เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 439: การมาเยือนของสำนักหัวหยุน
ตอนที่ 439: การมาเยือนของสำนักหัวหยุน
คฤหาสน์เจียงหยาง
เจี้ยนเฉินและคนอื่น ๆ ยังคงอยู่ในห้องของเจียงหยางหู่ขณะคุยกันก็ได้ยินเสียงจากด้านนอก
ผู้นำตระกูล มีเรื่องด่วนมารายงานขอรับ !
เจียงหยางป้าให้สัญญาณกับสาวใช้เปิดประตู เมื่อประตูเปิดขึ้น หนึ่งในผู้ดูแลก็รีบวิ่งเข้ามาอย่างฉับพลัน หัวหน้าตระกูล มีบางอย่างเกิดขึ้น สำนักหัวหยุนมาที่คฤหาสน์ของเรา !
ใบหน้าของเจียงหยางป้าเริ่มซีดลงทันที ขณะที่โบกมือให้สาวใช้ของเขาออกไปและย่นคิ้วอย่างหงุดหงิด ถ้าการกลับมาของเซียงเอ๋อหลุดออกไปและพวกเขาก็มาราวกับสายลม นั่นหมายความว่าพวกเขายังไม่ลืมเรื่องบาดหมางครั้งก่อน
นอกเหนือจากเจี้ยนเฉิน ใบหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นซีดขาว ไป๋หยุนเทียนรีบคว้าข้อมือเจี้ยนเฉิน ใบหน้าของนางเริ่มแสดงความกังวล หลังจากที่ห่างหายกันไปหลายปี ในที่สุดนางก็ได้เจอลูกอีกครั้ง ไป๋หยุนเทียนไม่ต้องการให้เจี้ยนเฉินถูกบังคับให้ร่อนเร่พเนจรอีกครั้ง
เจี้ยนเฉินเดาออกว่าแม่ของเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขารู้สึกเจ็บปวดหัวใจเล็ก ๆ เขาพูดว่า ท่านแม่ ท่านไม่ต้องกังวล ลูกของท่านจะไม่กระทำซ้ำเหมือนกับในอดีต
ท่านพี่ เร็ว ๆ รีบบอกเจียงไป่ ! เราได้ยินมาว่าเจียงไป่ได้ทำอะไรมาบ้างที่ฐานทางเหนือ ด้วยการที่มีผู้เชี่ยวชาญสองคน ข้ามั่นใจว่าพวกเขาต้องไม่ทำอะไรแน่ ๆ แม้ว่าจะเป็นสำนักหัวหยุนก็ไม่อาจทำอะไรหุนหันพลันแล่นได้ หยูเฟิงหยานพูดอย่างตื่นตระหนกและหวาดกลัว
เจียงหยางป้าส่ายหน้าของเขา เจียงไป่และเซียนสวรรค์คนอื่นๆทั้งหมดกำลังอยู่ที่พระราชวังพร้อมกับที่ปรึกษาจักรพรรดิแห่งอาณาจักรฉินหวง นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับพวกเขาที่จะเพิ่มความสัมพันธ์กับอาณาจักรใหญ่ ใครจะยอมละทิ้งโอกาสเช่นนี้ ? ข้าเชื่อว่าเจียงไป่จะไม่กลับมาสักพัก
งั้นเราจะทำอย่างไรดี ? เจียงไป่เป็นเซียนสวรรค์คนเดียวของเราและเขาก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาจะจัดการกับสำนักหัวหยุนได้อย่างไร ? ตอนนี้พวกเขาอยู่ในเมืองลอร์ มันอีกไม่นานกว่าที่เขาจะมาถึง หยูเฟิงหยานพูดอย่างกังวล เจี้ยนเฉินไม่ใช่บุตรของนาง แต่นางก็เป็นห่วงเขามาก
ท่านป้ารอง ข้าบอกแล้วว่าไม่ต้องกังวล ข้าจะจัดการเรื่องสำนักหัวหยุนเอง เจี้ยนเฉินพูด
เด็กโง่ อย่าพูดอะไรโง่ ๆ สำนักหัวหยุนแข็งแกร่งเกินกว่าที่เจ้าจะจัดการไหว ไป๋หยุนเทียนมองไปที่เจี้ยนเฉินและกอดเขาไว้ในอ้อมแขนราวกับกลัวว่าเขาจะจากไปอีกครั้ง
ท่านแม่ ลูกท่านไม่กลัวสำนักหัวหยุนหรอก เจี้ยนเฉินอธิบาย การที่ได้มาที่บ้าน ทำให้หัวใจของเขารู้สึกอบอุ่นและทำให้เขารู้สึกเหมือนกับเป็นเด็กที่ยังไม่ประสีประสาอีกครั้ง
เจียงหยางป้าพูด เซียงเอ๋อ เจ้าไม่ต้องกังวล ตระกูลเจียงหยางของเรามีของลับล้ำค่ามากมายที่จะทำให้เราแข็งแกร่งมากกว่าเมื่อหลายปีก่อน ด้วยทักษะต่อสู้ระดับสวรรค์ของเจียงไป่ ความแข็งแกร่งของเราไม่ใช่สิ่งที่สำนักหัวหยุนจะอวดเบ่งที่นี่ได้ เจ้าอยู่ที่นี่ ข้าจะไปจัดการกับสำนักหัวหยุนเอง”
หึมม สำนักหัวหยุนเป็นสำนักอันดับหนึ่งของอาณาจักรเกอซุนของเราและมีอำนาจที่แม้กระทั่งเชื้อพระวงศ์ยังต้องกลัวเกรง เซียงเทียนตัดแขนลูกคนเดียวของเขา เฉิงหมิงเซียง นั่นไม่อาจจะปรับความเข้าใจกันได้ หากเราไม่ส่งมอบตัวเจียงหยางเซียงเทียนออกไป เราจะเดือดร้อนอย่างมาก เราไม่ได้เปรียบอะไรตอนนี้ เซียงเทียนควรหนีเดี๋ยวนี้ อย่าให้พวกเราหลายคนต้องตายโดยไม่จำเป็น ไป๋ยู่ซวงพูดอย่างไม่พอใจ
เราจะทำอย่างนั้นได้เช่นไร ? เซียงเทียนออกเดินทางในโลกภายนอกมาหลายปีและลำบากมามากแล้ว เขาเพิ่งจะกลับมา เราจะให้เขากลับไปยังโลกที่โหดร้ายอย่างนั้นเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร ? หยูเฟิงหยานพูด
ไป๋ยู่ซวงย่นจมูกใส่หยูเฟิงหยานด้วยท่าทางหยาบคาย เปิดตาของเจ้ามอง ดูสิว่าใครที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เจ้า เขายังมีชีวิตอยู่และสบายดีไม่ใช่หรือ? มันไม่สำคัญว่าสิ่งที่เขาเจอจากภายนอกจะเป็นอย่างไรแต่เขาก็ยังมีชีวิตอยู่ และเห็นได้ชัดกว่าการเผชิญอันตรายเล็ก ๆ น้อย ๆ นั้นไม่เป็นอะไร หากว่าเขายังคงอยู่ที่นี่ตระกูลของเราทั้งหมดจะตกอยู่ในอันตราย พี่รองข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงเซียงเทียน แต่ข้าห่วงทั้งตระกูลของเรา
ทุกคนที่อยู่ที่นี่ หุบปากซะ ! เจียงหยางป้าพูดเสียงดังจนทำให้ทุกคนตกใจ เขามองไปที่ไป๋หยู่ซวงอย่างขึงขังและไม่มีการปิดบังความโกรธของเขา ไม่ต้องพูดมากอีก ข้าตัดสินใจดีแล้ว แม้ว่าสำนักหัวหยุนจะแข็งแกร่ง แต่ตระกูลเจียงหยางของเราก็ไม่ใช่ตระกูลที่จะมารังแกกันง่าย ๆ เซียงเอ๋อ เจ้าอยู่ที่นี่และอย่าออกไป ข้าจะเรียกรวมพลและเราจะได้เห็นดีกันว่าสำนักหัวหยุนจะทำอย่างไร ตระกูลเจียงหยางจะไม่กลัวเขาอีกต่อไป เจียงหยางป้าสะบัดแขนเสื้อก่อนที่จะออกไป
ไม่นานก็เกิดความตื่นตระหนกขึ้นอีกครั้งเมื่อเขาได้ยินข่าวใหม่หลังจากที่ผ่านไปในอึดใจเดียว ผู้คนเริ่มวิ่งไปมาอย่างวุ่นวาย ขณะที่สาวใช้และคนรับใช้ไปเรียกระดมพลนักสู้ทุกคน
ไป๋ยู่ซวงจ้องมองไปยังเจี้ยนเฉินอย่างโกรธแค้น เจ้านำความโชคร้ายมาให้ตระกูลเจียงหยางของเรา นับตั้งแต่ที่เจ้าเกิดเจ้าไม่ได้ทำอะไรนอกจากก่อเรื่องวุ่นวายให้กับเรา และตอนนี้ตระกูลเจียงหยางของเราจะถูกทำลายเพราะเจ้า
หยูเฟิงหยานและไป๋หยุนเทียนต่างก็ใบหน้ามืดครึ้ม คำพูดที่หนักหนาของไป๋ยู่ซวงทำให้ความโกรธของเขาเพิ่มขึ้น
แม้กระทั่งเจียงหยางหู่ก็หันหน้าไปมองไป๋ยู่ซวงด้วยความรังเกียจ ป้าสาม ท่านพูดจาหยาบคายกับน้องสี่ได้อย่างไร ? มันเป็นความผิดของเฉิงหมิงเซียง ไม่ใช่ความผิดของน้องสี่ของเรา น้องสี่ทำการแก้แค้นให้ข้าจากปัญหาของข้า หากมีใครที่จะถูกตำหนิ มันก็ควรจะเป็นข้า
น้องสาม อาหู่พูดถูกต้อง เซียงเทียนไม่อาจถูกตำหนิเรื่องในอดีตได้ ในฐานะที่เป็นเซียนเขาสามารถตัดแขนเซียนระดับสูงได้ ด้วยความแข็งแกร่งขนาดนี้ ไม่ใช่สิ่งที่อาณาจักรเกอซุนของเราจะเห็นได้บ่อยครั้ง เราควรจะมีความสุขกับความสามารถของเขา ไม่ใช่มาระบายความโกรธกับเขา หลิงหลงพูด ในอดีตนางปฏิบัติกับเจี้ยนเฉินด้วยความเฉยชา แต่ตอนนี้เจี้ยนเฉินได้ช่วยลูกชายของนาง นางรู้สึกขอบคุณเขามากเป็นพิเศษและมองเขาในแง่ดีกว่าที่เคย
เมื่อเห็นพี่-น้องทั้งสามเข้าข้างเจี้ยนเฉิน ไป๋หยูซวงก็รู้ว่าหากยังคงดื้อดึงต่อไปมันก็ไม่เกิดประโยชน์ ดังนั้นนางจึงออกไป
หลิงหลงเดินเข้ามาหาเจี้ยนเฉินและแตะตัวเขา เซียงเทียน อย่าโทษตัวเองและไม่ต้องสนใจคำพูดของป้าสามของเจ้า การที่มีเรื่องกับสำนักหัวหยุนไม่ต้องกังวลไป ตราบใดที่เจียงไป่อยู่ที่นี่ พวกเขาก็ไม่กล้ามากนัก อย่างไรก็ตามเจียงไป่นั้นเป็นคนลึบลับจริง ๆ ข้าไม่รู้ว่าเขาแข็งแกร่งขนาดไหน หากไม่ได้รับข่าวจากฐานทางเหนือ เราก็ไม่มีทางรู้ หากเรารู้ก่อนหน้านี้ เราจะไม่ยอมให้เจ้าออกจากบ้านไป หลายปีที่ผ่านมาเจ้าคงตกระกำลำบากมาก หลิงหลงพูดด้วยน้ำเสียงขอโทษ
เจี้ยนเฉินมีรอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้า ท่านป้าใหญ่ ท่านไม่ต้องกังวล เซียงเทียนไม่ใช่คนที่จะถูกรังแกได้ง่าย ๆ ท่านป้าสามจะต้องเสียใจกับคำพูดของนางในไม่ช้าก็เร็ว
ท่านแม่ ท่านอย่าดูถูกน้องสี่ไป น้องสี่ของข้าเป็นอัจฉริยะให้หมู่อัจฉริยะ แม้ว่าข้าจะเป็นพี่ใหญ่ของเขาก็ไม่อาจเทียบเขาได้ เจียงหยางหู่ยิ้มอยู่ที่เตียง ในใจของเขายินดีอย่างแท้จริงเพราะเขารู้ว่าน้องสี่ของเขาเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 มันไม่มีใครปรากฏในอาณาจักรเกอซุนมาก่อนและมันก็ยังหาได้ยากในทวีป
เมื่อเห็นบุตรของนางยิ้มร่า หลิงหลงมีความสุขอย่างแท้จริง นางรู้ว่าก่อนที่เจี้ยนเฉินจะคุยกับเจียงหยางหู่ เขาได้ละทิ้งความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว ดังนั้นนางจึงซาบซึ้งกับการกระทำของเจี้ยนเฉินเป็นอย่างมาก
….
ในเวลาเดียวกันในพระราชวังของอาณาจักรเกอซุน ที่ปรึกษาจักรพรรดิทั้ง 5 ได้มารวมตัวกันที่โต๊ะอาหาร มีคนหลายสิบคนมารวมตัวกัน นอกจากราชาแล้วยังมีคนอื่น ๆ ที่เป็นเซียนสวรรค์ของอาณาจักรข้างเคียง นี่เป็นการรวมตัวกันที่ไม่ธรรมดาและแม้กระทั่งองค์ชาย-องค์หญิงของอาณาจักรเกอซุนก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ในงานเลี้ยงผู้เชี่ยวชาญของอาณาจักรเกอซุนทั้งหมดได้มอบของขวัญให้กับที่ปรึกษาทั้งห้า มันแสดงให้เห็นถึงความนับถือและสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามที่จะประจบเอาใจพวกเขา
แม้ว่าทุกคนจะมีความแข็งแกร่งเท่ากัน แต่สถานะของพวกเขาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงและอำนาจของเขาก็แตกต่างกัน ผู้ชายเหล่านี้ล้วนแต่เป็นบุคคลที่รู้จักกันดีว่ามีความสามารถที่จะต่อสู้กับคนในระดับเท่ากันได้อย่างง่ายดาย ความแข็งแกร่งของเขาก็มากพอที่จะเอาชนะใครก็ตามที่มีพลังเหนือกว่าพวกเขา เมื่อรวมเข้ากับทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ที่แต่ละคนมี ทหารที่อยู่ภายใต้พวกเขาก็ยังอยู่เหนือกว่าพวกเขาอย่างชัดเจน
ท่านที่ปรึกษาจักรพรรดิผู้ทรงเกียรติ ราชาผู้นี้ขอขอบคุณอาณาจักรฉินหวงที่มาช่วยเหลือ หากอาณาจักรฉินหวงต้องการอะไรจากเรา เราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะให้ได้มันมา แม้ว่าอาณาจักรเกอซุนจะค่อนข้างอ่อนแอ แต่เราจะทำหน้าที่ดั่งม้าดั่งวัว ราชาพูด
ที่ปรึกษาจักรพรรดิทั้งห้าส่งยิ้มอย่างสุภาพกับคำพูดของเขา แต่ไม่มีใครรู้ว่าผู้พิทักษ์จักรพรรดิของพวกเขาเกี่ยวข้องกับอาณาจักรเกอซุนอย่างไร พวกเขาไม่รู้ว่าเขาเป็นมิตรกับขุมอำนาจไหน พวกเขาจึงไม่กล้าดูแคลนใครที่นี่ หากว่าเขาดูแคลนให้กับใครบางคนที่เป็นมิตรกับเจี้ยนเฉิน พวกเขาจะต้องรับผลที่ตามมา พวกเขาทั้งห้าติดตามเจี้ยนเฉินมาจากอาณาจักรฉิงหวงด้วยความหวังว่าจะสนิทกับเขา ไม่มีใครสักคนที่ต้องการทำให้มันเสียเปล่า
ในเวลานั้นอาจารย์ใหญ่ของสถาบันคากัต คาเฟอร์พูด ท่านที่ปรึกษาจักรพรรดิ ข้ามีคำถามอยากจะถาม มีคนที่อยู่ในฐานทางเหนือได้ยินว่าผู้พิทักษ์จักรพรรดิของท่านเป็นคนเข้ามาช่วย ข้าอยากจะถามว่าผู้สูงส่งคนนั้นเป็นใครหรือหากว่าท่านที่ปรึกษาจักรพรรดิรู้ ท่านสามารถบอกหน่อยว่าเขารู้จักอาณาจักรเกอซุนได้อย่างไร?