เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2933: แก่นโลหิตบรรพกาล
ตอนที่ 2933: แก่นโลหิตบรรพกาล
“นายท่าน ในความจริงตั้งแต่วินาทีแรกที่ท่านก้าวลงมาบนโลกใบนี้และเห็นผู้อาวุโสลม ฉิงโซวและข้าก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ไม่เหมือนใครจากเขา มันเหมือนกับว่าเขากลายเป็นส่วนห หนึ่งที่คล้ายกับจิตวิญญาณวัตถุอย่างเรามาก”
“หลังจากนั้นพวกเราก็สังเกตเขาและท้ายที่สุดเราก็ยืนยันได้ว่าผู้อาวุโสลมที่ท่านพูดถึงกำลังเสนอร่างของเขาเพื่อหลอมรวมเข้ากับวัตถุเทพที่ทรงพลังอย่างยิ่ง”
“เมื่อเขาหลอมรวมกับวัตถุเทพสำเร็จ เขาจะละทิ้งร่างกายของเขาและเป็นอิสระจากเผ่าของเขา เมื่อรวมเข้ากับวัตถุเทพที่ทรงพลังและไปถึงตอนนั้นจริง ๆ เขาจะกลายเป็นวัตถุเทพและวัตถุ เทพก็จะเป็นเขา”
จิตวิญญาณกระบี่อธิบายกับเจี้ยนเฉิน น้ำเสียงของเขาก็ผสมไปด้วยอารมณ์เช่นกัน
“ตอนนั้นเขาจะกลายเป็นจิตวิญญาณวัตถุ ? อย่าบอกนะว่าผู้สาวุโสลมกำลังพยายามที่จะกลายเป็นจิตวิญญาณวัตถุเทพขั้นสูงสุด ? ” เจี้ยนเฉินรู้สึกประหลาดใจและเต็มไปด้วยความไม่เชื่อในเวลาเด ดียวกัน การบ่มเพาะของผู้อาวุโสลมได้เข้ามาใกล้จุดสูงสุด และเขามั่นใจมากว่านอกจากจอมปราชญสูงสุด ? และราชาสัตว์เทพจากโลกอมตะแล้วก็ไม่มีใครที่จะเป็นคู่ต่อสู้กับเขาได้ในโลกท ทั้งหมด
จริง ๆ แล้วเขาพยายามทำลายอนาคตตัวเองด้วยการละทิ้งร่างกายและสายเลือดของเขาให้กลายเป็นจิตวิญญาณวัตถุ
นี่ทำให้เจี้ยนเฉินสับสนอย่างมาก
ถ้านี่ไม่ใช่ความจริงที่ว่าเขาไว้ใจจิตวิญญาณกระบี่มาก เขาคงไม่เชื่อเรื่องนี้อย่างแน่นอน
“ไม่ ท่านไม่อาจพูดได้ว่าเป็นจิตวิญญาณวัตถุ ถ้าเขาทำสำเร็จ เขาจะกลายเป็นวัตถุเทพที่ไม่จำเป็นต้องมีเจ้านาย และเขาก็เป็นนายของตัวเองจนกลายเป็นการดำรงอยู่ที่พิเศษที่สามารถใช้พ พลังของวัตถุเทพได้อย่างสมบูรณ์ สิ่งเหล่านี้คือความแตกต่างระหว่างเขากับจิตวิญญาณวัตถุ”
“อย่างไรก็ตาม เส้นทางที่เขาใช้นั้นมีแต่ในตำนาน อย่างน้อย ๆ ข้อมูลที่ฉิงโซวและข้ามีเราก็ยังไม่ได้ยินว่ามีใครทำสำเร็จ ปัญหานี้ไม่มีใครทำได้อย่างแน่นอน เพราะอย่างนั้นเขาจึงไม ม่อาจอยู่รอดเกิน 1,000 ปีได้แน่ ๆ ” จือหยิงพูดอย่างมั่นใจ
“จือหยิง, ฉิงโซว ปัญหาที่ผู้อาวุโสลมกำลังเผชิญอยู่คืออะไรกันแน่ ? ” เจี้ยนเฉินจริงจังเป็นอย่างมาก
“วัตถุเทพที่เขาหลอมรวมนั้นไม่ได้อ่อนแอไปกว่ากระบี่ม่วงฟ้าเลย อย่างน้อย ๆ มันก็เป็นวัตถุเทพขั้นสูงสุดที่คล้ายกับกระบี่ม่วงฟ้าและหอคอยอนัตตา วัตถุเทพแบบนั้นมักถูกใช้โดย จอมปราชญ์สูงสุด แม้ว่าอาวุโสจะเป็นครึ่งก้าวจอมปราชญ์สูงสุดว แต่เขาก็ยังไม่ได้อยู่ในขอบเขตนี้ ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะหลอมรวมสำเร็จ มีแต่จุดจบที่รอคอยเขาอย ยู่ สาเหตุที่เขาพยายามดิ้นรนเพื่อให้มีสติและมักจะเสียสติบ่อยครั้งรวมถึงเสียการควบคุมมันก็เพราะการสะท้อนกลับของกระบวนการพวกนี้” จือหยิงกล่าว
“นับประสาอะไรกับความจริงที่เขายังไม่ได้เป็นจอมปราชญ์สูงสุดเขาจะกลายเป็นจอมปราชญ์สูงสุดจากการหลอมรวมที่ไร้สาระกับวัตถุเทพ มันมีเพียงผลลัพธ์เดียวในเส้นทางนี้ ไม่มีเส้นทางอื่ น” ฉิงโซวพูดเสริมในตอนท้าย นางยังมองโลกในแง่ร้ายเกี่ยวกับอนาคตของผู้อาวุโสลม
“ไม่มีอะไรที่สามารถทำได้เลยหรือ ? ” เจี้ยนเฉินถามแทนที่จะยอมรับเรื่องนี้
คราวนี้จิตวิญญาณกระบี่ทั้งสองก็เงียบลงและไม่ตอบเจี้ยนเฉิน
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เจี้ยนเฉินกำลังจะยอมแพ้ก็มีน้ำเสียงที่ลังเลของฉิงโซวดังขึ้น “ถ้าเป็นคนอื่นที่แม้แต่จอมปราชญ์สูงสุดก็ไม่อาจช่วยเขาได้ แต่ถ้าเป็นนายท่านอยู่ที่นั่นมัน ก็อาจจะมีโอกาส”
สายตาของเจี้ยนเฉินเบิกกว้างและถามว่า “ฉิงโซว เจ้าบอกว่ามีทางช่วยผู้อาวุโสลมงั้นหรือ ? ”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ฉิงโซวก็พูดอย่างช้า ๆ ว่า “ผู้อาวุโสลมได้สำเร็จในระดับต้นของการหลอมรวมกับวัตถุเทพแล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถใช้พลังของวัตถุเทพได้ในระดับหนึ่ง นั่นคื อเหตุผลที่เรารู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่คุ้นเคยจากผู้อาวุโสลม
“แม้ว่าวัตถุเทพที่อาวุโสลมหลอมรวมเข้าด้วยกันนั้นจะมีเศษเสี้ยวบรรพกาลอยู่ด้วย เพราะเหตุนี้เราจึงคาดเดาได้ว่านายท่านอาจจะช่วยผู้อาวุโสลมได้นะ นายท่าน”
“วิญญาณของนายท่านได้หลอมรวมเข้ากับพลังบรรพกาลที่แท้จริงแล้ว หากนายท่านไม่ได้ครอบครองพลังบรรพกาลที่แท้จริง ต่อให้นายท่านบรรลุถึงความสมบูรณ์ของร่างบรรพกาล นายท่านก็ไม่อาจ ช่วยเหลือผู้อาวุโสลมได้”
เจี้ยนเฉินสูดหายใจเข้าลึก ๆ “อย่างนั้นข้าจะช่วยผู้อาวุโสลมได้อย่างไร ? ”
“ใช้แก่นโลหิตบรรพกาล ! ” ฉิงโซวพูด
“แก่นโลหิตบรรพกาล ? ” เจี้ยนเฉินอึ้ง ตอนแรกเขาคิดว่าการช่วยผู้อาวุโสลมจะเป็นเรื่องง่ายมาก แต่เขาไม่คิดเลยว่าแก่นโลหิตบรรพกาลของเขาจะเพียงพอ มันง่ายเหมือนกับว่าเขาไม่ได้ลง งมือเลย
ผู้เชี่ยวชาญทุกคนมีแก่นโลหิตจำนวนจำกัด และเมื่อพวกมันหมด พวกเขาต้องใช้เวลามาพอสมควร แต่พวกเขาก็สามารถฟื้นตัวอย่างช้า ๆ
“พลังบรรพกาลได้ผสานเข้ากับวิญญญาณของนายท่าน ไม่เพียงแต่ทำให้วิญญาณของนายท่านพัฒนาขึ้นเท่านั้น มันยังเปลี่ยนพื้นฐานของท่านโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าแก่นโลหิตบรรพกาลของนายท่านจะไ ไม่มีพลังเทียบเคียงกับพลังบรรพกาลที่แท้จริง แต่คุณภาพของมันก็ใช้ได้แล้ว ด้วยการเปลี่ยนแปลงนี้มันเลยมีพลังบรรพกาลระดับสูงในระดับหนึ่ง มันแบ่งปันคุณสมบัติดั้งเดิมของมันกับวั ตถุเทพที่ทรงพลังระดับสูงซึ่งผสานเข้าด้วยกัน”
“มันเป็นเพราะต้นกำเนิดที่คล้ายคลึงกัน เราเดาว่านายท่านอาจจะช่วยผู้อาวุโสลมได้ แต่ถ้าทำอย่างนั้นท่านก็ต้องใช้แก่นโลหิตบรรพกาลจำนวนมาก สิ่งนี้จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงมาก” ฉิ งโซวพูด
“ผู้อาวุโสลมมอบผลวิถีโลหิตศักดิ์สิทธิ์ให้ข้า จากนั้นเขาก็แนะนำเส้นทางการบ่มเพาะให้ข้าเป็นการส่วนตัว ข้าเป็นหนี้เขามากมายนัก ด้วยความเมตตาที่เขาแสดงออกมามันจะเทียบกับแก่ นโลหิตบรรพกาลได้อย่างไร ? ” เจี้ยนเฉินพูดอย่างชอบธรรม
ในช่วงเวลาต่อมา เจี้ยนเฉินก็ไม่อาจมุ่งเน้นไปที่การบ่มเพาะได้อีกต่อไป แต่เขาอดทนรอให้ผู้อาวุโสลมฟื้นสติในครั้งต่อไปแทน
เวลาผ่านไปอย่างเงียบงัน ไม่มีใครรู้ว่านานแค่ไหนกว่าผู้อาวุโสลมจะปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาทั้งสามอีกครั้ง เขาเข้าใจว่าเขาคงจะมีสติได้ไม่นาน ดังนั้นเขาจึงหวงแหนทุกช่วงเวลาเป็นอ อย่างมาก ทันทีที่เขาเห็นเจี้ยนเฉิน, เฉินเจี้ยนและจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ไม่พูดมากแม้แต่คำเดียว เขาเข้าไปที่เรื่องหลักทันที “ข้าจะอธิบายวิถีให้เจ้า….”
“ช้าก่อน ผู้อาวุโสลม ! ” ก่อนที่ผู้อาวุโสลมจะพูดจบ เจี้ยนเฉินก็พูดขึ้นขัดจังหวะเขาทันที เขาป้องมือให้กับผู้อาวุโสลมอย่างนอบน้อมและพูดว่า “ผู้อาวุโสลม ข้ามีบางอย่างที่ต้องก การพูดกับท่าน ดังนั้นข้าถามว่าเราจะเปลี่ยนที่พูดกันได้หรือไม่ ? ”
ผู้อาวุโสลมเป็นมิตรและเข้าถึงง่าย แม้ว่าจะเป็นครึ่งก้าวจอมปราชญ์สูงสุด เป็นผู้ทรงพลังที่สุดในหมู่ผู้เชี่ยวชาญ แต่เขาก็ไม่ได้มีอำนาจของผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงสุดเลยแม้แต่น้อย ใน นสายตาของเขาเป็นคนแก่ใจดีมากกว่า
ด้วยเหตุนี้ผู้อาวุโสลมไม่เพียงจะไม่ต่อว่าเจี้ยนเฉินที่ขัดจังหวะของเขา เขายังพยักหน้าอย่างเป็นมิตร “เจี้ยนเฉิน บอกข้าทีว่าเจ้าต้องการพูดอะไร พวกเขาทั้งสองคนไม่ได้ยินแล้วในตอน นนี้”