคารวะทักทายอย่างเคารพ
ผู้อาวุโสลมก็ไม่ได้เปลี่ยนรูปลักษณ์แต่อย่างใด เขายังคงผมกระเซิงและแต่งกายแบบขอทาน เขาพยักหน้าให้เจี้ยนเฉินก่อนที่จะมองกลับไปที่เฉินเจี้ยนและจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์
เจี้ยนเฉินไม่รบกวนการต่อสู้ของพวกเขา เขายืนอยู่ข้าง ๆ ผู้อาวุโสลมและให้ความสนใจอย่างเต็มที่กับการต่อสู้ของคนทั้งสอง
ด้วยความเข้าใจของเขา เขาสามารถบอกได้เพียงแว่บเดียวเลยว่าจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์และเฉินเจี้ยนต่างก็ใช้พลังเต็มที่ โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาไม่ได้ออมมือเลย พวกเขาใช้ทักษะลับและทักษะการต่อสู้ระดับเทพอย่างไม่หยุดและดูเหมือนว่าพวกเขาจะสู้กันให้ตายไปข้าง
หากคนนอกเห็นสิ่งเหล่านี้ พวกเขาอาจจะเชื่อว่าพวกเขาสองคนนั้นมีเรื่องคับข้องใจที่หาทางออกกันไม่ได้
อย่างไรก็ตามเจี้ยนเฉินเชื่อว่า เมื่อผู้อาวุโสลมอยู่ที่นี่และยังเป็นคนที่อีกก้าวเดียวก็จะเป็น ‘จอมปราญสูงสุด’ แล้ว ชีวิตของพวกเขาจะไม่ตกอยู่ในอันตรายใดๆ ไม่ว่าพวกเขาจะต่อสู้กันอย่างไร
“ไม่เลว ไม่เลว….” ผู้อาวุโสลมยิ้มเล็กน้อยและกล่าวชมเชยเป็นครั้งคราว อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องลึกลับไม่ว่าเขาจะยกย่องเฉินเจี้ยนหรือจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ เขาก็จะพูดว่า ‘ไม่เลว’
เจี้ยนเฉินก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจในไม่ช้า แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะเป็นขั้นอสงไขย แต่ความแข็งแกร่งของจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นอยู่ที่ชั้นสวรรค์ที่ 2 ในขณะที่การบ่มเพาะของเฉินเจี้ยนอยู่ชั้นสวรรค์ที่ 3 อย่างไรก็ตามการต่อสู้ของพวกเขาทำให้ชั้นเจี้ยนเฉินค่อนข้างโง่งม จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เพียงสวรรค์ชั้นสองสามารถเอาชนะเฉินเจี้ยนที่อยู่ชั้นสวรรค์ที่ 3ได้อย่างสมบูรณ์
จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ที่เสียเปรียบในขั้นการบ่มเพาะกลับเอาชนะคนที่ขั้นมากกว่าได้อย่างแท้จริง
“จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ทรงพลังมากจริง ๆ เมื่อมองไปที่พลังการต่อสู้ของเขา มันเป็นไปได้ที่เขาจะรับมือกับคนที่อยู่ชั้นสวรรค์ที่ 4 ได้ด้วยซ้ำ แม้ว่าเขาจะอยู่แค่สวรรค์ชั้นสองก็ตาม คนที่อยู่สวรรค์ชั้นสี่ปกติบางคนก็ไม่อาจรับมือกับจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ได้ด้วยซ้ำ”เจี้ยนเฉินตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นความแข็งแกร่งของจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างแท้จริง
“เอาล่ะ ทั้งสองหยุดได้แล้ว” ผู้อาวุโสลมพูดอย่างกะทันหัน
คำพูดของผู้อาวุโสลมทรงพลังมาก ทุกสิ่งที่เขาพูดและทำอาจจะทำให้กฏของโลกตอบสนอง ทันทีที่เขาพูดอย่างนั้น พลังที่มองไม่เห็นก็ดึงจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์และเฉินเจี้ยนออกจากกัน
จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์และเฉินเจี้ยนก็หยุดลง พวกเขาทั้งสองเดินไปหาผู้อาวุโสลมและป้องมือให้
ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ต่างเต็มไปด้วยเลือด อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงแค่รอยขีดข่วน ไม่มีอะไรหนักเกินไป
“Brother, you’ve roused?” Sacredfeather discovered Jian Chen. His young, valiant, and resolute face immediately became filled with undisguisable joy and excitement.
“พี่ชาย ท่านมาแล้ว ? ” จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์พบเจี้ยนเฉิน ใบหน้าอ่อนเยาว์และกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของเขาก็เต็มไปด้วยความสุขและความตื่นเต้นที่ไม่อาจระงับเอาไว้ได้
เจี้ยนเฉินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เขาฟื้นฟูได้อย่างสมบูรณ์ และเมื่อเห็นจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์กับความสามารถในการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาของเขา ทำให้เจี้ยนเฉินรู้สึกดีใจ นอกจากนี้ยังทำให้เขารู้สึกว่าการเดินทางไปยังดาวทมิฬไม่ได้ไร้ผลเสียทีเดียว
ตอนนี้จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนโชคร้ายให้กลายเป็นโชคดีครั้งใหญ่
“สายเลือดของจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นทรงพลังมาก เฉินเจี้ยนตอนนี้เจ้ายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่ไม่จำเป็นต้องเสียใจเพราะเจ้ายังเติบโตไม่เต็มที่ เจ้ายังมีความสามารถหลายอย่างที่ยังไม่สมบูรณ์ เมื่อเจ้าโตกว่านี้ เจ้าก็จะอยู่ในระดับเดียวกับจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่ความแตกต่างก็จะไม่เห็นมาเท่าที่ตอนนี้ “ผู้อาวุโสลมกล่าวอย่างเป็นมิตร
“ผู้อาวุโสลม ท่านหมายความว่าแม้ว่าทุกด้านของข้าจะโตเต็มที่ แต่ข้าก็ยังด้อยกว่าจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ดี ? ” เฉินเจี้ยนค่อนข้างหดหู่
“อย่าเทียบตนเองกับจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ ในโลกนี้มีเผ่าพันธุ์ไม่มากนักที่จะเทียบได้กับสายเลือดของจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าเจ้าจะฟื้นฟูสายเลือดของเจ้าจากเผ่าจรัสจนถึงขีดสุดก็ตาม และไปถึงระดับเดียวกับบรรพชนคนแรกของเผ่ากระบี่จรัส เจ้าก็ยังแย่กว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ นับประสาอะไรกับตอนนี้ที่สายเลือดยังคงเบาบางมาก”
“เฉินเจี้ยน เจ้าโดดเด่นมากจริง ๆ ความสามารถของเจ้าแทบจะไม่เคยปรากฏมาก่อนแม้แต่ในโลกเซียน มีไม่กี่คนที่จะมีคนสู้เจ้าได้ เจ้าแค่แย่นิดหน่อยเมื่อเจ้าเกิด” ผู้อาวุโสลมหยุดนิ่งราวกับว่าเขารู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นไม่เพียงเขา เขาเลยพูดเสริมว่า”จริง ๆ แล้วเจ้าไม่อาจพูดได้ว่าเจ้าแย่ตั้งแต่เกิด ท้ายที่สุดมีเผ่าพันธุ์มากมายที่มีสายเลือดที่ทรงพลังเช่นนี้ในหกโลก”
เมื่อได้ยินว่าผู้อาวุโสที่เขานับถือและเกือบจะอยู่ในระดับคงกระพันพูดเกี่ยวกับสายเลือดของจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์มากเพียงใด เฉินเจี้ยนตกใจมากเท่านั้น เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปที่จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์และถามอย่างสงสัยว่า “จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ เจ้ามีสายเลือดอะไร ? ”
จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่พูดอะไร แต่ผู้อาวุโสลมพูด “ถ้าข้าเดาไม่ผิด สายเลือดของจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นคงมีอยู่ในตำนานเท่านั้น”