เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 413: การกลับมา.
ตอนที่ 413: การกลับมา.
ถึงตอนนี้เจี้ยนเฉินได้ปล้นคลังทั้งหมดแล้ว อาณาจักรปิงหยางไม่มีความมั่นคงทางการเงินในขณะนี้ สิ่งนี้ดีกว่าการฆ่าขุนนางระดับสูงและผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถทุกคน ท้ายที่สุดขุนนางเหล่านี้ยังคงแข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรและหากไม่มีพวกเขา มันก็จะไม่มีใครควบคุมผลกระทบจากการปล้นสะดม ในสถานการณ์ทางการเมือง, การเงิน, และความไม่มั่นคงทางกายภาพ มันเป็นสถานการณ์ที่น่ากลัวอย่างแท้จริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกที่เคารพความแข็งแกร่ง
หลังจากเก็บเหรียญม่วงทั้งหมด เจี้ยนเฉินก็หันหลังกลับและเริ่มมองหาสิ่งที่เหลืออยู่ในคลัง
ในไม่ช้าเจี้ยนเฉินก็ออกจากคลังและเดินออกไปข้างนอกซึ่งมีทหารและขุนนางที่ยืนนิ่งไม่มีท่าทางเกรงกลัว
“ท่าน ท่านกวาดสมบัติไปมากมายและออกคำสั่งให้ทหารของเรากลับมาจากชายแดน ท่านควรปล่อยตัวฮ่องเต้ได้แล้วมิใช่หรือ ? ” แม่ทัพคนหนึ่งพูดด้วยความโกรธ
เจี้ยนเฉินยิ้ม “ใครบอกว่าข้าจะปล่อยเขาไป ? เขาทำให้คนหลายล้านคนจากอาณาจักรเกอซุนของข้าตาย ถ้าข้าปล่อยเขาไป คนที่ต้องตายในสงครามครั้งนี้จะไม่สามารถตายตาหลับได้ พ่อแม่ผู้ที่สูญเสียลูกของพวกเขาจะไม่ยกโทษให้ข้า”
คำตอบของเจี้ยนเฉินทำให้ทุกคนตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายในทันที “เจ้าต้องการปลงพระชนม์ฮ่องเต้ของเราหรือ ? ! เจ้าไม่กลัวความโกรธแค้นของพวกเราทุกคนใช่หรือไม่ ? ถ้าเป็นเช่นนั้นกองทัพของเราจะบุกทำลายอาณาจักรเกอซุนของเจ้า ! ! “
เจี้ยนเฉินหรี่ตาอย่างโหดเหี้ยม ลำแสงอำมหิตเริ่มรั่วไหลออกมาจากเขา เขาพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “พวกเจ้าต้องการเห็นข้าฆ่าทุกคนในพระราชวังนี้จนถึงสุนัขตัวสุดท้ายอย่างนั้นหรือ ? “
แม่ทัพตัวแข็ง เขากลัวที่จะพูดอะไรที่อาจทำให้เรื่องแย่ลง ในสายตาของพวกเขาบ่งบอกถึงความกลัว เมื่อพวกเขาตระหนักถึงผลของคำพูด ถ้าเจี้ยนเฉินสังหารหมู่ทั้งหมดในพระราชวังจริง ๆ คงจะไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้ เพราะเขาเป็นบุคคลที่ฆ่าเซียนสวรรค์ทั้งสองคนได้อย่างง่ายดาย
เจี้ยนเฉินไม่อยากเสียเวลา เขาคว้าไหล่ของฮ่องเต้และบินไปในอากาศโดยไม่พูดอะไรอีก ในไม่ช้าเขาก็หายตัวไปบนท้องฟ้า ทำให้ทุกคนมองเขาด้วยสายตาเบิกกว้าง พวกเขาตกใจที่ฮ่องเต้ของตัวเองถูกจับเป็นเชลย ยิ่งกว่านั้นพวกเขาไม่มีอำนาจที่จะหยุดมันได้
แม่ทัพหลายคนจ้องมองอย่างโกรธเคือง พวกเขาเกลียดชังเจี้ยนเฉินอย่างที่สุด หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาถอนหายใจอย่างเคียดแค้น
แม้ว่าอาณาจักรปิงหยางของพวกเขาจะไม่ถือว่าเป็นมหาอำนาจ แต่ประชากร 700 ล้านคนก็ไม่ใช่จำนวนเล็กน้อยเช่นกัน แต่ในวันนี้เด็กหนุ่มคนหนึ่งสามารถบุกเข้าไปในพระราชวังและจับตัวฮ่องเต้ไปต่อหน้าต่อตาของทุกคน ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามหักล้างซักเท่าไหร่ นี่จะเป็นเครื่องหมายของความอัปยศอดสูที่จะไม่มีวันจางหายไป
เจี้ยนเฉินยังคงบินอยู่บนท้องฟ้าโดยมีฮ่องเต้อยู่ในมือ ตอนแรกเขาวางแผนที่จะฆ่าทุกคนในพระราชวัง แต่คำพูดของฮ่องเต้ในเขาวงกตใต้ดินดังก้องกังวานในหัวของเขา มันช่วยให้เขาจำได้ว่าแม้แต่ทหารก็มีลูกและมีพ่อแม่ของตัวเอง แม้ว่าการฆ่าจะใช้เวลาในการคิดเพียงชั่วครู่ แต่ความคิดนี้จะทำให้มีเด็กกำพร้าจำนวนมากและพ่อแม่อาจต้องทนดูลูกตายจากไปก่อน ด้วยเหตุนี้และสิ่งที่ผู้เฒ่าเซี่ยวพูดกับเขาในหมู่บ้าน เจี้ยนเฉินจึงเปลี่ยนใจ เขาล้มเลิกความคิดที่จะสังหารหมู่ นอกจากนี้เขาก็ไม่ต้องการให้เลือดของผู้บริสุทธิ์แปดเปื้อนมือของเขา
พวกเขาบินผ่านหลายหมู่บ้าน พวกเขาใช้เวลาอีก 1 ชั่วยามจนมาถึงป้อมปราการทางตอนเหนือ พวกเขาบินลงมาท่ามกลางสีหน้าที่ประหลาดใจของทหารทุกคนบนกำแพงของป้อมปราการ
ทันทีที่เจี้ยนเฉินลงมา กลุ่มทหารที่ได้รับบาดเจ็บก็วิ่งพรวดเข้ามาโอบล้อมเขาด้วยสายตาที่เป็นกระวนกระวาย แต่ละคนกลัวว่าเจี้ยนเฉินเป็นศัตรู
แม่ทัพคนหนึ่งรีบออกมาจากป้อมปราการเพื่อรีบไปดูแลสถานการณ์ที่น่ากังวล ผู้เชี่ยวชาญประจำป้อมปราการเพิ่งจะออกไป และเซียนสวรรค์คนใหม่ก็มาถึง ! หากนี่คือศัตรู มันก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะหยุดชายผู้นี้จากการยึดป้อมปราการไว้ได้
ผู้อาวุโสมองดูเจี้ยนเฉินครู่หนึ่ง และหันไปมองฮ่องเต้ของอาณาจักรปิงหยางอย่างตกตะลึง ” ฮ่องเต้แห่งอาณาจักรปิงหยางใช่ไหม? ท่านมาที่นี่ทำไม ? ท่านมีเหตุผลอะไร ? ” สายตาของแม่ทัพนั้นแข็งกระด้างในขณะที่เขามองดูผู้มาใหม่ทั้งสองคน
เมื่อรู้ว่าแม่ทัพเข้าใจสถานการณ์ผิด เขาจึงโบกมือ “ท่านแม่ทัพเข้าใจผิดแล้ว ข้าจับตัวฮ่องเต้ของอาณาจักรปิงหยางมา ตอนนี้เขาไม่ได้ต่างอะไรไปจากนักโทษเลย”
“อะไรนะ ! ฮ่องเต้ของอาณาจักรปิงหยางเป็นนักโทษของเจ้ารึ ? ” แม่ทัพทั้งสับสนและตกใจ
“ถูกต้อง ตอนนี้เขาเป็นนักโทษของเราแล้ว ที่ปรึกษาจักรพรรดิทั้งห้าจากอาณาจักรฉินหวงอยู่ที่ไหน ? “
เมื่อพูดถึงที่ปรึกษาจักรพรรดิทั้งห้า แม่ทัพดูตกใจอีกครั้งก่อนที่จะคิดด้วยความตื่นตระหนก,” ท่านรู้จักที่ปรึกษาของฮ่องเต้ทั้งห้าจากอาณาจักรฉินหวงด้วยหรือ ? “
“พวกเขาทั้งห้ากับข้ามาจากอาณาจักรฉินหวงพร้อมกัน เราแยกกันครึ่งทาง ในขณะที่พวกเขาช่วยอาณาจักร ข้าก็แยกไปที่อาณาจักรปิงหยางใกล้เคียง” เจี้ยนเฉินเล่า
แม่ทัพยิ้มกว้างทันที เขาพูดตอบว่า “ท่านเป็นคนที่ฆ่าเซียนสวรรค์ทั้งสี่จากอาณาจักรปิงหยางใช่หรือไม่ ? “
เจี้ยนเฉินพยักหน้า “ถูกต้อง ข้าเอง”
เมื่อเจี้ยนเฉินยืนยัน แม่ทัพก็ฉีกยิ้มกว้างและผ่อนคลายความตึงเครียดทันที เขามองเจี้ยนเฉินด้วยสายตาที่ต่างจากเดิม เมื่อบรรดาทหารตระหนักว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ศัตรู พวกเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและยิ้มดีใจ พวกเขาให้การต้อนรับเซียนสวรรค์ที่เป็นพันธมิตรเพราะพวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่วิกฤติมาก สงครามทำให้พวกเขามีค่าและสร้างแรงบันดาลใจให้กับทหารด้วยความแข็งแกร่ง
คนเดียวที่มีสีหน้าบูดบึ้งคือฮ่องเต้แห่งอาณาจักรปิงหยาง สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายกว่าที่เขาคิด เขาไม่รู้ว่าอาณาจักรเกอซุนเป็นเพื่อนกับหนึ่งในแปดมหาอำนาจ อาณาจักรฉินหวง การที่อาณาจักรฉินหวงยอมส่งที่ปรึกษาจักรพรรดิเข้ามาช่วยเหลือ มันถือเป็นข่าวร้ายสำหรับศัตรูของพวกเขา นอกจากนี้ฮ่องเต้แห่งอาณาจักรปิงหยางยังตกตะลึงมากเมื่อได้ยินเรื่องที่เซียนสวรรค์ 4 คนที่ถูกส่งตัวมาถูกฆ่าอย่างน่าสยดสยอง
“เซียนสวรรค์ของอาณาจักรปิงหยางเสียชีวิตไปกี่คน ? ” แม้จะเป็นเชลย ฮ่องเต้แห่งอาณาจักรปิงหยางก็อดไม่ได้ที่จะถาม เซียนสวรรค์เป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งสำหรับอาณาจักร การสูญเสียเซียนสวรรค์สักคนเป็นสิ่งที่น่าตกใจอย่างยิ่งซึ่งอาณาจักรปิงหยางไม่สามารถรับมือได้
แม่ทัพของป้อมปราการทางเหนือเริ่มหัวเราะเสียงดัง “ฮ่องเต้ที่รัก ข้าขออนุญาตอธิบายเรื่องนี้ให้ท่านฟัง เมื่อสามวันที่ผ่านมา ผู้อาวุโสเจียงหวูจี่สังหารเซียนสวรรค์ของท่านไป 2 คนด้วยทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ ต่อมาผู้อาวุโสเจียงหวูจี่ก็สามารถกลับมาจากป้อมปราการแห่งปิงหยางได้พร้อมกับหัวของเซียนสวรรค์อีก 4 คน จากนั้นเขาก็ฆ่าอีกคนด้วยทักษะการต่อสู้ของเขา.คนสุดท้ายถูกสังหารพร้อมกับคนอื่น ๆ จากอาณาจักรมังกรซ่อน ต้องขอบคุณที่ปรึกษาจักรพรรดิจากอาณาจักรฉินหวง ตอนนี้หัวของพวกเขาประดับอยู่ที่ผนังของป้อมปราการ !
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ ฮ่องเต้แห่งอาณาจักรปิงหยางก็เริ่มเซไปมาเล็กน้อยก่อนจะล้มลงกับพื้น อาณาจักรปิงหยางของเขามีเซียนสวรรค์ 10 คน และ 8 คนถูกฆ่าตายอันเป็นผลมาจากสงคราม หากเขารวมอีก 2 คนที่ตายในพระราชวัง นั่นหมายความว่าเซียนสวรรค์ทั้ง 10 คนของเขาถูกฆ่าตายทั้งหมด นี่เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่สำหรับอาณาจักร เป็นการสูญเสียที่ทำให้ฮ่องเต้ถึงกับเป็นลมเมื่อได้ยินข่าว
ดวงตาของแม่ทัพแวววาวเมื่อเขามองดูฮ่องเต้ เขาจับมือแล้วโค้งคำนับให้เจี้ยนเฉิน “ท่านมีอะไรจะแนะนำเกี่ยวกับวิธีการลงโทษฮ่องเต้แห่งปิงหยางหรือไม่ ? “
เจี้ยนเฉินโบกมือแล้วพูดว่า “เจ้าจะทำอะไรกับเขาก็ตามใจเลย”
แม่ทัพยิ้มแย้ม เขาได้เรียกให้ทหารหลายคนมัดฮ่องเต้ไว้ด้วยเสียงที่กระตือรือร้น
หลังจากนั้นแม่ทัพก็อธิบายสถานการณ์ให้เจี้ยนเฉินฟัง เจี้ยนเฉินได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นแขก ขุนนางระดับสูงหลายคนแวะเวียนเข้ามาทักทายเขา พวกเขามองเจี้ยนเฉินด้วยความเคารพเมื่อรู้ว่าเขาเป็นคนลึกลับที่ฆ่าเซียนสวรรค์ 4 คนและยังจับตัวฮ่องเต้แห่งอาณาจักรปิงหยางมาเป็นเชลย
เจี้ยนเฉินนั่งอยู่บนม้านั่งและมองไปที่ประตูใกล้เคียงด้วยสายตาที่ซับซ้อน ดวงตาของเขาเผยให้เห็นแววตาแห่งความคาดหวังและความวิตกกังวลบางอย่าง
แม่ทัพเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษากาย เขาจึงสงสัยในสิ่งที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาเช่นนี้กับเจี้ยนเฉิน เขาไม่ละทิ้งความอยากรู้ เขายิ้มและพูดว่า “น้องชาย ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าท่านเป็นที่ปรึกษาจักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวงหรือ ? “
เจี้ยนเฉินพยักหน้าอย่างเลื่อนลอยก่อนที่จะเอ่ยว่า ” แม่ทัพ มีคนของตระกูลเจียงหยางอยู่ที่นี่บ้างหรือไม่ ? “
แม่ทัพส่ายหัวด้วยท่าทางที่สับสน “ข้าเกรงว่าท่านจะต้องผิดหวัง แต่เนื่องจากสถานการณ์ในป้อมปราการอีก 3 แห่ง ตระกูลเจียงหยางจึงถูกระดมกำลังไปทั้งหมด แม้แต่เซียนสวรรค์ทั้งสองของป้อมปราการนี้ก็ถูกย้ายตัวไปเพื่อช่วยเป็นสื่อกลางในการแก้ปัญหา”
เจี้ยนเฉินมีสีหน้าผิดหวังเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “ถ้าเช่นนั้น นายน้อยของตระกูลเจียงหยางอยู่ที่ไหน ? “
แม่ทัพมองเจี้ยนเฉินแปลก ๆ หลังจากได้ยินคำถาม. “นายน้อยของตระกูลเจียงหยางได้รับบาดเจ็บ เขาถูกพาตัวกลับไปรักษาตัวที่เมืองลอร์พร้อมกับคนอีกหลายคนในบ่ายวันนี้”
คำถามของเจี้ยนเฉินทำให้แม่ทัพสงสัย เท่าที่เขารู้อาณาจักรเกอซุนและอาณาจักรฉินหวงไม่มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน แต่วันนี้ที่ปรึกษาจักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวงยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือพวกเขา นอกจากนี้ชายหนุ่มผู้นี้ยังเป็นที่ปรึกษาจักรพรรดิซึ่งเขามีสัมพันธ์บางอย่างกับตระกูลเจียงหยาง แม่ทัพไตร่ตรองเกี่ยวกับการเชื่อมโยงของทั้งสอง หรือว่าเด็กหนุ่มคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นคนทำให้อาณาจักรฉินหวงยื่นมือเข้ามาช่วยอาณาจักรเกอซุน ?
เขาแทบไม่อยากเชื่อความคิดนั้นแต่เขาก็ไม่กล้าเอ่ยถามมากไป เขารู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เขาควรถาม
เจี้ยนเฉินผิดหวังมากเมื่อได้ยินว่าตระกูลเจียงหยางออกจากพื้นที่นี้ไปแล้ว แม่ทัพสังเกตเห็นอารมณ์ที่กระพริบผ่านใบหน้าของเขา เขาจึงใช้สิ่งนั้นยืนยันความสงสัยของเขา