เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 356: สัตว์อสูรระดับ 7
ตอนที่ 356: สัตว์อสูรระดับ 7
เพียงแค่เสียงคำรามอย่างเดียวของเสือขาวก็สามารถฆ่าเซียนปฐพีมากกว่าโหลได้อย่างง่ายดาย ผู้อาวุโสไป่จากตระกูลมู่หยวนและแม้กระทั่งเจี้ยนเฉินพร้อมกับคนที่มองกว่าหลายร้อยคนที่ได้เฝ้ามองดูต่างก็เห็นถึงความน่ากลัวของเสือตัวนี้
สวรรค์ เสือตัวนี้น่ากลัวมาก ! แค่ไม่กี่วินาทีมันก็ฆ่าเซียนปฐพีได้เป็นโหล เป็นไปได้ไหมว่าสัตว์อสูรระดับ 6 ทุกตัวจะทำเช่นนี้ได้ ?
มีความแตกต่างกันอย่างมากระหว่างสัตว์อสูรระดับ 5 กับระดับ 6 ที่ไม่อาจเอาชนะมันได้ด้วยจำนวนคน แม้กระทั่งเซียนสวรรค์หรือสูงกว่านั้นก็ยังไม่คิดที่จะต่อกรกับสัตว์อสูรระดับ 6
เป็นไปไม่ได้ แม้ว่าสัตว์อสูรระดับ 5 และระดับ 6 จะมีความต่างกัน แต่มันก็ไม่ใช่ต่างกันมากขนาดนี้ ! นี่ต้องเป็นสัตว์อสูรระดับ 6 อย่างไม่ต้องสงสัย ไม่อย่างนั้นเพียงแค่เสียงคำรามจะสามารถฆ่าเซียนปฐพีจำนวนมากได้รวดเร็วเช่นนั้นได้อย่างไร
ถูกต้อง สัตว์อสูรตัวนี้อยู่ในระดับ 6 เป็นอย่างมาก ไม่มีทางที่เซียนปฐพีจำนวนมากจะถูกฆ่าอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขายังทำงานร่วมกันเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของสัตว์อสูรอีกด้วย
คนที่เฝ้ามองดูการต่อสู้ต่างก็ตกตะลึงขณะที่พูดคุยกัน แต่ละคนยืนอยู่อย่างประหม่า ขณะที่มองสลับไปมาระหว่างเซียนปฐพีที่ตายกับเสือ พวกเขาล้วนแต่เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ขอบเขตเซียนปฐพียังเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อาจเอื้อม แม้แต่เซียนปฐพียังไม่ต่างอะไรจากมดตัวน้อย ๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าเสือขาว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีความหวังใด ๆ ที่จะโจมตีมัน
ใครจะคิดว่าสัตว์อสูร ระดับ 6 ขั้นสุดยอดนี้จะอยู่เบื้องหน้าข้า โอ้สวรรค์ มันอาจจะมีเพียงแค่เซียนสวรรค์ขั้นสูงสุดเท่านั้นที่จะสามารถต่อสู้ได้… ทหารรับจ้างคนหนึ่งพูด
….
ความแข็งแกร่งของเสือขาวทำให้ทุกคนหวาดกลัว แม้ว่ามันจะฆ่าคนไปแล้วหลายร้อยคนก่อนหน้านี้ แต่พวกนั้นก็ไม่ใช่เซียนปฐพีทั้งหมด การเติบโตที่ฉับพลันและสำคัญในครั้งนี้ทำให้เซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษหลาย ๆ คนได้ละทิ้งแผนการทุกอย่างที่จะไปจับลูกเสือ พร้อมกับหลายคนได้ตัดสินใจถอยออกไป
ความแข็งแกร่งของเสือขาวช่างน่ากลัวจริง ๆ มีเพียงเซียนสวรรค์เท่านั้นที่จะต่อกรกับสัตว์อสูรตัวนี้ได้
ผู้อาวุโสไป่ของตระกูลมู่หยวนไม่พูดอะไรเลยอยู่พักหนึ่ง แต่เพราะสัตว์อสูรระดับ 6 ตรงหน้าเขาทำให้เขาต้องถูกบังคับให้ล่าถอยออกไป
รีบกลับไปและรายงานเรื่องนี้ให้กับตระกูล ! ผู้อาวุโสได้หันไปพูดกับคนอื่นที่อยู่ในตระกูล
ขอรับ ! คนผู้นั้นรีบจากไปพร้อมกับม้าของเขาทันที
พริบตาสองวันก็ผ่านไปโดยมีคนเข้ามายังหุบเขาหมื่นพิษมากมาย ข่าวลือเกี่ยวกับสัตว์อสูรระดับ 6 แพร่กระจายออกมาอย่างรวดเร็วทำให้ตระกูลที่แข็งแกร่งพอ ๆ กับตระกูลมู่หยวนเริ่มปรากฏขึ้น แทบทุกกลุ่มต่างก็มีเซียนปฐพีอย่าวน้อย 10 คน มีบางกลุ่มที่มีเซียนปฐพีมากกว่า 100 คน
ยังมีการพูดกันว่าแม้กระทั่งเซียนสวรรค์ก็มาด้วยตัวของพวกเขาเองหลังจากนั้นไม่นาน เห็นได้ชัดว่าแม้กระทั่งพวกเขาก็ถูกดึงดูดมาเพราะลูกสัตว์อสูรระดับ 6
หลีกไปให้พ้นทาง นิกายพยัคฆ์มังกรมาแล้ว…
ถ้าทุกคนสามารถหลบทางได้ โปรดหลบทางให้เราสำนักวิญญาณสวรรค์…
ตระกูลไป่เย่วมาแล้ว หลบไปให้พ้นทาง…
เราคือทหารรับจ้างเทพเจ้าสงคราม หลีกทาง…
กลุ่มคนที่แข็งแกร่งเข้ามาในหุบเขาอย่างต่อเนื่อง พวกเขาได้ยินเกี่ยวกับสัตว์อสูรระดับ 6 แต่ละคนต่างก็รอโอกาสที่ฉกฉวยพร้อมกับกลุ่มเซียนปฐพีของเขาอย่างใจจดใจจ่อ
ด้วยเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ตระกูลหลานหมิงจึงตัดสินใจไม่เข้าร่วม เพราะผู้นำตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะวางมือจากการเข้าไปยังถ้ำเพื่อเอาลูกเสือ
วันนี้หัวหน้ากลุ่มที่มีอำนาจทุกคนมารวมตัวกันเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องของเสือขาว ขณะที่พวกเขาแต่ละคนเป็นเซียนปฐพีและทุกคนก็น่าจะต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับ 6 ได้ พวกเขาจึงไม่อยากแบกภาระเอาไว้คนเดียว ทุกคนรู้ว่าการต่อสู้นี้มันไม่ยาก แต่การเอาชนะมันก็ไม่ใช่ปัญหาหลักของพวกเขา
มาหารือกัน ทุกคนได้เห็นพลังของสัตว์อสูรระดับ 6 ด้วยตัวเจ้าเองแล้ว มันสามารถสังหารเซียนปฐพีได้หลายคนในคราวเดียวอย่างง่ายดาย ทำไมเราไม่มารวมตัวกันเพื่อต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับ 6 จากนั้นสุดท้ายพวกเราค่อยต่อสู้กันเองเพื่อลูกของมัน ? ชายกลางคนจากตระกูลไป่เย่วพูด
ไม่ เราจะไม่ทำอย่างนั้น เราจะทำอย่างนั้นได้ไงขณะที่อีกคนใช้ประโยชน์นี้ไปขโมยลูกของมัน ? หัวหน้าของทหารรับจ้างเทพเจ้าสงครามได้พูดขึ้น
ใครกล้าที่จะทำอย่างนี้ ? ด้วยคนจำนวนมากในกลุ่มของเรา เราสามารถล้อมจัดการคนเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย หนึ่งผู้เชียวชาญของนิกายพยัคฆ์มังกรพูด
ได้ เราจะปล่อยตรงนั้นให้เจ้าจัดการ เตรียมคนของเจ้าให้พร้อม
พริบตาพวกเขาทั้งหลายก็ได้ข้อสรุป กลุ่มเดียวที่ไม่มีความสุขคือตระกูลมู่หยวน ในเมื่อเซียนสวรรค์ของพวกเขายังไม่มาที่นี่ พวกเขาก็ทำได้เพียงยื้อเวลาเอาไว้จนกว่าพวกเขาจะมาถึง จากนั้นพวกเขาก็สามารถฉกเอาลูกเสือมาได้โดยที่ทุกคนไม่อาจทำอะไรพวกเขาได้
น่าเสียดายที่คนอื่น ๆ รู้เรื่องนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ลังเลและไประดมพลอย่างรวดเร็ว
เจี้ยนเฉินดูกลุ่มคนเหล่านี้จากบนกิ่งไม้ เนื่องจากตระกูลหลานหมิงกังวลว่าจะเกิดเหตุร้ายอย่างไม่ได้ตั้งใจ พวกเขาจึงเคลื่อนกำลังกลับไปแล้ว ท่ามกลางการวมตัวกันของผู้เชี่ยวชาญ มันไม่มีแม้แต่ตระกูลเดียวที่พวกเขาจะสามารถล่วงเกินได้
กลุ่มได้สั่งให้เซียนปฐพี 50 คนล้อมรอบเสือขาวและจากนั้นก็พุ่งเข้าใส่พร้อมกันหลังจากที่เตรียมตัวเสร็จ
เสือได้นอนอย่างชี้เกียจและหลับตาลงราวกับไม่สนใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัว อย่างไรก็ตามเจี้ยนเฉินเข้าใจเสือขาวเป็นอย่างมาก ในขณะที่เสือดูราวกับว่ามันไม่ได้อ่อนแอและตื่นตัวใด ๆ เจี้ยนเฉินก็สงสัยว่าเสือมันอาจจะยืนไม่ได้ ในช่วงสองวันที่ผ่านมาเสือไม่ได้ขยับไปไหนเลยราวกับกลัวว่าพลังของมันจะถูกมาใช้หมด
หากเสือมีพลังต่อสู้จริง ๆ มันจะฆ่าทุกคนที่กล้าเข้ามาแตะต้องลูกของมัน แต่มันไม่ได้ทำอะไรเลย นี่เป็นจุดที่น่าสงสัยที่สุดเนื่องจากการกระทำอย่างนี้ขัดแย้งกับสัญชาตญาณของมัน
มนุษย์ ช่วยลูกข้าด้วย ! ในเวลานั้น เสียงที่เหนื่อยล้าได้เข้ามาในหูของเจี้ยนเฉิน
เสียงที่ได้ยินอย่างฉับพลันนี้ทำให้เจี้ยนเฉินสะดุ้งก่อนที่จะตกลงมาจากกิ่งไม้ เมื่อมองไปรอบ ๆ ตัวของเขาอย่างระวัง เจี้ยนเฉินก็ไม่เห็นใครอยู่รอบข้างเขาเลย
หัวใจของเจี้ยนเฉินเต้นอย่างผิดจังหวะขณะที่เขาลงมาที่พื้น เขาไม่รู้สึกถึงใครที่อยู่รอบ ๆ เขา ดังนั้นเสียงที่เขาได้ยินมันต้องเป็นใครบางคนที่อยู่ใกล้ตัวเขา เขาตกใจเกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้
มนุษย์ ข้าขอร้อง ช่วยลูกข้าด้วย ในขณะเดียวกันเขาก็ได้ยินเสียงที่ชัดอยู่ในหูของเจี้ยนเฉินที่กำลังอ้อนวอน แต่มันก็อ่อนแรงราวกับเป็นการยากที่จะพูดออกมา
เจียนเฉินสั่นจากความตกใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะสงบสติอารมณ์ตัวเอง เขาเพิ่งจะรู้ว่าเสียงนี้มาจากด้านหน้า สิ่งที่ไม่น่าเชื่อกว่าคือมันมาจากเสือ
เจ้าเป็นใคร ! เจี้ยนเฉินพูดออกมาโดยแทบจะไม่ได้ขยับปาก แต่เขามั่นใจว่าเสียงของเขาต้องส่งไปยังเจ้าของเสียงนั้นอย่างแน่นอน
ข้าชื่อว่ารัมกุยเนส สัตว์อสูรด้านหน้าเจ้า เสียงที่อ่อนแรงพูด จากน้ำเสียง เจี้ยนเฉินสามารถบอกได้ว่ามันเป็นเสียงของผู้หญิง แต่ก็อ่อนแรงอย่างมาก
เมื่อได้ยินเสียงนี้ เจี้ยนเฉินก็ตกใจอย่างมากในใจ เขาไม่คิดเลยว่าเสียงที่เขาได้ยินจะเป็นเสียงของสัตว์อสูร ราวกับว่าไม่มีความแตกต่างระหว่างสัตว์อสูรและมนุษย์ แต่เจี้ยนเฉินไม่รู้ว่าเขาเข้าใจมันได้อย่างไร
ทันใดนั้นความคิดก็แวบผ่านเข้ามา เจี้ยนเฉินก็ตะลึงงัน งั้น….เจ้าเป็นสัตว์อสูรระดับ 7 ไม่ใช่ระดับ 6 ?
ย้อนกลับไปยังสำนักคากัต เจียนเฉินได้อ่านหนังสือหลายเล่มที่เกี่ยวกับสัตว์อสูร เขารู้ว่ามีสัตว์อสูรระดับ 7 ระดับสามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์และพูดภาษามนุษย์ได้
ตามสิ่งที่มนุษย์ได้แบ่งระดับพวกเรา ข้าเป็นสัตว์อสูรระดับ 7 เสียงที่อ่อนแอของเสือดังนั้นขึ้นอีกครั้ง ราวกับว่ามันได้กระซิบคุยกับเจี้ยนเฉินและมีเพียงพวกเขาสองคนที่ได้ยิน
สัตว์อสูรระดับ 7 นั่น….เทียบเท่ากับเซียนผู้คุมกฎของมนุษย์ จิตใจของเจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเสือที่ขวางอยู่หน้าถ้ำทั้งสองวันความจริงแล้วเป็นสัตว์อสูรระดับ 7
หากมีข่าวว่าสัตว์อสูรระดับ 7 กระจายออกไป ทุกคนจะต้องหนีกันกระจัดกระจาย การเผชิญหน้ากับเสือในระดับนี้ ใครกันจะกล้าขโมยลูกของมัน ?
มนุษย์ ข้าขอร้อง ช่วยลูกข้าด้วย เสียงของเสือที่กำลังอ้อนวอนได้ยินมาอีกครั้ง
เจี้ยนเฉินตกใจอย่างมาก ใบหน้าของเขาเริ่มมีรอยยิ้ม ขณะที่เขาคิดตะโกนอยู่ในใจ เจ้าเป็นสัตว์อสูรระดับ 7 ได้มาขอสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ข้าเป็นแค่เซียนปฐพี ข้าจะช่วยเจ้าได้อย่างไร ? มีคนมากมายมาที่นี่ ทำไมเจ้าไม่ถามพวกเขาสักคน ?
มนุษย์ จากทุกคนที่นี่ ข้าเชื่อใจเจ้าเท่านั้น ที่เหลือไม่น่าเชื่อถือ เจ้าจะช่วยลูกข้าหรือไม่ ? เสือได้ถามกลับมาอีกครั้ง
เจ้าไม่รู้จักข้า เจ้ารู้ได้ไงว่าข้าเป็นคนที่น่าไว้ใจที่สุด ? เจี้ยนเฉินรู้สึกประหลาดใจกับเหตุผลที่ดูฉาบฉวยของเสือตัวนี้
สัญชาตญาณ เรามีสัญชาตญาณที่หยั่งรู้ หากไม่มีมันเราจะไม่อาจรู้สึกใด ๆ ต่อผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเรา สัญชาตญาณของข้าไม่เคยผิด มันบอกข้าว่าเจ้าเป็นมนุษย์คนเดียวที่ข้าสามารถเชื่อถือได้ มนุษย์ เจ้าจะช่วยลูกข้าหรือไม่ ?