เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2931: ทิศทางการบ่มเพาะ
ตอนที่ 2931: ทิศทางการบ่มเพาะ
ผู้อาวุโสลมจากไปอีกครั้ง เมื่อเขาจากไป เจี้ยนเฉิน, เฉินเจี้ยนจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ต่างก็กลับไปเก็บตัวบ่มเพาะเหมือนเดิม
การเก็บตัวบ่มเพาะนั้นจะพูดจริง ๆ ก็คือถ้ำที่พวกเขาขุดกันขึ้นมาเองอย่างไม่ใส่ใจ ถ้ำนั้นไม่ได้อยู่ไกลจากสมบัติสวรรค์ที่ปลูกไว้ในดาวเคราะห์นิรนาม
แม้ว่าพวกเขาทุกคนจะมีโถงศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้เขาอยู่ในสภาพแวดล้อมดี ๆ ได้ แต่ก็ไม่มีใครที่จะบ่มเพาะในโถงศักดิ์สิทธิ์
อย่างแรก ดาวเคราะห์นิรนามนี้นั้นปลอดภัยมาก ไม่จำเป็นที่พวกเขาจะต้องกังวลว่าพวกเขาจะถูกรบกวน
อย่างที่สอง การบ่มเพาะภายนอกทำให้พวกเขารู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น
แม้ว่าดาวเคราะห์นิรนามจะถูกละเลยไม่สนใจเลย แต่ก็เป็นเรื่องพิเศษอย่างแท้จริง ไม่เพียงแต่เขาถูกห่อหุ้มด้วยค่ายกลที่ทรงพลัง ทั้งวิถีและกฏก็ถูกรวบรวมเช่นกันและสมบัติสวรรค์ระ ะดับสูงจำนวนมากก็ถูกปลูกเอาไว้
“เจี้ยนเฉิน ดินนี่มีจิตวิญญาณเป็นของตัวเอง มันสามารถใช้ส่งเสริมทรัพยากรได้ ดังนั้นดินเหล่านี้จึงเป็นการบอกใบ้ทางอ้อมว่ามันมีกฏกำเนิดอยู่ การกินเข้าไปจะทำให้เกิดผลประโยชน์อย่า างยิ่งต่อการบ่มเพาะ”
“หยดน้ำค้างเหล่านี้ก็เก็บมาจากดอกไม้วิญญาณน้ำแข็ง จากที่ผู้อาวุโสลมพูด ดอกไม้วิญญาณน้ำแข็งเป็นสิ่งที่พิเศษมาก มันเหมาะสำหรับการเสริมสร้างวิญญาณและเป็นสิ่งของที่ใช้ได้เรื่อ อย ๆ แต่การจะให้ได้มันมานั้นยากมาก น้ำค้างจากดอกไม้วิญญาณน้ำแข็งแตกต่างจากน้ำค้างทั่ว ๆ ไป มันกลั่นตัวมาจากพลังของดอกไม้วิญญาณน้ำแข็งและแต่ละปีจะมีเพียงหยดเดียวเท่านั้น”
“หยดน้ำค้างเพียงหยดเดียวของดอกไม้วิญญาณน้ำแข็งประกอบไปด้วยพลังบริสุทธิ์อย่างมาก หากเจ้ากินน้ำค้างจากดอกไม้วิญญาณน้ำแข็งเป็นเวลานาน ๆ และบ่มเพาะ ไม่เพียงแต่พลังวิญญาณของเจ้ าจะเพิ่มอย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่ยังช่วยหลอมรวมวิญญาณของเจ้าด้วยเช่นกันทำให้จิตใจของเจ้าไม่มีอารมณ์เชิงลบใด ๆ ”
“สำหรับใบไม้เหล่านี้มีไว้สำหรับการกลั่นร่างกายโดยเฉพาะ ไม่เพียงแต่จะเสริมสร้างร่างกายทางกายภาพเท่านั้น แต่ยังเพิ่มอัตราการดูดซึมพลังงานดั้งเดิมของร่างกายได้อีกด้วย”
เฉินเจี้ยนเอาทรัพยากรล้ำค่าต่าง ๆ ที่ใช้ในการบ่มเพาะและแบ่งออกเป็น 0 กองให้เจี้ยนเฉินและจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่ได้เอาสมบัติสวรรค์มากมายอย่างที่เห็น มันเป็นการเก ก็บสุ่ม ๆ เล็กน้อยอย่างไม่สนใจเท่านั้น
แต่ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้มากมาย แต่ก็ยังเป็นของล้ำค่าและหายากสำหรับขั้นอสงไขย พวกมันต่างก็หายากมากที่จะได้รับหากอยู่ในโลกภายนอก
ผู้อาวุโสลมได้เพาะปลูกสมบัติสวรรค์ทั้งหมดนี้ด้วยตัวเอง
ในระดับการบ่มเพาะของผู้อาวุโสลม สมบัติสวรรค์จำนวนมากเหล่านี้นั้นไร้ประโยชน์สำหรับเขาแล้ว ดังนั้นสิ่งที่เขาปลูกเองมันจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
เจี้ยนเฉินและจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ลังเลที่จะรับสมบัติสวรรค์จากเฉินเจี้ยนเลย ไม่จำเป็นต้องทำตัวมีมารยาทระหว่างพวกเขาอีกต่อไป
เจี้ยนเฉินสนใจที่จะทดลองใช้ผลของสมบัติสวรรค์เหล่านี้
ในไม่ช้าเขาก็ได้รับสมบัติสวรรค์ทั้งหมดจากเฉินเจี้ยน และทันใดนั้นเองเขาก็ตกตะลึงอย่างประหลาดใจ
สมบัติสวรรค์จากเฉินเจี้ยนล้วนเป็นส่วนที่ไม่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นดิน, น้ำค้าง, หรือใบไม้ ทั้งหมดนี้สามารถบอกได้ว่าเป็นของขวัญได้
แต่แม้กระทั่งของขวัญเหล่านี้ก็ยังส่งผลชัดเจนต่อร่างกายของเขา
“ข้าจะไม่แข็งแกร่งขึ้นมากในช่วงเวลาสั้นด้วยสมบัติเหล่านี้ แต่ถ้าข้ากินเข้าไปเป็นเวลานานเหมือนกับเฉินเจี้ยน ผลประโยชน์มากมายจะมหาศาลมากนอกจากเรื่องของสายเลือดแล้วด้านอื่น ๆ แ และความสามารถก็จะเพิ่มขึ้นหรือแม้กระทั่งได้รับการพัฒนาอย่างสมบูรณ์” เจี้ยนเฉินคิด เขาอดไม่ได้ที่จะถึงถึงผลเลือดศักดิ์สิทธิ์แห่งวิถี หากผลเลือดศักดิ์สิทธิ์แหงวิถียังคงอยู่ มัน นควรจะเป็นการรวมตัวกันของสมบัติสวรรค์ที่เข้าชุดกันอย่างสมบูรณ์
หากสมบัติสวรรค์ทั้งหมดนี้ถูกใช้โดยพวกเขาทุก ๆ วัน เขาก็สามารถเพิ่มพลังทุก ๆ ด้านในการบ่มเพาะได้ ไม่ว่าจะเป็นสายเลือด, ร่างกายหรือวิญญาณของพวกเขา ไม่มีสิ่งใดที่จะล้าหลังใน ด้านอื่น ๆ
พวกเขาจะเปลี่ยนกลายเป็นเสาหลักได้อย่างแท้จริง
“ผู้อาวุโสลมแต่เดิมเตรียมสิ่งของเหล่านี้ไว้เพื่อตัวเอง แต่เดิมมันอาจจะเป็นขั้นตอนสุดท้าย” เจี้ยนเฉินคิดกับตัวเอง เนื่องจากผู้อาวุโสลมกล่าวว่าเขาไม่ต้องการสมบัติสวรรค์เหล่านี้ อีกต่อไปและทิ้งไว้ให้กับเฉินเจี้ยน เจี้ยนเฉินก็สามารถจินตนาการได้ว่าเฉินเจี้ยนจะมีพลังมากแค่ไหนถ้าเขากินสมบัติสวรรค์ทั้งหมดนี้ไปจริง ๆ
อย่างไรก็ตามเขาเข้าใจด้วยว่าเฉินเจี้ยนยังคงอยู่ห่างไกลจากวันนั้น แม้ว่าเขาจะเป็นขั้นอสงไขยแล้วก็ตาม แต่ขอบเขตการบ่มเพาะของเขานั้นยังต่ำเมื่อเทียบกับสมบัติสวรรค์ที่หายาก การกินมันในตอนนี้จะกลายเป็นการสิ้นเปลืองแทน
“ตอนนี้ข้าเข้าใจกฏมากมายแล้ว ในหมู่พวกมันมีกฏกระบี่และกฏมิติเท่านั้นที่ทรงพลังที่สุด ตามมาด้วยกฏแกนสีทองที่ได้รับจากผู้เชี่ยวชาญทั้งแปดที่อยู่ใต้ดินบนที่ราบรกร้าง ซึ่ง งได้แก่ กฏแห่งความแข็งแกร่ง, กฎแห่งการสร้างสรรค์, กฏแห่งการทำลายล้าง, กฏแห่งไฟ, กฏแห่งคำสาป, กฏแห่งการกัดกร่อนและกฏแห่งมิติ”
“ทั้ง 7 กฏ กฏแห่งมิติเป็นกฏที่โดดเด่นที่สุด ตามมาด้วยกฎแห่งความแข็งแกร่ง ความเข้าใจในด้านกฎอื่น ๆ ของข้าค่อนข้างตื้นเขิน แม้จะมีกฏแกนสีทองอยู่ก็ตาม แต่ข้าก็แทบจะไม่มีเ เวลาในการบ่มเพาะพวกมัน”
“หลังจากนั้นก็คือพลังวิญญาณนักรบ แต่พลังวิญญาณนักรบของข้าจะแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในระดับช้า ๆ นับตั้งแต่ที่ข้าออกจากภูเขาวิญญาณนักรบ ถ้าข้าต้องการบ่มเพาะพลังวิญญาณนักร รบ จะดีที่สุดถ้าข้าได้ไปบ่มเพาะในภูเขาวิญญาณนักรบ”
“ข้าสามารถผลักดันกฏแห่งการกัดกร่อน, กฏแห่งคำสาป, กฏแห่งไฟ, กฏแห่งความแข็งแกร่ง, กฏแห่งการทำลายล้างและกฏแห่งการสร้างสรรค์ให้เข้าสู่ขอบเขตอสงไขยได้ด้วยกฏแกนสีทอง แต่มันจ จะยากมากสำหรับข้าที่จะทะลวงไปยังชั้นสวรรค์ที่ 5 แม้ว่าข้าจะดูดซับมันทั้งหมดก็ตาม”
“กฏที่ชั้นสวรรค์ที่ 5 จะไม่เพิ่มความสามารถในการต่อสู้ของข้าในตอนนี้มากนัก มันจะทำได้เพียงแค่เสริมความสามารถของข้าในท้ายที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันอาจไม่จำเป็นต้องไปถึงชั้นส สวรรค์ที่ 5 และข้าต้องใช้เวลาหลายปีกับพวกมัน”
“ความแข็งแกร่งในตอนนี้ของข้ายังไม่เพียงพอ ตอนนี้วิธีเดียวที่จะทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้นมีแต่จะต้องบ่มเพาะวิถีกระบี่ สำหรับกฎมิติ ข้าไม่จำเป็นต้องหาทางเบี่ยงเบนมันในตอนนี้ พลั งวิญญาณสัตว์อสูรจากจักรพรรดิแมลงมิติยังคงไม่หมด ในครั้งต่อไปที่ความแข็งแกร่งของข้าเพิ่มขึ้น พลังวิญญาณสัตว์อสูรจะยกระดับกฏมิติของข้าให้ไปถึงขั้นบรรพกาลโดยตรง” เจี้ยนเฉิน ลืมตาของเขาด้วยความคิดและเริ่มตรวจสอบร่างกายของเขาและเริ่มวางแผนทิศทางการบ่มเพาะในอนาคต
จนถึงตอนนี้เขาเข้าใจกฏจำนวนมาก นอกจากกฏเหล่านั้นแล้ว เขายังสัมผัสได้กับกฏสังสารวัฎและวิถีกรรมผ่านอมตะเที่ยงแท้วัฎสงสาร
อย่างไรก็ตามเขายังเข้าใจหลักการนิดหน่อย เมื่อเทียบกับการเสียเวลาเพื่อทำความเข้าใจกฏเพิ่มที่ไม่ได้เพิ่มพลังการต่อสู้ของเขา เขาก็ควรจะทุ่มเทความสนใจความพยายามทั้งหมดและทรัพยา ากรทั้งหมดของเขาให้กับกฏกระบี่
ด้วยการเพิ่มขึ้นของกฏกระบี่ในแต่ละครั้ง ร่างบรรพกาลก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นทุกครั้ง นั่นหมายความว่าเขาสามารถป้องกันตัวเองได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
วันหนึ่งเมื่อมีคนไม่มากนักในโลกที่สามารถคุกคามเขาได้ เขาก็ค่อยมากังวลว่าเขาจะมีเวลาเหลือพอเข้าใจกฎต่าง ๆ ไหม ?
“ข้าจะเก็บเศษวิญญาณทั้งเจ็ดไว้ก่อนตอนนี้”
เจี้ยนเฉินอยู่ในระดับเดียวกับขั้นบรรพกาลแล้วในตอนนี้ เขาไม่ใช่ราชาเทพที่ต้องมากลัวคนอื่น ๆ แบบที่ราบรกร้างอีกแล้ว ทำให้การคงอยู่ของเศษวิญญาณทั้งเจ็ดในจิตสำนึกของเขาชัดเจ จนขึ้นเรื่อย ๆ
ตอนนี้วิญญาณของเขาไม่เพียงจะทรงพลัง แต่มันยังอยู่ภายใต้การคุ้มครองของจิตวิญญาณกระบี่ด้วย ดังนั้นเศษวิญญาณที่อ่อนแอทั้งเจ็ดจึงไม่อาจเป็นภัยต่อเขามาตั้งนานแล้ว
เศษวิญญาณทั้งเจ็ดอาจจะไม่เคยคิดว่าการเติบโตของเจี้ยนเฉินจะเร็วขนาดนี้
หลังจากตัดสินใจเลือกทิศทางแล้ว เจี้ยนเฉินก็คิดถึงเรื่องนี้และลงเอยด้วยการตัดสินใจที่จะโถงศักดิ์สิทธิ์ออกมา เขาเข้าไปในโถงศักดิ์สิทธิ์และหยิบหยกชะตาออกมาและนั่งบนหยกชะตาเพื อทำความเข้าใจกฏกระบี่
หยกชะตานี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะเชื่อใจผู้อาวุโสลมมาก แต่เขาก็ยังจำเป็นต้องซ่อนการคงอยู่ของหยกชะตา
เห็นได้ชัดว่าโถงศักดิ์สิทธิ์ วัตถุเซียนคุณภาพสูงสุดไม่อาจหลอกสัมผัสของผู้อาวุโสลมได้ แต่โชคดีที่หยกชะตาเป็นสมบัติพิเศษที่สามารถซ่อนจากสัมผัสของผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดได้ แม้แต ต่จอมปราชญ์สูงสุดก็ไม่ยกเว้น
วิธีเดียวที่จะเจอหยกชะตาได้ก็คือมองด้วยตาเปล่า