เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 404 - ลงโทษเซียนสวรรค์ ทำลายป้อมปราการ
ตอนที่ 404 – ลงโทษเซียนสวรรค์ ทำลายป้อมปราการ
เมื่อเห็นเจี้ยนเฉินที่พุ่งเข้ามา เฉียนหยุนก็ดูตกใจ การโจมตีเพียงครั้งเดียวจากเจี้ยนเฉินทำให้อาวุธเซียนและจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาเสียหาย โดยไม่ชักช้าเขาหันหลังกลับทันทีและเริ่มหนี
เจี้ยนเฉินจ้องไปที่เฉียนหยุนที่กำลังหลบหนีด้วยความเยือกเย็นและร้องเรียกเขาออกมา “ในวันนี้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ในวันหนึ่ง เจ้าจะได้เห็นการล่มสลายของอาณาจักรฉินกานด้วยตาตัวเอง บางทีเจ้าอาจจะได้ตระหนักถึงความเขลาของเจ้าในการเข้ามาแทรกแซงในเรื่องนี้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ร่างกายของเฉียนหยุนก็เริ่มสั่นเทา ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเจี้ยนเฉินเป็นคนที่ไม่ได้อยู่ในความสนใจของเขา แต่ตอนนี้เขาได้ตระหนักถึงความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินและไม่สงสัยในความสามารถของเขาที่จะทำตามที่เขาพูด
เพื่อให้อาณาจักรถูกทำลาย มันไม่ได้หมายความว่าประชาชนจะต้องถูกสังหาร หากสมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุดของอาณาจักรถูกฆ่าตาย อาณาจักรก็จะเหลือเพียงแค่ชื่อ
ถ้าเจี้ยนเฉินแข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับเซียนสวรรค์ทั้งห้าได้ด้วยตัวเองและชนะ แม้ว่าอาณาจักรฉินกานจะรวมเซียนสวรรค์เป็นหนี่งเดียว พวกเขาก็คงยังไม่มีโอกาสชนะอยู่ดี
ในช่วงเวลานี้ จิตใจของเฉียนหยุนนั้นเต็มไปด้วยความเสียใจ หากก่อนหน้านี้เขารู้ถึงพลังของเจี้ยนเฉิน เขาก็คงจะไม่สนใจเรื่องนี้อย่างแน่นอน
” เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับอาณาจักรฉินกาน หากเจ้ามีข้อข้องใจใด ๆ ก็มาตามหาข้าและอย่าทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ! ” เฉียนหยุนตะโกนมาข้างหลังขณะที่เขาหนีไป
เจียงหวูจี่รู้สึกตกใจเมื่อเขามองดูผู้เยาว์ซึ่งก็คือเจี้ยนเฉิน มันมีความคุ้นเคยอีกอย่างหนึ่ง แต่สิ่งที่เจียงหวูจี่สามารถรู้สึกได้ในขณะนั้นมีเพียงแค่ความตกใจ แม้ว่าเซียนสวรรค์ทั้งสี่ของอาณาจักรปิงหยางนั้นยังไม่แข็งแกร่งนัก แต่เฉียนหยุนก็เป็นคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขามในการต่อสู้กับเขา หลังจากที่เขาขึ้นสู่การเป็นเซียนสวรรค์วัฏจักรที่ 5 มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่เขาจะกลายเป็นเซียนสวรรค์วัฏจักรที่ 6 มันต้องใช้พลังงานจำนวนมากก่อนที่เจียงหวูจี่จะสามารถฝันที่จะต่อสู้กับเขาจนหยุดนิ่ง เขาไม่เคยคิดเลยว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเขาจะไม่เพียงแต่สามารถตัดแขนของเฉียนหยุนได้ แต่ยังบังคับให้เขาวิ่งหนีแบบหางจุกตูด
” เขาเป็นใคร ? ข้าไม่เคยเห็นเซียนสวรรค์ที่อายุน้อยเช่นนี้มาก่อน ไม่ว่าข้าจะดูเขาแค่ไหน ข้าก็รู้สึกราวกับว่าข้ารู้จักเขามาก่อน” เจียงหวูจี่สับสนอย่างเต็มที่ขณะที่เขาคิดกับตัวเอง ผู้เยาว์คนนี้แข็งแกร่งเกินไปจนทำให้เขารู้สึกอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมากว่าเขาเป็นใคร
แต่เจียงหวูจี่ไม่พยายามที่จะจากไป เซียนสวรรค์ทั้งสี่แห่งอาณาจักรปิงหยางที่ได้ตัดแขนขาทั้งสี่ของเจียงหยางหู่ทำให้เกิดความเกลียดชังอย่างแท้จริงระหว่างเขากับพวกเขา วันนี้ถ้าเขาไม่ได้ตัดหัวคนทั้งสี่คนก็คงไม่มีทางที่จะทำให้เจียงหวูจี่ออกไปจากจุดนี้
การหลบหนีของเฉียนหยุนทำให้เซียนสวรรค์ทั้งสี่ที่เหลืออยู่ตกอยู่ในความสิ้นหวัง เฉียนหยุนเป็นบุคคลที่มีความแข็งแกร่งและมีอำนาจอย่างแท้จริง เมื่อเขาจากไปแล้วจะไม่มีทางที่คนทั้งสี่จะมีโอกาสแม้แต่น้อยในการหยุดเจี้ยนเฉิน
ในขณะนี้พลังงานจากแหล่งกำเนิดของวิญญาณกระบี่ได้บินไปที่ชายทั้งสี่คนอีกครั้งในความพยายามที่จะตัดหัวพวกเขาอย่างไร้ความปราณี
เซียนสวรรค์ทั้งสี่นั้นยังไม่ได้ค้นพบว่าพลังงานต้นกำเนิดนั้นแข็งแกร่งเพียงใดสำหรับพวกเขาเอง ดังนั้นแทนที่จะหลบเลี่ยง พวกเขาเริ่มใช้ทักษะการต่อสู้ระดับปฐพีและพุ่งเข้าเจี้ยนเฉิน
ตอนนี้พวกเขาสามารถต่อสู้ด้วยความแข็งแกร่งครั้งสุดท้ายของพวกเขาเท่านั้น ทักษะการต่อสู้ระดับปฐพีขั้นสูงเป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่งที่สุดที่เหลืออยู่สำหรับพวกเขา
ด้วยความดูถูกเหยียดหยาม พลังของเจี้ยนเฉินก็แยกออกเป็น 4 ส่วน
เมื่อพลังทั้งสองฝ่ายปะทะกัน พลังเซียนจากอาวุธเซียนทั้งสี่ชิ้นนั้นระเบิดออกไปด้านนอกทันทีด้วยแรงระเบิดจำนวนมหาศาล เซียนสวรรค์ถูกส่งลอยกลับไป ในขณะที่พลังงานจากการระเบิดทำลายพื้นดินโดยรอบ
“พรวด ! “
ทันทีที่พวกเขาปะทะกัน เซียนสวรรค์ทั้งสี่ก็เริ่มกระอักเลือดออกจากปากของพวกเขา ในเวลาไม่นาน ใบหน้าของพวกเขาก็ซีดเซียวเมื่อมองไปที่รอยบิ่นใหม่บนอาวุธเซียนของพวกเขาจากที่พลังงานต้นกำเนิดได้สัมผัสกับมัน
“มะ ไม่ ! มันเป็นไปไม่ได้ ! เซียนสวรรค์จะทำลายอาวุธเซียนของเซียนสวรรค์อีกคนได้อย่างไร ? ” หนึ่งในสี่คนร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว ขณะที่อีกสามคนอยู่ในอาการตกใจ
แทนที่จะพูดอะไรบางอย่าง เจี้ยนเฉินยังคงจ้องมองด้วยสายตาเย็นชาต่อพวกเขา ลมที่พัดเข้ามารอบตัวเขาเริ่มเพิ่มความเร็วและรุนแรงก่อนที่จะผลักเขาไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่น่าตกใจในเวลาเพียงชั่วครู่ เขาก็มาถึงเซียนสวรรค์ทั้งสี่ที่อยู่ห่างออกไป 30 เมตรแล้วฟันด้วยกระบี่ที่มาจากพลังงานต้นกำเนิดของเขา เมื่อกระบี่ฟันลงมา แสงสีฟ้าและสีม่วงก็แทบจะมองไม่เห็น
เซียนสวรรค์สองคนรู้สึกเหนื่อยล้าเกินกว่าจะต่อสู้ได้อีกต่อไป อย่างไรก็ตามแทนที่จะตาย หัวของพวกเขาดูน่ากลัวก่อนที่ชั้นพลังงานจะส่งพวกเขาบินไปบนท้องฟ้า
ขับเคลื่อนตัวเองให้เร็วขึ้นด้วยธาตุลม เจี้ยนเฉินเหวี่ยงมือซ้ายของเขาไปที่หัวพวกเขาทั้งสอง เมื่อสัมผัสหัวทั้งสองก็เริ่มสั่นสะเทือนจากการระเบิด ทำให้วิญญาณแตกสลายและฆ่าพวกเขาอย่างสมบูรณ์
เซียนสวรรค์ไม่ได้อ่อนแอเหมือนอย่างเซียนปฐพี พวกเขาสามารถควบคุมพลังงานของโลกได้เองและอวดอ้างจิตวิญญาณที่เหนือกว่าใคร ๆ หากต้องการฆ่าเซียนสวรรค์ พวกเขาจะต้องดับจิตวิญญาณ
ร่างไร้หัว 2 ร่างหล่นลงมาจากท้องฟ้าพร้อมกับเลือดที่พุ่งออกมาจากคอของพวกเขา
ความตายของสหายทั้งสองของพวกเขา ทำให้เซียนสวรรค์ที่เหลือทั้งสองตกใจอย่างยิ่ง เมื่อมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยสีหน้าที่หวั่นกลัว จิตใจของพวกเขาก็เริ่มซึมเศร้า มันไม่ได้นานพอที่จะต้มน้ำชาเดือด ตั้งแต่การสู้รบเริ่มขึ้น แต่ในเวลานั้นผู้แข็งแกร่งที่สุดของเซียนสวรรค์ทั้งห้าคนได้หนีไป คนที่อ่อนแอที่สุดสองคนถูกฆ่าตายและคนที่เหลืออีกสองคนได้สูญเสียจิตวิญญาณในการต่อสู้ศัตรูตัวเองไม่ได้รับอันตรายใด ๆ เลย – ทิ้งความหวาดกลัวที่เหลืออยู่ให้อีกสองคนที่ตัวสั่นเทาด้วยความกลัวทั้งหมด
หลังจากที่ได้สังหารเซียนสวรรค์สองคน เจี้ยนเฉินยังคงดำเนินต่อไปและกลับไปหาสองคนสุดท้ายพร้อมกับกระบี่ที่พร้อมจะโจมตี
ผู้รอดชีวิตสองคนสุดท้ายได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก แต่เมื่อพวกเขาเห็นเจี้ยนเฉินมาหาพวกเขาพวกเขาทั้งคู่หน้าซีดด้วยความหวาดกลัวก่อนจะร้องว่า วิ่ง ! ไม่มีจิตวิญญาณของการต่อสู้แม้แต่กระผีกเดียว
เจี้ยนเฉินบินตามไปอย่างรวดเร็ว ด้วยธาตุลมของเขา เขาสามารถไล่ตามความเร็วของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย โบกมือขวาของเขา พลังงานต้นกำเนิดที่เขากวัดแกว่งไปทางหัวของเซียนสวรรค์ทั้งสอง
หนึ่งในเซียนสวรรค์หันกลับมาอย่างกะทันหันและเปิดใช้งานทักษะการต่อสู้ระดับปฐพีของเขาในขณะที่เขาฟันไปที่เจี้ยนเฉิน
เมื่อพลังทั้งสองมาปะทะกัน ก็จะเห็นการระเบิดขึ้นอีกครั้ง ในขณะที่เซียนสวรรค์ใช้ประโยชน์จากคลื่นกระแทกเพื่อผลักดันให้เขาอยู่ห่างจากเจี้ยนเฉินมากขึ้น อย่างไรก็ตาม อาวุธเซียนของเขามีรอยบิ่นขึ้นมาใหม่ ทำให้ชายผู้นั้นกระอักเลือดออกมาด้วยความเจ็บปวดอีกครั้งหนึ่ง
ในขณะเดียวกันก็เห็นแสงสีอีกอันหนึ่ง การโจมตีครั้งที่สองของเจี้ยนเฉินมาเร็วเท่ากับการโจมตีครั้งแรกของเขาและก่อนที่เซียนสวรรค์จะทิ้งระยะออกไปจากเจี้ยนเฉิน พลังงานต้นกำเนิดได้ตัดผ่านลำคอของเขาอย่างกับเต้าหู้
ด้วยความเร็วที่รวดเร็วราวกับสายฟ้า มือซ้ายของเจี้ยนเฉินพุ่งไปข้างหน้าแล้วตบเข้าที่หัวของชายผู้นั้นทำลายจิตวิญญาณของเขาจากภายในด้วยการโจมตีที่พิเศษ
เจี้ยนเฉินดึงพลังงานต้นกำเนิดกลับคืนสู่ร่างกายของเขาและยืดนิ้วมือขวาออกมา เลือดทั้งหมดที่พุ่งออกมาจากชายคนที่ถูกฆ่าใหม่เกิดเป็นใบมีดที่พุ่งไปยังเซียนสวรรค์คนสุดท้าย
ยังไม่ทันได้ระวังตัว เซียนสวรรค์รู้สึกถึงบางอย่างที่ทะลุอกของเขาจากด้านหลัง ก่อนที่เขาจะได้รู้สึกเจ็บปวดแม้เพียงเล็กน้อย อากาศด้านหน้าเขาก็เริ่มเรืองแสงสีแดงเมื่อกระบี่ที่สร้างจากไฟเริ่มลุกลามและก่อตัวเป็นทะเลเพลิงที่กลืนกินท้องฟ้า
ไม่ดีแล้ว ! เซียนสวรรค์เปลี่ยนเป็นหน้าซีดด้วยความหวาดกลัว แกว่งอาวุธของเขา เขาพยายามกระจายเปลวเพลิงออกไปเพื่อเผยทางผ่าน แต่เขาไม่ได้คิดว่ากระบี่เปลวเพลิงเล่มอื่นจะเปลี่ยนเป็นรูปร่างอยู่ข้างหลังเขาและตัดหัวของเขาได้อย่างง่ายดาย
ด้วยการยกมือขึ้น ลูกศรที่ปกคลุมไปด้วยแสงสีเข้มได้พุ่งไปข้างหน้าและพุ่งทะลุทะลวงผ่านศีรษะพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมา
ด้วยเหตุนี้ เซียนสวรรค์ทั้งสี่จากอาณาจักรปิงหยางได้ถูกสังหาร
ทันทีที่การระเบิดในสนามรบสิ้นสุดลง ทั้งโลกก็ดูเหมือนจะเงียบสงบ ทหารจำนวนมากมายที่ยืนอยู่ใต้เจี้ยนเฉินยังคงอยู่บนพื้นกองสุมไปด้วยซากศพ เลือดของคนจำนวนมากย้อมพี้นดินให้มีสีแดงและเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
เจียงหวูจี่เองได้แต่ยืนอยู่กลางอากาศได้อย่างโง่เขลาเท่านั้น เขาตกใจจนพูดไม่ออกแม้แต่น้อย แทบจะไม่ใช้เวลาเลย เซียนสวรรค์ทั้งสี่ก็ถูกฆ่าตายโดยที่ผู้เยาว์ไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ เลย สิ่งนี้จะทำให้ทุกคนประหลาดใจ
ต่อจากนั้นศีรษะของเซียนสวรรค์ทั้งสี่ก็เริ่มลอยไปรอบ ๆ ขณะที่เจียงหวูจี่ได้แต่เฝ้าดู
“ปล่อยให้พวกมันแขวนอยู่บนกำแพง” เจี้ยนเฉินพูด แม้จะฆ่าสี่คนเพื่อแก้แค้นให้กับพี่ชายของเขา แต่เขาก็ยังคงไม่รู้สึกมีความสุข
“ข้า..ข้าขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของท่าน” เสียงของเจียงหวูจี่สั่นไหวไปด้วยอารมณ์ในขณะที่เขาพูด หากมีบุคคลลึกลับที่ช่วยเหลือราชอาณาจักรเกอซุน เช่นนั้นอาณาจักรจะต้องพัฒนาขึ้นท่ามกลางบรรดาอาณาจักรทั้งหมดที่อยู่ใกล้เคียง
ยังคงเงียบงัน เจี้ยนเฉินมองกลับไปยังป้อมปราการ โบกมือของเขา ซากปรักหักพังของกำแพงป้อมปราการเริ่มสั่นสะเทือนอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่กำแพงสูง 50เมตรบางส่วนจะเริ่มลอยขึ้นไปในอากาศ ด้วยแสงที่ส่องสว่างรอบ ๆ ชิ้นส่วนซากปรักหักพังก็เริ่มซัดเข้าไปในป้อมปราการของมันเอง
“ปัง!” “ปัง ! ” “ปัง ! “
เมื่อชิ้นส่วนกระแทกเข้าไปในป้อมปราการ พื้นที่ทั้งหมดก็เริ่มสั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหวทำให้ภูเขาใกล้เคียงแตกสลาย ภายใต้การควบคุมของเจี้ยนเฉิน กำแพงป้อมปราการสูง 50 เมตรพังทลายลงบนป้อมปราการ ทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อโครงสร้าง ในขณะนั้นกำแพงทั้งหมดก็ล้มลงไปด้วยความสามารถของเจี้ยนเฉิน พร้อมกับตัวป้อมปราการของมันเอง
ทุกคนที่รับชมต่างตกตะลึงจนนิ่งเงียบแม้แต่เจียงหวูจี่ก็อ้าปากกว้าง ผู้เยาว์ที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นแข็งแกร่งเกินไป ถ้าเขาสามารถทำลายป้อมปราการขนาดใหญ่เช่นนี้ได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงเซียนสวรรค์ แต่เขาก็ทำลายอาคารได้ง่ายราวกับว่าเขากำลังทุบบ้านกระดาษ