เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2930: สี่เผ่าของโลกปีศาจ
ตอนที่ 2930: สี่เผ่าของโลกปีศาจ
จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์กระพริบตาและไม่พูดอะไร แต่เขารู้สึกประหลาดใจอย่างมากที่ผู้อาวุโสลมสามารถระบุตัวตนของเขาได้
เฉินเจี้ยนจ้องไปที่จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ด้วยความแปลกใจสักพัก ท่าทางของเขาดูเหมือนว่าเพิ่งจะรู้จักจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์เป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตามเฉินเจี้ยนไม่คุ้นเคยกับจ จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นด้วยความอยากรู้เขาจึงถามทันทีว่า “ผู้อาวุโสลม สายเลือดของจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นมีพลังมากขั้นนั้นเลยหรือ ? ”
ผู้อาวุโสลมพยักหน้า “สายเลือดของจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นทรงพลังจริง ๆ ในบรรดาทั้งหกโลกมีเพียงสายเลือดเดียวที่เหนือกว่าของจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์คือผู้สืบทอดเทพเจ้า สงคราม
“เทพเจ้าสงคราม เป็นเผ่าเทพที่เป็นสายเลือดที่ทรงพลังที่สุด และเป็นมรดกที่ได้รับการยอมรับจากสาธารณชนของโลกทั้งหก ด้วยเหตุนี้เมื่อเทพเจ้าสงครามถือกำเนิดขึ้นมา บรรดาเผ่าพันธุ์ ทั้งหลายจากโลกทั้งหกก็ไร้ข้อโต้แย้งใด ๆ เทพเจ้าสงครามไม่เคยที่จะได้พบการคู่ต่อสู้ที่สูสีในระดับขอบเขตการบ่มเพาะเดียวกัน”
“แน่นอนว่าเจ้าสามารถพูดได้ว่ามันไม่มีใครที่จะต่อสู้กับเทพเจ้าสงครามได้”
“รองจากเทพเจ้าสงครามคือจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ หากสายเลือดเทพเจ้าสงครามเป็นที่ 1 จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ก็จะเป็นที่ 2”
“แต่จากยุคก่อน ๆ มีเพียงเทพเจ้าสงครามเท่านั้นที่จะเป็นที่ 1 ในบรรดาสายเลือดทั้งหมด ส่วนที่สองก็ยังมีเปลี่ยนไปบ้าง ก่อนที่โลกของปีศาจจะแตกมันก็มีสายเลือดถึง 4 สายที่อยู่ในอัน นดับ 2”
“4 ? ผู้อาวุโสลม ท่านกำลังจะบอกว่านอกจากจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยังมีสายเลือดอื่น ๆ อีก 3 สายที่เทียบเท่ากับข้าด้วย ? ” จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์กล่าวด้วยความประหลาดใ ใจ เขารู้เพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับสายเลือดของจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์จากโมเทียนหยุน แต่มันก็เป็นแค่ความรู้ระดับผิวเผินเท่านั้น เขาไม่รู้เลยว่ามีสายเลือดอื่นที่อยู่ในระดับ เดียวจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์
ผู้อาวุโสลมพยักหน้า “ใครจะรู้ว่าโลกปีศาจได้แตกสลายไปนานแค่ไหนแล้ว แต่มันก็ยังเป็นโลกหลักอยู่ดี มีบันทึกต่าง ๆ มากมายที่ตกทอดมาเกี่ยวกับโลกปีศาจ ข้ารู้เกี่ยวกับสายเลือดอัน นยิ่งใหญ่ทั้งสี่ก็เพราะบันทึกโบราณเหล่านี้เช่นกัน”
“นอกจากจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยังมีสายเลือดอื่น ๆ อีก 3 สายได้แค่ เต่าดำม่วงทอง,ปักษาอมตะสีชาด,มังกรทองเก้าเล็บ พวกเขาเป็นสี่เผ่าจักรพรรดิ ได้แก่ เผ่าพยัคฆ์ขาว, เผ ผ่าปักษาสีชาด, เผ่าเต่าดำและเผ่ามังกรฟ้า”
“จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์, เต่าดำม่วงทอง, ปักษาอมตะสีชาดและมังกรทองเก้าเล็บ ล้วนแต่มีสถานะในตระกูลที่คล้ายคลึงกับเผ่าเทพเจ้าสงครามของเผ่าเทพ พวกเขายืนอยู่บนจุดสูงสุดแล ละได้รับการยกย่องอย่างสูง”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ผู้อาวุโสลมก็ถอนหายใจ “ที่น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวก็คือนับตั้งแต่โลกปีศาจแตกเป็นเสี่ยง ๆ โดยพื้นฐานแล้วจะไม่มีจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์, เต่าดำม่วงทอง, ปักษาอมตะสีชาดและมังกรทองเก้าเล็บถือกำเนิดขึ้นมาได้ เนื่องจากข่าวลือต่าง ๆ ของทั้งสี่สายเลือดนี้ได้หายไปในบันทึกโบราณของทั้งสองโลก และโลกต่าง ๆ ก็ทำราวกับว่าทั้ง 4 สายเล ลือดนี้ได้หายไปจากโลกโดยสิ้นเชิง”
ผู้อาวุโสลมมองไปที่จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ด้วยความประหลาดใจ “ด้วยเหตุนี้เมื่อข้าเห็นสายเลือดของเจ้าครั้งแรกข้าก็ยังประหลาดใจอย่างมาก ข้าไม่คิดเลยว่าจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์ส สิทธิ์ที่หายไปจากตำนานก็ปรากฏตัวต่อหน้าข้าจริง ๆ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เจ้ามาที่โลกเซียนได้อย่างไร ? ”
“ตอนนั้นข้ามาที่โลกเซียนพร้อมกับพี่ชาย” จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์พูดออกมาเพียงเล็กน้อย ผู้อาวุโสลมคนนี้เปลี่ยนท่าทีอีกแล้ว ? ทำไมเขาต้องถามคำถามง่าย ๆ แบบนี้ ?
ผู้อาวุโสลมก็เข้าใจทันที “โอ้ เจ้ามาที่โลกเซียนพร้อมกับเจี้ยนเฉิน ? แล้วเจ้าไปที่ทวีปเทียนหยวนได้อย่างไร ? ”
คราวนี้ จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คนเดียวที่สับสน แม้แต่เจี้ยนเฉินและเฉินเจี้ยนก็สบตาเช่นกัน
“ผู้อาวุโสลม มันใกล้ได้เวลาที่ท่านจะออกไปแล้ว ? ” เฉินเจี้ยนถามอย่างระมัดระวัง เขารู้สึกเหมือนกับว่าเวลาที่ได้สติของผู้อาวุโสลมกำลังหมดไปและเขากำลังจะอยู่ในสภาวะเสียสติอีก กครั้ง
ผู้อาวุโสลมเหลือบมองไปที่เฉินเจี้ยนและพูดอย่างรำคาญว่า “หยาบคาย ข้าต้องให้เจ้าบอกว่าข้าควรจะไปแล้วหรือไม่งั้นรึ ? ไม่ต้องกังวล ตอนนี้จิตใจของข้ายังดีอยู่ ข้ายังไม่ได้เส สียสติ จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ ทำไมเจ้าไม่บอกข้าว่าเจ้าไปที่เทียนหยวนได้อย่างไร ? ” การจ้องมองของผู้อาวุโสลมเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสลมจริงจังแค่ไหน เจี้ยนเฉินก็อดไม่ได้ที่จะอธิบาย “ผู้อาวุโสลม จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์เกิดที่ทวีปเทียนหยวน”
“ห๋า ? เกิดที่ทวีปเทียนหยวน ? ” เมื่อได้ยินอย่างนี้ ผู้อาวุโสลมก็เต็มไปด้วยความตกใจ มีความไม่เชื่ออยู่บนใบหน้าของเขา เขาพึมพำกับตัวเอง “นั่นไม่สมเหตุสมผลเลย นั่นไม่สมเหตุสมผ ผลเลย จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์มาจากโลกปีศาจ ได้ถือกำเนิดในโลกขนาดเล็กที่อยู่ต่ำกว่าโลกเซียน แม้ว่าโลกปีศาจจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ แต่พวกเขาก็จะมาปรากฏตัวในโลกอมตะ เหตุใดพวกเขาจ จึงปรากฏตัวอยู่ใกล้กับโลกเซียน มันแปลกจริง ๆ….”
อย่างไรก็ตามจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่สนใจว่าจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์จะเกิดที่ไหน ตอนนี้เขาคิดได้คือเขามีตระกูลจริง ๆ เขาเริ่มที่จะตื่นเต้นด้วยความสนใจ “ผู้อาวุโสลม ข้า ได้ยินมาว่าท่านพูดถึงโลกปีศาจที่มีตระกูลจักรพรรดิ 4 เผ่า ตอนนี้โลกปีศาจแตกเป็นเสี่ยง ๆ แล้ว ข้าขอถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของตระกูลจักรพรรดิทั้งสี่ได้หรือไม่ ? ”
“พวกเขาเป็นเหมือนกับบรรดาจิตวิญญาณปราชญ์หรือเปล่า ทั้งสี่ตระกูลจักรพรรดิของโลกปีศาจ รวมถึงมรดกของเผ่าและเผ่าอื่น ๆ ก็ได้มาที่โลกอมตะ แม้ว่าโชคของพวกเขาจะดีกว่าพวกเราจิตวิญญ ญาณปราชญ์เล็กน้อย เราก็จ่ายค่าตอบแทนออกไปสูงมากเพื่อให้ได้มาซึ่งฐานที่อยู่ของเราในโลกเซียน ในขณะที่ตระกูลจักรพรรดิทั้งสี่ของโลกปีศาจได้หลอมรวมเข้าสู่โลกอมตะได้ง่ายขึ้น”
“แต่ตอนนี้พวกเขาไม่ได้เรียกตัวเองว่าตระกูลจักพรรดิอีกต่อไป พวกเขารวมกันเป็นตระกูลสัตว์เทพของโลกอมตะซึ่งเป็นกลุ่มองค์กรที่ไม่มีใครกล้ายุ่ง”
“โดยเฉพาะอย่างยิ่งราชาเทพสัตว์เทพในตระกูลของพวกเขามีความแข็งแกร่งอย่างมาก แม้ว่าเขาจะยังไปไม่ถึงจอมปราชญ์ แต่เขาก็เป็นคนเดียวที่ข้าไม่มีความมั่นใจที่จะเอาชนะเขาได้ในหกโลก กนี้”
“สายเลือดของราชาสัตว์เทพนั้นมีพลังมากกว่าจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์, เต่าดำม่วงทอง, ปักษาอมตะสีชาดและมังกรทองเก้าเล็บงั้นหรือ ? ราชาสัตว์เทพเป็นบรรพชนของมังกรหรือไม่ ? ”
“เจ้ารู้เกี่ยวกับการคงอยู่ของบรรพชนมังกรด้วย ? ” ผู้อาวุโสลมตกใจ จากนั้นเขาก็พูดตามความคิดของเขาออกมาว่า “ราชาสัตว์เทพไม่ใช่มังกรบรรพชน แต่เขามาจากเผ่ามังกรฟ้า สำหรับสายเล ลือดราชาสัตว์เทพจะเอามาเปรียบเทียบกับ สายเลือดของจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์, เต่าดำม่วงทอง, ปักษาอมตะสีชาดและมังกรทองเก้าเล็บนั้นก็ค่อนข้างยาก”
“สำหรับมังกรบรรพชน” มีความประหลาดใจแว่บผ่านสายตาของผู้อาวุโสลม “หากมังกรบรรพชนปรากฏขึ้นอีกครั้ง เทพเจ้าสงครามก็จะได้พบคู่ต่อสู้ของเขา”
“น่าเสียดายที่มังกรบรรพชนที่แค่ในตำนานเท่านั้น เนื่องจากพวกมันได้หายไปนานแล้ว…..”
หลังจากพูดอย่างนั้น สีหน้าของผู้อาวุโสลมก็ค่อนข้างไม่เป็นธรรมชาติ เขาโบกมือให้ทั้งสามและพูดว่า “เจ้าออกไปก่อน ถึงเวลาที่ข้าต้องไปแล้วเหมือนกัน”