เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 440: ความแข็งแกร่งของตระกูลเจียงหยาง
ตอนที่ 440: ความแข็งแกร่งของตระกูลเจียงหยาง
ในเวลานั้นอาจารย์ใหญ่ของสถาบันคากัต คาเฟอร์พูด ท่านที่ปรึกษา ข้ามีคำถามอยากจะถาม มีคนที่อยู่ในฐานทางเหนือได้ยินว่าผู้พิทักษ์จักรพรรดิของท่านเป็นคนเข้ามาช่วยเรา ข้าอยากจะถามว่าผู้สูงส่งคนนั้นเป็นใครหรือหากว่าท่านที่ปรึกษารู้ ท่านสามารถบอกหน่อยว่าเขารู้จักอาณาจักรเกอซุนได้อย่างไร ?
เมื่อได้ยินคำถามนี้ ทุกคนที่อยู่ในโต๊ะต่างก็มองมาทางที่ปรึกษาจักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวงทันที คาเฟอร์ได้ถามคำถามที่อยู่ในใจแทนทุกคน พวกเขาแต่ละคนรู้ว่าสถานะที่ปรึกษาจักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวงไม่ควรจะมารู้จักกับอาณาจักเกอซุน
ที่ปรึกษาจักรพรรดิทั้งห้ามองหน้ากันราวกับพูดอะไรบางอย่างอย่างเงียบ ๆ พวกเขาทั้งหมดเป็นชนชั้นสูง ดังนั้นหากเป็นคนทั่วไปมาสอบถามเกี่ยวกับผู้พิทักษ์จักรพรรดิของพวกเขา พวกเขาจะต้องไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่กล้าเปิดเผยความไม่พอใจของพวกเขาต่อกลุ่มด้านหน้าของพวกเขาตรงนี้ เพราะกลัวว่าเขาจะทำให้สหายของผู้พิทักษ์จักรพรรดิไม่พอใจ อย่างไรก็ตามนี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้พิทักษ์จักรพรรดิ
ที่ปรึกษาจักรพรรดิทั้งห้าเงียบไปสักครู่ก่อนเซียวเทียนจะพูดว่า ชื่อของผู้พิทักษ์ของเราชื่อว่าเจี้ยนเฉิน ท่านพอจะนึกออกบ้างหรือไม่ ?
เมื่อได้ยินชื่อเจี้ยนเฉิน ทุกคนต่างแสดงออกถึงความสับสน พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
เมื่อเห็นใบหน้าของทุกคน ที่ปรึกษาจักรพรรดิทั้งห้าต่างก็รู้สึกสับสน จากสายตาของพวกเขา พวกเขาสามารถบอกได้เลยว่าไม่มีใครได้ยินชื่อนี้ ผลลัพธ์นี้ทำให้พวกเขาอยากรู้อยากเห็นมากว่าผู้พิทักษ์จักรพรรดิของเขามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับอาณาจักรเกอซุนจริง ๆ ?
ในห้องโถงพระราชวังอีกแห่ง มีเสียงอึกทึกคึกโครมจากคนสวมชุดเพราะกำลังทานอาหารอย่างมีความสุขและหัวเราะด้วยกัน ไม่เพียงแต่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงเท่านั้น แต่ยังมีตัวแทนของเหล่าผู้มีอำนาจมากมายในอาณาจักรอีกด้วย แม้กระทั่งองค์ชายทั้งสองก็นั่งอยู่ที่นั่นขณะที่พวกเขาดื่มอวยพร
ในบรรดาพวกเขามีคนที่ดูโดดเด่นที่สุดคือคนหนุ่มที่อยู่ในชัดคลุมสีขาวที่ดูมีอายุประมาณ 27 ปีและถึงแม้ว่าเขาจะเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ แต่ทั้งห้องต่างก็หยิบยื่นไมตรีให้เขา แม้กระทั่งองค์ชายทั้งสองก็พยายามพูดกับคนหนุ่มคนนั้นอย่างแข็งขันโดยไม่มีความโอหังแม้แต่น้อย หากไม่มีใครที่รู้จักพวกเขาได้มาเห็นภาพนี้ พวกเขาจะต้องคิดว่าทั้งสามเป็นสหายสนิทกัน
คนหนุ่มคนนี้คือหมิงตง เขาเคยร่วมสู้กับเจี้ยนเฉินที่ป้อมตะวันตก เดิมทีเขาวางแผนที่จะกลับไปตระกูลเจียงหยางหลังจากสงครามสิ้นสุดลง แต่ตามคำขอร้องของราชา เขาพบว่ามันเป็นการยากที่จะปฏิเสธงานเลี้ยงนี้
เจี้ยนเฉิน มันก็ครึ่งปีแล้วเจ้าควรจะออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ พรุ่งนี้ข้าจะไปที่ตระกูลเจียงหยางและรอเจ้ากลับมา ข้าไม่สงสัยเลยว่าเราจะได้เจอกันเร็วแบบนี้ตั้งแต่ที่เราออกเดินทางไปยังทวีปเทียนหยวนและเอาชนะศัตรูของเรา ! หมิงตงคิดถึงตอนที่ตัวเองยังอยู่กับเจี้ยนเฉิน หมิงตงไม่เพียงรู้สึกสนิทสนมกับเจี้ยนเฉินเท่านั้น เขายังเป็นหนี้บุญคุณเจี้ยนเฉินอีกด้วย หากไม่ใช่เพราะเจี้ยนเฉินช่วยชีวิตเขาก่อนหน้านี้ เขาจะไม่มีพลังหรือสามารถช่วยเหลือจากเจี้ยนเฉินได้ในตอนนี้
ถ้าหากไม่ได้พบกับเจี้ยนเฉิน เขาจะไม่ได้ไปเมืองทหารรับจ้างกับเจี้ยนเฉินและพบลุงเทียนของเขา หากเขาไม่ได้พบลุงเทียน เขาก็ไม่อาจเดินบนสวรรค์ได้
หลังจากงานเลี้ยงสิ้นสุดแล้ว หมิงตงก็ได้รับเชิญให้พักอยู่ที่พระราชวังตลอดทั้งคืน นับตั้งแต่ที่ปรึกษาจักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวงพบว่าเจี้ยนเฉินไม่ได้เกี่ยวข้องกับอาณาจักรเกอซุน พวกเขาก็หมดความสนใจที่จะอยู่ที่นี่อีก ดังนั้นเมื่องานเลี้ยงสิ้นสุดลง พวกเขาก็ปฏิเสธที่จะอยู่และออกจากพระราชวังทันที
เมื่อที่ปรึกษาจักรพรรดิทั้งห้าจากไป ผู้เชี่ยวชาญของอาณาจักรเกอซุนก็ไม่อยากที่จะอยู่ต่อและขอตัวกลับบ้าน
เซียวเทียนและคนอื่น ๆ เดินไปบนถนนออกจากวังก่อนที่ฉิงเส้าฟานจะพูดว่า เราจะทำอย่างไรต่อไปดี เราจะพบกับผู้พิทักษ์จักรพรรดิได้ที่ไหน ?
เมืองลอร์ ! เซียวเทียนพูด ก่อนที่เขาจะจากไป ผู้พิทักษ์จักรพรรดิบอกว่าเขาจะรออยู่ที่เมืองลอร์สักพัก เราไปที่นั่นกันเถอะ
ดีมาก งั้นข้าขอเสนอว่า เนื่องจากเราไม่ได้ทำแบบนี้กันบ่อยและทำไมพวกเราไม่เดินเท้าไป ไม่ว่าอย่างไรสงครามก็จบแล้วและไม่น่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้พิทักษ์จักรพรรดิของเรา ดังนั้นเราจะได้เดินเท้ากัน เทียนลั่วพูด
หลังจากที่อีก 4 คนเห็นด้วยหนึ่งในพวกเขาก็พูดว่า อื้ม เทียนลั่วพูดได้ดี ในเมื่อพวกเราไม่ได้เร่งรีบมากนัก ให้เราดูบ้านเกิดของผู้พิทักษ์จักรพรรดิที่เขาเติบโตมาและดูว่าสภาพแวดล้อมแบบไหนที่ให้กำเนิดอัจฉริยะเช่นนี้
….
ตระกูลเจียงหยาง เมืองลอร์
สำนักหัวหยุนได้รวมตัวกันนอกประตูของตระกูลเจียงหยาง ข้างในมีทหารหลายร้อยคนพร้อมที่จะต่อสู้
หัวหน้าตระกูลเจียงหยาง เจียงหยางป้า ยืนนิ่งอยู่หน้าฝูงชนจากสำนักหัวหยุน ข้างหลังเขามีผู้อาวุโสหลายคนในตระกูลยืนอยู่พร้อมกับมองไปยังศัตรูของพวกเขา
ด้านหน้าพวกเขา เป็นหัวหน้าสำนักหัวหยุน เฉิงเฟย ที่ยืนอยู่โดยมีคนหลายสิบคนอยู่ด้านหลังเขาเช่นกัน ดวงตาของพวกเขาคมกริบราวกับดาบและพวกเขาต่างก็เป็นเซียนปฐพี แต่เพราะรอบแผลบนใบหน้าของเขาทำให้เขาดูน่ากลัวมากขึ้น
เจียงหยางป้า สำนักหัวหยุนของเราไม่ได้ต้องการหาเรื่องเจ้า แต่เจียงหยางเซียนเทียนได้ตัดแขนลูกข้า ซึ่งได้เป็นความผิดที่ข้าไม่อาจยกโทษให้ได้ หากเจ้าไม่ส่งเขาไปที่สำนักหัวหยุน สำนักหัวหยุนคงต้องจำใจเคลื่อนไหว เฉินเฟยพูดขณะที่จ้องมองไปยังเจียงหยางป้าอย่างเยือกเย็น
เจียงหยางป้าแค่นเสียง เฉิงเฟง นั่นมันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นความผิดของลูกเจ้า เฉิงหมิงเซียง เขาได้ทำให้ลูกข้าเจียงหยางหู่บาดเจ็บสาหัสและเซียงเทียนได้เข้ามาแก้ปัญหาในภายหลัง หากเจ้าต้องการโทษใครสักคน เจ้าควรจะโทษลูกของเจ้าที่ยังขาดทักษะ การที่เซียนระดับสูงต้องถูกเซียนตัดแขน ตอนนี้ตระกูลเจียงหยางแข็งแกร่งขึ้นมาแต่ก่อน เจียงหยางป้าไม่กลัวนิกายหัวหยุน ดังนั้นเมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากัน เจียงหยางป้าจึงพูดโดยไม่ต้องเกรงกลัวใด ๆ
ใบหน้าของเฉิงเฟยเริ่มมืดหม่น เขามองเจียงหยางป้าพร้อมกับพูดจากมาดร้าย เจียงหยางป้า เป็นไปได้หรือไม่ที่เจ้าต้องการรบกับสำนักหัวหยุนของข้า?
แม้ว่าบรรพชนจะไม่อยู่ที่นี่ แต่ตระกูลเจียงหยางของเราจะไม่ยอมถูกรังแก หากเจ้าต้องการบังคับก็ลงมือ เราจะต่อสู้กลับตามปกติ ให้เราดูว่าสำนักหัวหยุนแข็งแกร่งกว่าหรือเป็นเราตระกูลเจียงหยางที่มีพลังมากกว่า เจียงหยางป้าพูดโดยไม่มีความเกรงกลัวในน้ำเสียงแม้แต่น้อย
มันก็เป็นเรื่องจริงที่บรรพชนของเราจะไม่อยู่ แต่อย่าคิดว่าตระกูลเจียงหยางของเราจะยอมถูกรังแกแบบนี้ เรายังมีความแข็งแกร่งแม้ว่าบรรพชนจะไม่อยู่และแก้ไขข้อพิพาทจากเมื่อหลายปีก่อน ผู้อาวุโสอีกคนกล่าว
ใบหน้าของเฉิงเฟยเริ่มมืดครึ้มขึ้น เขาพูดว่า เจ้าไม่เข้าใจหรือว่าไม่ว่าผลที่ตามกับการล่วงเกินสำนักหัวหยุนของเรา ? เพียงแค่คนเพียงคนเดียว ตระกูลเจียงหยางทั้งหมดจะต้องล้มตาย เจ้าต้องการสิ่งนั้นจริง ๆ หรือ ? ภายในใจของเฉิงเฟย เขาไม่ต้องการต่อสู้กับตระกูลเจียงหยางเพราะเขาได้ยินถึงความแข็งแกร่งของเจียงไป่ที่ฐานทางเหนือ ในตอนนี้แม้ว่าเขาจะมีเซียนสวรรค์ 2 คนจากสำนักหัวหยุน เขาก็ไม่รู้ว่าสำนักจะสามารถเอาชนะพวกเขาได้หรือไม่
ฮึ่มม แม้ว่าตระกูลเจียงหยางของเราจะล่มสลายและกลายเป็นชนกลุ่มน้อย แต่สำนักหัวหยุนก็ต้องอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างกันมากนัก เจียงหยางป้าหัวเราะอย่างเย็นชา
ทั้งสองฝ่ายยังคงดูท่าทีกัน พวกเขาทั้งสองกลัวเล็กน้อยภายในใจเนื่องจากพวกเขารู้ว่าพวกเขาแข็งแกร่งพอ ๆ กัน หากเกิดการต่อสู้กันแล้วทั้งสองฝ่ายจะต้องเกิดการสูญเสียอย่างมาก
หลังจาก 2 ชั่วยามแห่งการเฝ้าระวังท่าทีกันอยู่ ทันใดนั้นก็มีพลังเกิดขึ้นอย่างฉับพลันตรงขอบฟ้าและมีจุดเล็ก ๆ พุ่งเข้ามายังตระกูลเจียงหยาง ก่อนที่จะค่อย ๆ ลอยลงมาช้า ๆ ทางฝั่งสำนักหัวหยุน
นี่คือผู้เฒ่าที่สวมใส่เสื้อคลุมแดงและมีผมสีขาว ใบหน้าของเขาแสดงให้เห็นถึงความชรา
เมื่อเห็นผู้เฒ่าท่านนี้ ผู้นำสำนักหัวหยุนตื่นเต้นทันที เขาพูดอย่างลังเลว่า อาจารย์….ท่านทะลวงผ่านแล้ว?
ผู้เฒ่าพยักหน้าพร้อมกับมีรอยยิ้มที่ตื่นเต้น สวรรค์ยังคงไม่ลืมข้า ข้าไม่คิดเลยว่าข้าจะเข้าใจแนวคิดนี้ในนาทีสุดท้ายเกี่ยวกับความลึกลับของโลกและทะลวงผ่านเป็นเซียนสวรรค์