เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 331: ผู้แข่งขันที่เก่งกาจทั้งสิบ (1)
ตอนที่ 331: ผู้แข่งขันที่เก่งกาจทั้งสิบ (1)
หัวใจของเจี้ยนเฉินพองโตเมื่อหยิบทักษะมายาพริบตาขึ้นมา ทักษะการต่อสู้ครั้งนี้มีพื้นฐานเกี่ยวกับความเร็ว มันค่อนข้างแตกต่างจากย่างก้าวพริบตาที่ถูกเขียนไว้ในบัญญัติกระบี่นภา ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การเดินและการใช้ในการต่อสู้ และในขณะเดียวกันมันสามารถเพิ่มความเร็วของเขาเมื่อต้องต่อสู้กับเซียนธาตุลมที่โดยปกติแล้วเขาต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
มายาพริบตานี้เพิ่มความเร็วในการวิ่งของบุคคลเป็นเส้นตรง ในขณะที่ไม่มีความยืดหยุ่นเหมือนย่างก้าวพริบตาในบัญญัติกระบี่นภา แต่ก็สามารถเอาชนะเซียนธาตุลมในการเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงซึ่งเป็นสิ่งที่เจี้ยนเฉินต้องการ.
นอกจากนี้หากใช้ทักษะมายาพริบตาไปถึงจุดสูงสุด,ความเร็วของมันก็จะไม่มีใครเทียบได้และเขาจะสามารถเดินทางได้สูงถึง 500 กิโลเมตรในทันที.
แม้ว่ามันจะฟังดูเหมือนเป็นการพูดเกินจริง แต่นี่เป็นแง่มุมของทักษะมายาพริบตาที่สามารถอธิบายได้ว่าน่ากลัวเพียงใด
“เจี้ยนเฉิน เจ้าไม่ควรประมาททักษะการต่อสู้มายาพริบตา ลุงเทียนของข้าบอกว่าถึงแม้มันจะเป็นทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ แต่มันก็สามารถมีผลกับเซียนผู้คุมกฎได้ มันเป็นหนึ่งในสิ่งที่เขาและบรรพบุรุษของข้าพบในรังมรณะเมื่อนานมาแล้ว หนังสือมายาพริบตานี้เป็นบันทึกโบราณที่หายาก มันเป็นของตระกูลโบราณ จุดอ่อนเพียงอย่างเดียวของมันคือการศึกษาเรียนรู้มันมันยากมาก ข้าเองยังรู้สึกติดขัด แต่ความเร็วของข้าก็เพิ่มขึ้น 2-3 เท่าแล้ว” หมิงตงอธิบายให้เขาฟัง
ตามคำอธิบายของหมิงตง เจี้ยนเฉินก็นึกย้อนกลับไปทันทีเมื่อเขาเจอหมิงตงครั้งแรก ในเวลานั้น ความเร็วของหมิงตงนั้นน่าทึ่งและเขาก็บินข้ามไปหลายกิโลเมตรด้วยความเร็วที่น่ากลัว
“เจี้ยนเฉิน ตำราทักษะมายาพริบตาเล่มนี้เป็นเพียงแค่สำเนา เมื่อเจ้าจำมันได้แล้วให้เจ้าเผามันทันทีเพื่อที่มันจะได้ไม่ตกไปอยู่ในมือของคนอื่น” หมิงตงกล่าว
เจี้ยนเฉินกำทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ไว้และพยักหน้าอย่างจริงจัง “ข้าเข้าใจแล้ว”
“เจี้ยนเฉินศึกษาต่อไปเถอะ ข้าจะไม่รบกวนเจ้า อย่างไรก็ตามข้าขอแนะนำให้เจ้าเรียนรู้ทักษะมายาพริบตาโดยเร็วที่สุด เจ้าจะสามารถหลบหนีจากเซียนสวรรค์ได้หากจำเป็น” หลังจากนั้นหมิงตงจึงออกจากห้อง
เจี้ยนเฉินหยุดศึกษาทักษะการต่อสู้ขโมยชะตาสวรรค์ทันทีและเริ่มอ่านทักษะมายาพริบตาแทน เนื่องจากมันเป็นเพียงทักษะการต่อสู้เสริม เนื้อหาของมันจึงไม่สื่อความหมายมากเกินไปและมีเพียง 13 หน้า เจี้ยนเฉินจดจำทั้งสิบสามหน้าอย่างรวดเร็วด้วยทักษะความจำทางปัญญาและหลังจากนั้นเขาก็เผามันจนกลายเป็นขี้เถ้า
เจี้ยนเฉินยังคงนั่งอยู่บนเตียงในขณะที่เขาใช้ความคิดไตร่ตรอง ตอนนี้เขาได้พบกับทักษะมายาพริบตาซึ่งเป็นเนื้อหาที่ลึกซึ้ง มันเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมากในการฝึกฝนแม้ว่ามันจะเป็นทักษะการต่อสู้เสริมและมันก็ยังยากกว่าทักษะขโมยชะตาสวรรค์ เนื้อหาที่อยู่ด้านในนั้นมีทั้งความลึกลับและลึกซึ้ง เนื้อหาบางส่วนยังลงลึกเกี่ยวกับมิติ ทำให้เจี้ยนเฉินได้เรียนรู้สิ่งแปลกใหม่
อีกสามวันต่อมา เจี้ยนเฉินยังคงอยู่ในห้องของเขาขณะที่เขาพยายามทำความเข้าใจทักษะมายาพริบตา บางครั้งเขาจะนั่งบนเตียง บางครั้งเขาก็จะเดินไปเดินมาในห้องของเขาเพื่อพยายามที่จะทำความเข้าใจ
รอบชิงชนะเลิศของงานชุมนุมทหารรับจ้างก็มาถึง หลังจากสามวันติดต่อกันเพื่อพยายามเข้าถึงการรู้แจ้ง ในที่สุดเจี้ยนเฉินก็เข้าใจความหมายของทักษะเล็กน้อย สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าเขามีความรู้พื้นฐาน แต่มันก็ยังเป็นความสำเร็จเล็กน้อยสำหรับเจี้ยนเฉิน อย่างน้อยที่สุด เขามีมีความเข้าใจในทักษะมายาพริบตาขั้นแรกเล็กน้อยซึ่งช่วยให้เขาเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นโดยเสียพลังเซียนไปเพียงเล็กน้อย
ในเช้าวันต่อมา เจี้ยนเฉินก็หยุดความพยายามในการทำความเข้าใจทักษะมายาพริบตาและเดินออกจากห้องของเขาในที่สุด ไม่นานหลังจากนั้น เขา, ฉินเซียวและอีกหลายคนออกจากโรงเตี๊ยมไปด้วยกัน ในอีกไม่กี่วันข้างหน้ารอบชิงชนะเลิศจะเกิดขึ้น ทหารรับจ้าง 500 คนจะต่อสู้แบบตัวต่อตัวจนกว่าจะมีการประกาศนามราชาแห่งทหารรับจ้าง
บริเวณลานต่อสู้รอบชิงชนะเลิศจะเกิดขึ้นที่จัตุรัสใหญ่ กลางเมืองทหารรับจ้าง สังเวียนได้ถูกจัดตั้งขึ้นแล้วเนื่องจากมีพื้นที่ที่มีการยกระดับสูงหลายแห่งพร้อมม่านโปร่งใสซึ่งครอบคลุมสังเวียนแต่ละแห่ง ในทุกทิศทางมีผู้คนมากมายรวมตัวกันเพื่อเฝ้าดูเหตุการณ์สำคัญของวันนี้
ฉินเซียวตบไหล่เจี้ยนเฉินและหมิงตงอย่างหนัก มันเป็นการบ่งบอกว่าเขาสนับสนุนพวกเขาอยู่ “เจี้ยนเฉิน, หมิงตง สู้ ๆ ! ” แม้ว่าเขาจะพูดแค่คำสั้น ๆ แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะให้กำลังใจ
เจี้ยนเฉินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องกังวล ข้าจะสู้จนลมหายใจสุดท้าย ข้าไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะได้อันดับหนึ่ง แต่ข้ามั่นใจว่าข้าสามารถเข้าถึงสิบอันดับแรกได้อย่างไม่มีปัญหา”
หลังจากนั้นเจี้ยนเฉิน, หมิงตงและศิษย์พี่อันแยกตัวจากฉินเซียวและคนอื่น ๆ ในกลุ่มก่อนที่จะเป็นคู่แข่งกัน พวกเขาข้ามประตูมิติไปยังพื้นที่ป้องกันซึ่งเป็นพื้นที่แยกที่ป้องกันคู่แข่งจากผู้ชมในขณะที่ยังคงให้พวกเขาเห็นโลกภายนอก
แม้แต่สังเวียนเองก็ได้รับการปกป้องด้วยม่านพลังที่ดูเปราะบางแต่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ มันปิดผนึกสิ่งที่อยู่ภายในอย่างสมบูรณ์ เฉพาะคนที่เข้ามาในประตูมิติเท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงได้ ด้วยวิธีนี้ ไม่มีผู้ชมคนใดจะสามารถเข้าไปแทรกแซงได้ และการต่อสู้ภายในจะไม่สามารถส่งผลกระทบต่อโลกภายนอก
การแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศจะตัดสินโดยการจับสลาก คนที่ได้บัตรหมายเลข 1 จะต่อสู้กับคนที่ได้บัตรหมายเลข 499 ในขณะที่คนที่ได้บัตรหมายเลข 2 จะต่อสู้กับคนที่ได้หมายเลข 498 ซึ่งจะมีการจับคู่ต่อไปเรื่อย ๆ จนครบตามจำนวน. ด้วยวิธีการดังกล่าว ถ้ามีคนที่ไม่ได้ลงแข่งขัน พวกเขาจะต้องรอให้รอบปัจจุบันจบก่อน พวกเขาจึงจะมีส่วนร่วมได้ในรอบถัดไป
เจี้ยนเฉินหยิบได้หมายเลขที่ 88 ซึ่งหมายความว่าเขาจะต่อสู้กับหมายเลข 412 และจะเป็นการแข่งขันรอบที่ 88
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเพราะมี 10 สังเวียนที่มีการแข่งขันพร้อมกัน ในเวลาไม่นานก็ถึงเวลาที่เจี้ยนเฉินต้องเดินไปที่สังเวียนหมายเลขแปด
เจี้ยนเฉินเดินผ่านประตูมิติเพื่อข้ามไปยังสังเวียนหมายเลขแปด เจี้ยนเฉินเข้ามาถึงม่านพลัง ม่านพลังทนทานอย่างไม่น่าเชื่อ และมันยังมีลักษณะพิเศษอีกอย่างหนึ่งซึ่งคนที่อยู่ข้างในจะไม่สามารถได้ยินเสียงคนที่อยู่ข้างนอก อย่างมากพวกเขาจะสามารถเห็นผู้ชมอ้าปากค้างขณะที่พวกเขาร้องกรีดร้องแต่จะไม่ได้ยินเสียงเลย แม้แต่วัสดุที่ใช้ในการสร้างเวทีก็ยังเป็นความลับ เนื่องจากแต่ละก้าวทำให้เจี้ยนเฉินรู้สึกราวกับว่ามันทำมาจากเหล็กที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ
เช่นเดียวกับที่เจี้ยนเฉินเข้าสู่สังเวียน คู่ต่อสู้ของเขาก็ข้ามเข้ามาในอีกฝั่งหนึ่ง ผู้ชายที่ดูแข็งแรงปรากฏตัวขึ้น เขามีเอวของหมีและแผ่นหลังของเสือ เมื่อเทียบกับเจี้ยนเฉินที่เพรียวบาง ทั้งสองต่างกันอย่างสิ้นเชิง ชายผู้นี้ไว้ผมสั้น เขามีดวงตาที่ดูดุดันทำให้ท่าทางของเขาดูกล้าหาญ เขาถือกระบี่สองมือที่เปล่งประกายสีแดง ซึ่งบ่งบอกว่าเขาคือเซียนปฐพีผู้เชี่ยวชาญธาตุไฟ
ทั้งสองไม่พูดอะไรเลยและเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้อย่างเงียบ ๆ
เริ่ม ! เสียงผู้อาวุโสดังทะลุม่านพลังและดังก้องอยู่ในแก้วหูของนักสู้ทั้งสอง ชายวัยกลางคนพุ่งออกมาแล้วก็บินไปหาเจี้ยนเฉิน กระบี่สองมือในมือของเขาพุ่งไปข้างหน้าขณะที่เขาพยายามแทงหัวใจของเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินจ้องชายที่กำลังพุ่งเข้ามาอย่างใจเย็น เขาวางแผนใช้ทักษะมายาพริบตา
ในช่วงเวลานั้น กระบี่นั้นอยู่ห่างจากหัวใจของเจี้ยนเฉินไม่ถึงหนึ่งเมตร แต่เจี้ยนเฉินยังไม่ได้เคลื่อนไหวใด ๆ เลย ชายวัยกลางคนรู้สึกทึ่งที่เห็นว่าเจี้ยนเฉินไม่ได้พยายามหลบ ในเสี้ยววินาที ปลายกระบี่ที่เล็งไปที่หัวใจของเจี้ยนเฉินเอียงตัวเข้าหาหน้าอกของเขาทันที
ทันใดนั้นในวินาทีที่กระบี่กำลังจะทะลุหน้าอกของเจี้ยนเฉิน ดวงตาของเจี้ยนเฉินก็เปล่งประกายครั้งหนึ่งเมื่อกระบี่ปรากฏขึ้นที่มือขวาและแทงสวนออกไปทันที ในเวลาเดียวกันกับการโจมตี ร่างของเจี้ยนเฉินก็หายไปราวกับว่าภาพสะท้อนในกระจกกระจายหายไป ในช่วงที่เขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เขาก็ยืนอยู่ข้างหลังชายคนนั้นโดยมีกระบี่อยู่บนไหล่ของเขา
” เจ้าแพ้แล้ว ! ” เจี้ยนเฉินไม่ได้หันกลับไปมองขณะที่เขาพูด
ชายคนนั้นดูงุนงงไปชั่วครู่ก่อนจะฟื้นตัวเองอย่างรวดเร็ว เขาใช้นิ้วลูบบริเวณต้นคอของเขา เขาถึงกับตะลึงที่ได้สัมผัสเลือด
เมื่อเขาเห็นเลือดบนนิ้ว ใบหน้าของเขาก็ซีดเซียวทันทีก่อนที่จะสูดหายใจเข้าลึก ๆ ” ช่างเป็นกระบี่ที่ว่องไวและรวดเร็วมาก ! “
ในเสี้ยววินาทีนั้น กระบี่วายุโปรยของเจี้ยนเฉินได้แทงผ่านผิวหนังชั้นแรกบนคอของชายโดยไม่ได้ถึงกับทำร้ายเขา ความแข็งแกร่งที่เจี้ยนเฉินใช้โจมตีนั้นสมบูรณ์แบบ ถ้าเขาใช้พลังเพิ่มอีกเล็กน้อย ชายคนนั้นก็คงต้องลงไปกองกับพื้นในสภาพที่หมดลมหายใจ
“เจี้ยนเฉินเป็นผู้ชนะในสังเวียนหมายเลขแปด ! ” ผู้ตัดสินเข้ามาทันทีที่ประตูมิติของทั้งสองฝ่ายเปิดออก
“น้องชาย ขอบใจมากที่เจ้าไว้ชีวิตข้า” หลังจากขอบคุณไปสองสามคำ ชายวัยกลางคนก็เดินออกจากสังเวียนที่แปดพร้อมกับท่าทางตกตะลึง
หลังจากนั้นหมิงตงและศิษย์พี่อันก็เข้าไป หมิงตงเป็นเซียนปฐพีวัฏจักรที่ 6 เขาจึงสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างง่ายดายด้วยวิธีที่ไม่ได้ทำให้ใครต้องแปลกใจ การต่อสู้ของศิษย์พี่อันนั้นดุเดือดมาก แต่ในท้ายที่สุดเขาได้รับชัยชนะโดยได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
ขณะนี้ในเมืองทหารรับจ้างมีเซียนผู้เชี่ยวชาญแสงหลายคนซึ่งรักษาอาการบาดเจ็บต่าง ๆ ของผู้แข่งขันโดยไม่คิดค่าตอบแทน
หลังจากผ่านไปครึ่งวัน รอบแรกก็สิ้นสุดลง ในท้ายที่สุด 249 คนได้ไปต่อ หมายความว่าคน 1 คนจะต้องต่อสู้กับสมาชิกจากการสุ่มเลือกอีก 249 คน
ในวันที่สอง มี 124 คนที่ได้ชัยชนะ เหลืออีกคนเดียวที่ต้องสุ่มต่อสู้อีก 124 คน