เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2935: อายุยืน
ตอนที่ 2935: อายุยืน
เช่นเดียวกับวิธีที่เป็นไปได้ จะเห็นว่าพลังบรรพกาลนั้นมีพลังมากแค่ไหน มันเห็นได้ชัดว่าคนที่มีระดับการบ่มเพาะอย่างผู้อาวุโสลมที่อยู่ในจุดสูงสุดในจักรวาลต้น ๆ ดังนั้นเขาจึงเ เข้าใจว่าพลังบรรพกาลนั้นมีพลังเพียงใด
ในความรู้ของเขา พลังบรรพกาลเป็นพลังสูงสุดที่ไม่มีใครควบคุมได้ แม้ว่าจะเป็นผู้ที่บ่มเพาะพลังบรรพกาลในโลก แต่พลังบรรพกาลที่พวกเขาครอบครองนั้นล้วนแต่เป็นพลังบรรพกาลปลอมโด ดยไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่ข้อเดียว มันจึงไม่ถือว่าเป็นพลังบรรพกาลที่แท้จริงเลย
แต่ในเวลานี้ เขาสัมผัสได้ถึงคำใบ้จากแรงกดดันว่าเป็นพลังบรรพกาลที่แท้จริงจากแก่นโลหิตของเจี้ยนเฉินซึ่งทำให้เขาตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด
แรงกฏดันที่มีเศษเสี้ยวที่แท้จริงของพลังบรรพกาลได้พลิกความรู้ของเขาเกี่ยวกับโลก ตลอดจนถึงระดับจักรวาลและความเชื่อเกี่ยวกับวิถีที่ยิ่งใหญ่
พลังบรรพกาลที่แท้จริงได้ปรากฏขึ้นในผู้บ่มเพาะ สำหรับผู้อาวุโสลมนี่เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น
ผู้อาวุโสลมตกใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกลับมามีสติได้ในท้ายที่สุด เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ และค่อย ๆ สงบลง หลังจากนั้นการจ้องมองของเขาที่มีต่อเจี้ยนเฉินก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่าง ท่วมท้น
มันเป็นสายตาแบบไหนกันนะ ?
ดูเหมือนว่าเขากำลังมองสัตว์ประหลาด แต่ก็เหมือนกับว่าเขาเพิ่งพบดินแดนใหม่ มันเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและความไม่อยากจะเชื่อในรูปแบบต่าง ๆ
“จะ-เจ้าทำสำเร็จได้อย่างไร ? ” ผู้อาวุโสลมถาม
“เมื่อข้าผสานเข้ากับกระบี่ครั้งล่าสุด ข้าได้รับผลกระทบจากพลังบรรพกาล แต่ท้ายที่สุดข้าก็ไม่ตาย ตอนนั้นเองที่พลังบรรพกาลได้หลอมรวมเข้ากับร่างกายของข้า” เจี้ยนเฉินไม่ได้ซ่อน นอะไรและบอกความจริงออกมา ขณะที่เขาเข้าใจบางอย่างเช่นนั้น มันก็สามารถใช้ได้เพียงแต่กับเขาเท่านั้น มันไม่อาจทำตามได้
“หลอมรวมกับกระบี่….หลอมรวมกับกระบี่….เจ้านายคนก่อนของกระบี่ม่วงฟ้าตายเพราะหลอมรวมกับกระบี่…” ผู้อาวุโสลมพึมพำ ราวกับว่าเขากำลังนึกถึงเรื่องตำนานในอดีตบางอย่าง เขาเ เต็มไปด้วยความงงงวย
“ผู้อาวุโสลม แก่นโลหิตบรรพกาลของข้าเพียงพอหรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินพูดกลับเข้าประเด็นด้วยความเร่งรีบ เขารู้ดีกว่าผู้อาวุโสลมจะไม่อาจคงสติได้นานเกินไป ดังนั้นเขาจึงกลัวว่ามัน นจะหมดเวลาก่อนที่พวกเขาจะทำอะไรได้สำเร็จหากยังปล่อยเวลาต่อไป
ผู้อาวุโสลมมองไปที่เจี้ยนเฉิน เขาถอนหายใจเบา ๆ “ข้าไม่คิดเช่นงั้น ข้า ลมที่น่านับถือ ผู้ที่ได้เขย่าโลกเซียนและต้องการช่วยเหลือผู้เยาว์จนถึงวาระสุดท้าย เรื่องราวทางโลกนั้น เป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้อย่างแท้จริง….”
“ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าจะลองใช้แก่นโลหิตบรรพกาลที่พิเศษของเจ้าแล้วดูว่ามันจะช่วยข้าได้หรือไม่” ผู้อาวุโสลมสัมผัสแก่นโลหิตบรรพกาลด้วยนิ้วของเขา ก่อนที่จะหลอมรวมมันเข้ากับร่า างกายของเขาทันที
หลังจากนั้นผู้อาวุโสลมก็นั่งลงขัดสมาธิและหลับตาราวกับว่าเขากำลังทำสมาธิ
เจี้ยนเฉินมองไปที่ผู้อาวุโสลมและรออย่างอดทน เขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
เขารู้ดีว่าแม้ผู้อาวุโสลมจะยังไม่ตายอย่างที่จิตวิญญาณกระบี่บอก แต่มันก็มีอัตราความสำเร็จอยู่ที่สามในสิบส่วนซึ่งถือว่าต่ำเกินไป
ทำให้เขายังหวังว่าแก่นโลหิตบรรพกาลของเขาจะช่วยผู้อาวุโสลมแก้ปัญหาได้
“คราวนี้ข้าหวังว่าจิตวิญญาณกระบี่จะพูดไม่ผิด” เจี้ยนเฉินคิด หลังจากรู้เกี่ยวกับเผ่าวิญญาณวัตถุ เขาก็ตระหนักว่าจิตวิญญาณกระบี่นั้นไม่ได้มีความรู้ไปเสียทุกเรื่อง ดังนั้นเมื่อ เขาได้รับการยืนยันจากผู้อาวุโสลม เขาก็จะสามารถหยุดกังวลได้อย่างแท้จริงว่าแก่นโลหิตบรรพกาลของเขาจะช่วยผู้อาวุโสลมได้หรือไม่
เจี้ยนเฉินไม่ได้รอนาน ประมาณห้านาที ผู้อาวุโสลมก็ลืมตาขึ้นช้า ๆ การจ้องมองของเขาเฉียบคมมากขึ้น มันเต็มไปด้วยพลังพร้อมกับความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจและความสุขที่ไม่อาจบรรยายได้
“ผู้อาวุโสลม เป็นอย่างไรบ้าง ? ” เจี้ยนเฉินถามทันที
ผู้อาวุโสลมหัวเราะเสียงดังและพูด “เจี้ยนเฉิน สหายตัวน้อยของข้า เจ้าเป็นผู้ช่วยชีวิตข้าจริง ๆ ข้าไม่คิดเลยว่าแก่นโลหิตบรรพกาลของเจ้าจะช่วยให้ข้าผสานกับวัตถุได้จริง ๆ ”
เจี้ยนเฉินมีความสุขมากเมื่อได้ยินอย่างนั้น หัวใจของเขาที่กระดอนมาถึงลำคอก็กลับไปอยู่ในที่เดิมของมัน
“นี่เป็นประโยชน์กับข้าอย่างมากจริง ๆ ด้วยแรงกดดันจากพลังบรรพกาล แม้ว่าจะมีเพียงนิดหน่อย แต่ก็ยังอยู่ในระดับสูงมาก มันสามารถยับยั้งวัตถุให้มาสงบได้บ้าง” เมื่อมาถึงตอนนี้ ผู อาวุโสลมก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง “แต่สำหรับข้าแล้วแก่นโลหิตเพียงหยดเดียวยังไม่เพียงพอ…”
“ท่านไม่ต้องกังเวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้อาวุโสลม สิ่งที่สำคัญคือมันมีประโยชน์กับท่าน ท่านไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับแก่นโลหิตบรรพกาลเช่นกัน ข้าจะจัดเตรียมให้ท่านไม่ว่าท่านจะต้องก การมันมากแค่ไหนก็ตาม” เจี้ยนเฉินพูดอย่างเอื้ออาทร แม้ว่าแก่นโลหิตจะมีจำกัดอย่างมากสำหรับผู้บ่มเพาะ แต่เขาก็สามารถฟื้นฟูมันได้อย่างช้าๆเมื่อเขาใช้มันหมด
ปัญหาเดียวคือมันจะดูดซับความแข็งแกร่งของผู้บ่มเพาะไปอย่างมากและต้องใช้เวลานานในการฟื้นตัว
ผู้อาวุโสลมมองเจี้ยนเฉินอย่างจริงจัง “เจี้ยนเฉิน เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ ข้าจะให้เจ้าเสียสละแบบนี้ได้อย่างไง ? ”
“สำหรับคนอื่น ๆ น่ะใช่ เมื่อพวกเขาใช้แก่นโลหิตหมดไป มันก็จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อพวกเขาอย่างมากและการฟื้นตัวก็จะช้ามากเช่นกัน แต่ท่านคงไม่ลืมว่าข้าได้บ่มเพาะร่างบรรพกาล ล ข้อได้เปรียบที่มากที่สุดของผู้บ่มเพาะร่างบรรพกาลคือการฟื้นตัวที่น่าทึ่งในทุก ๆ ด้าน การเสียแก่นโลหิตบางส่วนมันไม่ได้มากมายสำหรับข้า” เจี้ยนเฉินแย้ง
“เอาล่ะ ๆ หากเป็นอย่างนี้ข้าจะรบกวนเจ้าในครั้งต่อไป” ผู้อาวุโสลมไม่ได้แสดงท่าทางอวดดี เขารับข้อเสนอของเจี้ยนเฉินด้วยความยินดี
เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างสบายใจ ด้วยความรู้สึกเพลีย ๆ เขาก็ยังส่งแก่นโลหิตบรรพกาลอีก 20 หยดให้กับผู้อาวุโสลมในครั้งเดียว
การเสียแก่นโลหิต 20 หยดทำให้เขาหน้าซีดทันที ใบหน้าของเขาซีดเล็กน้อยราวกับว่าความแข็งแกร่งของเขาถูกเผาผลาญอย่างหนัก
อย่างไรก็ตามเจี้ยนเฉินไม่สนใจเรื่องนี้ เขาอดทนต่อความรู้สึกอ่อนแอและกล่าวว่า “ผู้อาวุโสลม ข้าสามารถให้แก่นโลหิตกับท่านได้ทุกเมื่อ แต่ข้าต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูด้วย”
ผู้อาวุโสลมมองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างล้ำลึก สีหน้าของเขาดูสับสนมาก แต่เขาไม่พูดอะไร หลังจากนำเม็ดยาระดับเทพคุณภาพสูงจำนวนมากออกมาและสมบัติสวรรค์สำหรับฟื้นฟูจากแหวนมิติของ เขาและส่งให้กับเจี้ยนเฉิน เขาโบกมือของเขาและจากไปพร้อมกับแก่นโลหิตบรรพกาล 20 หยดของเจี้ยนเฉิน
นับตั้งแต่ที่พวกเขามาถึงดาวเคราะห์นิรนาม นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้อาวุโสลมจากไปทั้ง ๆ ที่เขามีสติ
ผู้อาวุโสลมจากไป เฉินเจี้ยนและจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ต่างก็มองไปที่เจี้ยนเฉิน พวกเขาสงสัยและอยากรู้อย่างมาก
ไม่เพียงแต่พวกเขาไม่ได้ยินอะไรกับการสนทาของเจี้ยนเฉินและผู้อาวุโสลมก่อนหน้านี้ แม้แต่มิติรอบ ๆ ก็ยังถูกรบกวนทำให้ฉากที่พวกเขาเห็นก็พร่ามัว ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่อาจมองเห็ นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน
“เจี้ยนเฉิน เกิดอะไรขึ้นกับผู้อาวุโสลม ? ” เฉินเจี้ยนถาม นับตั้งแต่ที่เขาได้พบกับผู้อาวุโสลมนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นผู้อาวุโสลมทำตัวผิดปกติเช่นนี้
“พี่ชาย ทำไมพลังของท่านถึงหายไป ? ” จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์มองไปที่ใบหน้าซีด ๆ ของเจี้ยนเฉินและถามอย่างสนใจ
เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างมีเลศนัยและพูดว่า “เจ้าไม่ต้องถามอะไรมาก สิ่งที่เจ้าต้องรู้คือข้าพบวิธีที่จะช่วยผู้อาวุโสลมแล้ว วันที่ผู้อาวุโสลมจะมีสติแจ่มใสนั้นอยู่ไม่ไกล”