เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 315: เข้าไปในถ้ำอมตะ (1)
ตอนที่ 315: เข้าไปในถ้ำอมตะ (1)
ในวันที่ 2 ทุกคนเก็บกวาดกระโจมของพวกเขาและเข้าไปรวมกลุ่มก่อนที่จะเข้าไปในป่า ชิเซียงกราน เกรงกลัวว่าเจี้ยนเฉินจะโจมตีเขาอีก เขาจึงใช้ม่านพลังออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ฉินจี๋ที่อยู่บนเส้นทางได้พูดกับคนอื่น ๆ มีสัตว์อสูร 4 ตัวที่คอยปกป้องถ้ำ ชื่อของสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งพวกนั้นคือ อสรพิษวิญญาณบิน, สิงโตอัสนีม่วง,ไส้เดือนเผือกและลิ่นจักรพรรดิ หลังจากที่ได้ต่อสู้กับพวกมันมาหลายวันแล้ว เราได้รับรู้จุดแข็งของพวกมันเหมือนกัน มันเป็นข้อแตกต่างตามธรรมชาติของพวกมัน อสรพิษวิญญาณบินมีความสามารถในการบินและพ่นพิษเป็นเส้นตรง ยิ่งมันบินอยู่มันก็ยิ่งยากจะจัดการมันอย่างมาก, สิงโตอัสนีม่วงมีเกล็ดสีม่วงขึ้นตามผิวหนังซึ่งยากที่จะทะลวงการป้องกันของมันได้ นอกจากนี้มันยังสามารถปล่อยสายฟ้าและกระแสไฟฟ้าออกมาตามร่างกายของมันได้จะดีที่สุดหากทุกคนอยู่ห่างจากมัน, ไส้เดือนเผือกมันก็เหมือนกับไส้เดือนปกติ เพียงแต่มันมีเกราะที่หนาและแข็งแกร่งพอ ๆ กับสิงโตอัสนีม่วง แต่จุดอ่อนเพียงอย่างเดียวของมันคือเชื่องช้า สำหรับคนที่เป็นเซียนธาตุลมพวกเขาจะพบว่าไส้เดือนเผือกตัวนี้จะจัดการได้ง่ายมากกว่าอีก 3 ตัวที่เหลือ
ตัวสุดท้ายนั่นก็คือลิ่นจักรพรรดิและเป็นตัวที่น่าปวดหัวที่สุด การโจมตีของมันไม่แรงเท่ากับอีกสามตัวที่เหลือ แต่สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดคือก็มันเร็วกว่าทุกตัวมาก เพียงพริบตามันสามารถขุดดินไปลงบนพื้นเพื่อหลบการโจมตีของเราและจากนั้นก็พุ่งโจมตีเราจากใต้ดิน มันอยู่ใต้ดินอย่างเงียบ ๆ แม้ว่าเราจะอยู่บนตัวมัน เราก็ไม่อาจรู้ได้ว่ามันอยู่ข้างใต้และอาจจะโผล่ขึ้นมาจากใต้เราเมื่อไหร่ก็ได้ จุดอ่อนที่สุดของมันก็คือการโจมตีของมันพอ ๆ กับการโจมตีทั่ว ๆ ไปและเราก็ไม่อาจป้องกันมันได้
เมื่อพูดถึงลิ่นจักรพรรดิ ดวงตาของฉินจี๋ก็หรี่ลงด้วยความโกรธเคืองเห็นได้ชัดว่าเราต้องสูญเสียอย่างมากจากสัตว์อสูรตัวนี้
ฉินจี๋ เจ้าคิดว่าเราควรจะจัดการสัตว์อสูรตัวไหน ? เจี้ยนเฉินถามจากด้านข้าง
จำเป็นต้องถามด้วยหรือ ? แน่นนอนว่าเราต้องจัดการกับอสพิษวิญญาณบิน เรามียุทธภัณฑ์ถึง 3 ชิ้นด้วยกันและหนึ่งในนั้นคือคันธนู ! ถ้าอสรพิษวิญญาณบิน บินขึ้นไปบนท้องฟ้าเราก็ยังสามารถยิงมันได้ เรายังมีแส้ที่สามารถรั้งและจำกัดความเคลื่อนไหวของมันได้ อย่างน้อย ๆ เราก็ป้องกันไม่ให้มันบินขึ้นฟ้าไปได้ อาวุธทั้งสองเป็นสิ่งที่สร้างความเสียหายอย่างมากให้กับอสรพิษวิญญาณบิน ฉินจี๋พูดอย่างไม่ลังเล
เจี้ยนเฉินคิดอย่างลังเลสักครู่หนึ่งก่อนที่จะเห็นด้วย ใช่ อสรพิษวิญญาณบินจะเป็นภัยน้อยกว่าสัตว์อสูรตัวอื่น ๆ งั้นเราก็เอามันเถอะ
เมื่อได้ยินฉินจี๋พูด ตู่กู่เฟิงที่นั่งอยู่ก็พูดขึ้นมาว่า ไส้เดือนเผือกมีการป้องกันที่แข็งแกร่งมากและพละกำลังที่มากมาย เซียนปฐพีทั่ว ๆ ไปไม่อาจทำความเสียหายให้กับมันได้และหากไม่มียุทธ์ภันฑ์มันก็ไม่อาจทะลวงการป้องกันของมันได้ ในส่วนนี้ข้าจะจัดการมันเอง ส่วนสิงโตอัสนีม่วงและลิ่นจักรพรรดิจะถูกอีกสองกลุ่มเอาไป
พริบตาการพูเคุยก็เสร็จสิ้นลง สัตวอสูรที่น่ารำคาญที่สุดคือลิ่นจักรพรรดิที่ซึ่งไม่อาจป้องกันการโจมตีมันได้และสัตวอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างสิงโตอัสนีม่วงก็ถูกโยนไปให้อีกสองกลุ่มที่เหลือ แม้ว่าทั้งสองกลุ่มจะไม่พอใจ แต่พวกเขาก็ไม่อาจพูดอะไรได้ กับอสรพิษวิญญาณบินที่สามารถบินได้มันทำให้คนที่อยู่บนพื้นกลายเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ทันที มันสามารถโจมตีกลับมาได้ด้วยพิษของมัน ดังนั้นสัตว์อสูรตัวนี้จึงเหมาะสำหรับกลุ่มผู้ใช้ธนูและแส้
สำหรับไส้เดือนเผือก คนมากมายก็มีความคิดอย่างเดียวกัน ในฐานะที่เป็นสัตว์อสูร ตัวของมันอาจจะเรียกได้ว่า มังกร ที่ขึ้นชื่นในเรื่องของการป้องกันที่แข็งแกร่ง และก็เป็นอย่างที่ตู่กูเฟิงพูดเอาไว้ เซียนปฐพีทั่ว ๆ ไปไม่อาจทำร้ายมันได้ เนื่องจากร่างกายของมันมีการป้องกันสูงมากและเป็นเรื่องปกติที่จะให้คนที่มียุทธภัณฑ์เป็นคนจัดการและฆ่ามัน
แม้ว่าลิ่นจักรพรรดิและสิงโตอัสนีม่วงจะจัดการยากทั้งคู่ แต่ทั้งสองกองกำลังที่เหลือต่างก็แข็งแกร่งในแบบของตัวเองและมีคนจำนวนมากอีกด้วย มีเซียนปฐพีอย่างน้อยที่สุด 30 คนและการจัดการกับสัตว์อสูรเพียงตัวเดียว มันก็คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่
หลังจากที่เดินออกไปได้หลาย 10 กิโลเมตร ทุกคนก็หยุดอยู่กับที่เมื่อพวกเขาเห็นซากของการต่อสู้
ทันใดนั้น เสียงคำรามของสัตว์อสูรก็ดังขึ้นราวกับว่าจะสั่นสวรรค์เขย่าปฐพี จากสัตว์อสูรตัวมหึมาทั้ง 3 ตัว มีงูตัวใหญ่อยู่หนึ่งตัวที่มีความกว้างเทียบเท่ากับผู้ใหญ่ทั้งตัวพร้อมกับปีกสีดำ -นี่คืออสรพิษวิญญาณบิน
ถัดจากอสรพิษวิญญาณบินคือสิงโตตัวใหญ่ ใบหน้าของมันดูดุร้ายอย่างไม่น่าเชื่อและมีเกล็ดสีม่วงกระจายอยู่ทั่วร่างกาย บางครั้งมีกระแสไฟฟ้าแล่บวูบวาบอยู่ทั่วร่างกาย- นี่คือสิงโตอัสนีม่วง
ข้าง ๆ สิงโตอัสนีม่วงเป็นสัตว์อสูรเลื้อยคลานที่สูงและยาวกว่า 10 เมตร ลำตัวอวบอ้วนไร้ขาอยู่เหนือพื้นดินและร่างกายที่ถูกปกคลุมด้วยเกล็ดสีน้ำตาลทั่วตัว
เมื่อสัตว์อสูรทั้งสามปรากฏตัวพร้อมกับแสดงความแข็งแกร่ง ความกดดันได้กดทับหน้าอกของทุกคนราวกับมีก้อนหินหนัก ๆ มาทับพวกเขาไว้ทำให้ยากจะเคลื่อนไหว
ตอนนี้ลิ่นจักรพรรดิอาจจะอยู่ใต้ดิน ดังนั้นจงระวัง ! ตู่กู่เฟิงพูดขณะที่เขาถือดาบไฟและพุ่งเข้าหาไส้เดือนเผือก หลังจากนั้นชิเซียงกรานและเจียเต๋อหวูคังพร้อมกับกลุ่มของเขาก็พุ่งเข้าไปพร้อมกับอาวุธของตัวเอง
ในขณะนั้น นอกจากลิ่นจักรพรรดิแล้วสัตว์อสูรอีกสามตัวต่างก็เริ่มแสดงอาการออกมา
“วูช ! “
ด้วยแสงสีทอง หญิงสาวชุดเหลืองยิงธนูไปยังอสรพิษวิญญาณบิน
ปัง ! ลูกศรปะทะกับอสรพิษวิญญาณบินพร้อมกับเสียงระเบิด ร่างกายของอสรพิษกระตุกเกร็งอยู่ชั่วขณะหนึ่งก่อนที่จะทรุดตัวลงอีกครั้ง บนร่างกายอันใหญ่โตของมันสามารถมองเห็นหลุมเลือดขึ้นมา 1 จุด
ด้วยเสียงที่ดังกึกก้องสะเทือนไปทั้งรูหู อสรพิษได้บินเข้าใส่หญิงชุดเหลือง
ฉินจี๋ยกมีดพร้าขึ้นมาและตะโกน ใช้แส้มัดร่างกายมัน !
เทียนมู่หลิงพุ่งไปด้านหน้าพร้อมกับสีหน้าจริงจัง ในทันทีแส้ในมือของนางก็พร่าเลือนพุ่งเข้าหาอสรพิษบิน แส้ได้ขยายขณะอยู่บนอากาศก่อนที่จะพุ่งเข้าพันปีกของอสรพิษและทำให้มันไม่อาจบินได้
ตาม ! ฉินจี๋คำราม ด้วยยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎของเขาขณะที่ไปบนอากาศ ตัวเขาและชายอีกสามคนก็พุ่งเข้าหาอสรพิษบิน ในขะณเดียวกันร่างกายของเจี้ยนเฉินก็พร่าเลือนขณะที่เขาพุ่งเข้าหาอสรพิษพร้อมกับกระบี่วายุโปรยของเขา ศิษย์พี่อันและหยุนเจิ้งทั้งสองก็ตามหลังเจี้ยนเฉินมาติด ๆ
ปัง ! เสียงปะทะและคลื่นพลังปราณสั่นสะเทือนราวกับมหาสมุทรกระแทกออกไปบริเวณรอบ ๆ จนกลายเป็นซากหักพัง เมื่อพลังจางหายทั้งสามกองกำลังก็เริ่มต่อสู้เช่นกัน