เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 293: ประสบการณ์ชีวิตของหมิงตง
ตอนที่ 293: ประสบการณ์ชีวิตของหมิงตง
เทวะสถานโอ่อ่ามากด้านใน และนอกเหนือไปจากบัลลังก์ ไม่มีอย่างอื่นในพระราชวังเลย แม้แต่ต้นเสาสักต้นยังไม่มีให้เห็นเลย ทำให้เจี้ยนเฉินสงสัยว่าหลังคามันตั้งอยู่ได้อย่างไร ตรงหน้าบัลลังก์มีร่างที่สวมชุดขาวยืนหันหลังให้พวกเขาอยู่
เจี้ยนเฉินและหมิงตงเดินไปข้างหน้าแล้วไปหยุดที่กึ่งกลางของโถง พวกเขาประสานมืแล้วก้มหัวให้กับผู้เฒ่า “พวกเราขอคารวะศิษย์พี่!”
“เฮ้อ…” เสียงถอนหายใจยาวดังออกมาจากผู้เฒ่า หลังจากนั้น ชายคนนี้ก็หัวมาอย่างช้า ๆ เพื่อที่จะให้เจี้ยนเฉินและหมิงตงเห็นหน้าตาของเขาได้ เขาเป็นชายวัยกลางคนที่ดูมีอายุประมาณ 40 ปีที่ดูสูงส่ง
ชายชุดขาวมองไปที่หมิงตงด้วยสายตาแปลก ๆ ที่ดูเหมือนจะทะลุผ่านทุกอย่างและกาลเวลาได้อย่างไม่โดนปิดบัง หลังจากผ่านไปสักพัก ชายวัยกลางคนก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้งในขณะที่เขาละสายตาออกจากหมิงตงและมองขึ้นไปเบื้องบนตรงทิศที่มีสวรรค์อยู่ “5,000 ปี….หลังจากที่ผ่านมา 5,000 ปี….. ยี่เทียน ข้าพบลูกหลานของเจ้าแล้ว ข้าทำความปรารถนาสุดท้ายของเจ้าสำเร็จแล้ว….”
“5,000 ปี ! ” หลังจากนั้น เจี้ยนเฉินและหมิงตงก็มองหน้ากันอย่างประหลาดใจ เป็นไปได้ไหมว่าชายที่ดูเหมือนจะอายุเพียง 50 ปีคนนี้จะมีอายุได้ถึง 5,000 ปีจริงจริง ? ทั้งสองคนไม่ได้ยินคำพูดต่อจากนั้น
“เฮ้อ…” เหมือนว่าเขากำลังนึกบางอย่างในอดีตอยู่ ชายคนนั้นถอนหายใจก่อนที่จะยิ้มให้หมิงตง “เจ้าหนุ่ม มานี่”
หมิงตงเดินไปข้างหน้าช้าช้าอย่างกังวลก่อนที่จะพูดออกมา “ศิษย์พี่!”
ภายในมือที่ว่างเปล่าของชายผู้นั้นก็มีหยกสีเขียวปรากฏขึ้นมา ในตอนที่หมิงตงเห็นหยกนั้น ตาของเขาก็จ้องไปที่มัน
“เจ้าหนุ่ม เจ้ารู้สึกถึงเสียงเรียกที่แปลก ๆ ในตอนนี้ที่ทำให้เจ้าไม่สามารถคิดอะไรได้เองหรือเปล่า?”
“ขอรับศิษย์พี่ ! ” แม้แต่ในตอนนี้ตาของหมิงตงก็ยังอยู่ที่หยกชิ้นนั้น
“ข้าครอบครองหยกชิ้นนี้มากว่าห้าพันปีแล้วและข้าได้รับมันมาจากบรรพบุรุษ นี่เป็นผลงานที่สะสมมาทั้งชีวิตของเขา เขาบอกข้าว่าสักวันหนึ่งถ้าข้าไปพบกับลูกหลานของเขาเข้า ข้าควรจะให้ชิ้นหยกนี้ไป ในตอนนี้ ข้าสำเร็จความปรารถนาครั้งสุดท้ายของสหายเก่าของข้าได้สำเร็จแล้ว” เสียงของชายคนนั้นตื้นตันในตอนที่เขาพูดอกมา เขาโบกมือ แล้วชิ้นหยกก็ถูกล้อมรอบไปด้วยแสงสว่างแปลก ๆ ก่อนที่มันจะลอยไปที่หมิงตง
เมื่อเห็นชิ้นหยกที่กำลังลอยมา หมิงตงก็รู้สึกถึงสัมผัสที่รุนแรงที่มือของเขาทันทีที่เขายื่นมือออกไปคว้าชิ้นหยก ในตอนนี้ เขารู้สึกถึงความลึกลับมากมาก
หมิงตงคิดต่อสักพักอย่างสับสนก่อนที่จะหันไปที่ชายชุดขาวและถามด้วยน้ำเสียงที่สงสัย “ศิษย์พี่ ชิ้นหยกนี้เป็นของบรรพบุรุษของข้าจริงเช่นงั้นหรือ ? ใครกันที่เป็นบรรพบุรุษของข้า ? เป็นไปได้ไหมว่าท่านเจอคนผิด ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องบรรพบุรุษของข้ามาก่อนเลยในชีวิต”
“เฮ้อ…” ชายวัยกลางคนถอนหายใจออกมาอีกครั้งด้วยความFศกเศร้า ก่อนที่เขาจะพึมพำ “ยี่เทียน ข้าไม่คิดเลยว่า หลังจากที่ผ่านมา 5,000 ปี ลูกหลานของเจ้าจะลืมเรื่องเจ้า” เหมือนว่าเขากำลังใจสลาย ชายวัยกลางคนหันไปมองที่หมิงตง “เจ้าหนุ่มา เจ้าชื่ออะไร ? “
“ศิษย์พี่ ข้าชื่อหมิงตง ! ” หมิงตงตอบกลับ
“หมิงตง… หมิงตง งั้นหรือ? เป็นชื่อที่ดี” ชายวัยกลางคนคิดสักครู่ก่อนที่จะพูดออกมา “เจ้าหนุ่ม ให้ข้าเล่าให้เจ้าฟังเกี่ยวกับสถานการณ์ของตระกูลหมิงของเจ้าเมื่อตอนห้าพันปีที่แล้วว่าเป็นอย่างไร”
ชายคนนั้นครุ่นคิดก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าเหมือนว่าเขากำลังนึกบางอย่าง “ห้าพันปีที่ผ่านมา ตระกูลหมิงของเจ้าเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลมาก ในเวลาเดียวกัน ตระกูลหมิงของเจ้าก็มีอัจฉริยะอยู่ 1 คน เมื่อตอนอายุ 30 ปี เขาสามารถกลายเป็นเซียนปฐพีได้ เขาคือบรรพบุรุษของเจ้า หมิง ยี่เทียน”
“บรรพบุรุษของเจ้าและข้าได้พบกันโดยบังเอิญและกลายเป็นเพื่อนรักกันอย่างรวดเร็ว พวกเราร่วมกันตั้งกลุ่มทหารรับจ้างและร่วมทุกข์ร่วมสุขหลายอย่างมาด้วยกัน พวกเราต่อสู้ฆ่าฟันไปด้วยกันหลายศึกและหนีจากอันตรายมาได้ร่วมกัน บรรพบุรุษของเจ้าและข้าเป็นสหายรักที่ความตายก็แยกพวกเราออกจากกันไม่ได้”
“หนึ่งร้อยปีต่อมา ทั้งหมิงยี่เทียนและข้าก็ได้กลายเป็นเซียนสวรรค์ในระดับสูงสุด มาถึงจุดนี้ พวกเราทั้งคู่เบื่อหน่ายกับชีวิตทหารรับจ้างและแยกตัวออกมา พวกเรามาที่ป่าเก่าลึกภายในภูเขานี้และเตรียมที่จะละสังขาร”
“สิบปีต่อมา พวกเราทั้งสองได้ตัดผ่านไปเป็นเซียนผู้คุมกฎ หลังจากนั้น พวกเราก็ออกเดินทางอีกครั้ง และไปในหลาย ๆ ที่เพื่อที่จะหาประสบการณ์ อีกสิบปีต่อมา ทั้งบรรพบุรุษของเจ้าและข้าก็แข็งแกร่งขึ้นมาก และพวกเราก็ตัดสินใจที่จะเข้าไปที่รังแห่งความตาย ข้ากำลังจะถูกคำสาป แต่บรรพบุรุษของเจ้า หมิงยี่เทียนก็ได้ช่วยข้าเอาไว้โดยการสละชีวิตของตัวเอง เขารับการโจมตีและช่วยชีวิตข้าเอาไว้”
เมื่อเล่ามาถึงตรงนี้ ใบหน้าของชายคนนี้ก็เคร่งเครียดเหมือนว่าเขาพยายามจะซ่อนความโศกเศร้าเอาไว้ “รังแห่งความตายเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดในทวีปเทียนหยวน ด้วยความแข็งแกร่งในระดับเซียนผู้คุมกฎของพวกเรา ทำให้พวกเราไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ คำสาปนั้นแข็งแกร่งเกินไป และแม้แต่ด้วยความแข็งแกร่งของยี่เทียน เขาก็ไม่สามารถต้านการสลายได้ และเขาก็ตายไปภายในสองเดือน”
“หลังจากที่เขารู้ว่าความตายเข้ามาใกล้แล้ว เขาก็กำลังจะกลับไปใช้ชีวิตสองสามวันสุดท้ายอย่างมีความสุขกับตระกูลหมิง สิ่งที่เขาไม่คิดเลยในตอนที่เขากลับไปถึงตระกูลหมิงก็คือการที่ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว ตระกูลที่เคยรุ่งเรืองไม่มีอยู่อีกแล้ว สามสิบปีก่อนหน้านี้ พวกเขาถูกกำจัดไปโดยศัตรูเก่า ในขณะที่ลูกหลานของตระกูลหมิงก็กระจัดกระจายไป ทุกคนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย”
“เพราะว่าบรรพบุรุษของเจ้าและข้าแยกตัวออกมาจากทวีปโดยที่ไม่ได้ติดต่อใครเลย พวกเราจึงไม่ได้รับข้ามูลเกี่ยวกับตระกูลหมิง ดังนั้นหลังจากที่พวกเขาโดนกำจัด พวกเราก็ไม่อาจรู้ได้ว่าพวกเขาไปอยู่ที่ไหน”
“ผลสรุปของโศกนาฏกรรมนี้ทำให้บรรพบุรุษของเจ้า หมิงยี่เทียนเสียใจเป็นอย่างมาก เขาไม่คิดว่าในวาระสุดท้ายของชีวิตของเขา ตระกูลของเขาเองจะพบจุดจบที่โหดร้าย ข้าอยู่เคียงข้างเขาและรับรู้ความรู้สึกของเขา จากความเสียใจทั้งหมด มันทำให้เขาถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาเป็นเลือด”
“หลังจากนั้น หมิงยี่เทียนและข้าก็เริ่มตามหาคนที่ต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับการทำลายล้างตระกูลหมิง โชคร้ายที่พวกเราไม่แข็งแกร่งเหมือนที่พวกเราเคยเป็นและพวกเราก็มีกันแค่สองคน นอกเหนือไปจากนั้น พวกเราทั้งคู่ก็มีศัตรูอยู่มากมาย และหลังจากที่ผ่านไป 30 ปี ทุกคนก็ลืมเรื่องของตระกูลหมิงไปแล้ว ทำให้ร่องรอยต่าง ๆ ก็หายไป ในเวลาสั้น ๆ 2 เดือน พวกเราไม่สามารถหาเบาะแสอะไรได้เลย และพวกเราก็ไม่พบคนที่รอดชีวิตที่จะบอกพวกเราอะไรได้เลย”
ในตอนนี้ใบหน้าของขายคนนี้เศร้าสร้อยในขณะที่เขาพูดออกมาอย่างเสียใจ “สองเดือนต่อมา เพราะคำสาปที่แข็งแกร่ง หมิงยี่เทียนก็จากโลกนี้ไปอย่างค้างคา ก่อนที่เขาจะตาย เขาได้ใช้จิตวิญญาณของเขาในการสลักประสบการณ์ชีวิตจองเขาทั้งหมดไว้ในชิ้นหยกก่อนที่จะฝากฝังมันไว้กับข้า เขาบอกว่าถ้าวันหนึ่งข้าได้ไปพบกับลูกหลานของเขาเข้า ข้าต้องส่งชิ้นหยกนี้ให้ไป นั่นเป็นความปรารถนาสุดท้ายของเขา”
“การตายของยี่เทียนทำให้ข้าโศกเศร้าเป็นอย่างมาก เขาและข้าเป็นยิ่งกว่าสหายและเป็นยิ่งกว่าพี่น้องที่คลานตามกันมา เขาเสียสละชีวิตเพื่อข้า ดังนั้นในตอนที่เขาให้ชิ้นหยกนี้กับข้ามา ข้าก็เดินทางไปทั่วทั้งทวีปเทียนหยวนเพื่อที่จะหาคนที่มีส่วนรับผิดชอบในการตายของตระกูลของเขาเช่นเดียวกับหาผู้รอดชีวิต 300 ปีต่อมา ข้าได้พยายามกำจัดหลายคนที่เกี่ยวข้องกับการตายของตระกูลของเขา แต่ก็ไม่มีข่าวเกี่ยวกับตระกูลหมิงเลย จนถึงวันนี้ นี่เป็นความเสียใจที่สุดของข้า”
เขาถอนหายใจยาวแล้วมองกลับไปที่หมิงตง “แต่สวรรค์ก็มีเมตตา ใครจะรู้ว่าหลังจากที่ผ่านมา 5,000 ปีแล้ว ข้าจะได้พบกับลูกหลานของตระกูลหมิงกัน ? ถ้ายี่เทียนรู้เรื่องนี้ เขาต้องตายอย่างสงบแน่”
หลังจากที่ได้ยินเรื่องเล่าของชายผู้นี้แล้ว หมิงตงก็พูดไม่ออก คำพูดของชายผู้นี้นั้นน่าตกใจและตื้นตันมาจนยากที่เขาจะรับได้
เขาไม่คิดว่าตระกูลหมิงจะยิ่งใหญ่แต่ก็มีโศกนาฏกรรมอยู่เบื้องหลังแบบนี้
แม้แต่เจี้ยนเฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาก็ตกใจ สิ่งที่ทำให้เขายิ่งประหลาดใจมากกว่าคือเรื่องที่ชายผู้นี้เป็นเซียนผู้คุมกฎและมีชีวิตมากว่าห้าพันปีแล้ว นี่ทำให้เจี้ยนเฉินนับถือเขาเป็นอย่างมาก
ชายคนนี้เดินไปหาหมิงตงและมองไปที่เขาเหมือนศิษย์พี่กำลังมองศิษย์น้อง มันเหมือนกับว่าเขากำลังมองลูกหลานของตัวเอง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนที่ซับซ้อนเกินกว่าที่จะอธิบายได้
“เจ้าหนุ่ม เจ้าต้องมาเข้าร่วมในการชุมนุมทหารรับจ้างครั้งนี้แน่” ชายคนนั้นพูดกับหมิงตง
หมิงตงได้แต่พยักหน้าเงียบ ๆ เขายังไม่ได้สติจากความตกใจ
“ท่านพ่อท่านแม่ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ? ” ชายผู้นั้นถาม
“พวกเขายังมีชีวิตอยู่ ทั้งท่านพ่อและท่านแม่ของข้าอาศัยอยู่ในหมู่บ้านในภูเขา ปู่ของข้าตกจากผาและตายในตอนที่ออกล่า”
ชายผู้นั้นถอนหายใจออกมาอย่างเสียใจก่อนที่จะพูดออกมา “หลังจากที่การชุมนุมทหารรับจ้างจบแล้ว ได้โปรดพาข้ากลับที่หาครอบครัวของเจ้าด้วย ข้าจะดูแลพวกเขาแทนยี่เทียนเอง แบบนั้นข้าจะได้ทำให้ลูกหลานของยี่เทียนมีชีวิตที่ดีขึ้น ในฐานะที่เป็นพี่น้องกับเขา นี่เป็นอะไรที่ลืมไม่ได้ ข้าติดหนี้เขาอยู่มาก”
“ข้าน้อยขอบคุณศิษย์พี่ ! ” หมิงตงยินดีมาก ถ้ามีชายคนนี้ ชีวิตที่เรียบง่ายและเรื่อย ๆของครอบครัวของเขาก็คงไม่มีอะไรที่เขาต้องห่วง เพราะว่า ชายคนนี้เป็นเซียนผู้คุมกฎที่มีอายุมากว่าห้าพันปี และเซียนสวรรค์หลายคนคงเคารพเขาเหมือนเป็นพระเจ้า ด้วยการที่มีจอมยุทธคนนี้ ครอบครัวของเขาคงอยู่อย่างราบลื่น
ใบหน้าที่เศร้าเสียใจของชายคนนี้ค่อย ๆ หายไปในขณะที่เขายิ้มออกมา “เจ้าหนุ่ม บรรพบุรุษของเจ้าเป็นสหายที่ดีที่สุดของข้า ไม่จำเป็นต้องเรียกข้าว่าศิษย์พี่หรอก ถ้าเจ้าไม่รังเกียจ เรียกข้าว่าลุงเทียนเถอะ”
“ครับ ท่านลุงเทียน ! ” หมิงตงเอ่ยออกมาอย่างเคารพ
ชายผู้นี้ยิ้มอย่างอบอุ่นในขณะที่เขาพูดออกมา “เจ้าหนุ่ม ความแข็งแกร่งของเจ้ายังน้อยนัก จากนี้ไป เจ้าควรจะอยู่กับข้า ข้าจะทุ่มเทกำลังทั้งหมดของข้าและมันอาจจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเจ้าได้ ยุครุ่งเรืองของตระกูลหมิงจะกลับมาได้หรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว อย่าได้ทำให้บรรพบุรุษของเจ้าผิดหวัง”