เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 451: ทหารชุดเกราะดำ
ตอนที่ 451: ทหารชุดเกราะดำ
เมื่อราชาหายตัวไป อัครเสนาบดีก็พึมพำกับตัวเองว่า “หากพวกเขาหมั้นหมายกันเมื่อหลายปีก่อน ? พวกเขาก็ยังไม่ได้แต่งงานกัน การหมั้นหมายนี้สามารถยกเลิกได้ องค์ชายแห่งอาณาจักรอินทรีสวรรค์ไม่ได้มาเดินเล่นที่นี่” หลังจากพูดคุยกับราชาของอาณาจักรเกอซุน อัครเสนาบดีก็ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรเกอซุนกับอาณาจักรฉินหวง ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าทั้งสองอาณาจักรสนิทสนมกัน แต่ตอนนี้เขารู้ว่าไม่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างทั้งสองอาณาจักร มันจึงช่วยบรรเทาความกลัวของเขาได้เป็นอย่างดี
เรื่องวุ่นวายที่เจี้ยนเฉินก่อในสำนักหัวหยุนไม่ได้ถูกล่วงรุ้ไปถึงหูคนนอกสำนัก หากมีข่าวว่าบรรพชนของสำนักถูกบีบคั้นเปิดเผยออกไป พวกเขาก็จะถูกไล่ออกและถูกลงโทษอย่างรุนแรง สำนักหัวหยุนต้องปกป้องสถานะของพวกเขาภายในอาณาจักรเกอซุนและป้องกันไม่ให้เรื่องที่เกิดขึ้นรั่วไหลไปไหน ถ้ามีใครซักคนพบว่าคุณชายสี่ของตระกูลเจียงหยางสร้างปัญหาเช่นนี้ให้กับสำนักหัวหยุน ศักดิ์ศรีของสำนักหัวหยุนจะล่มสลายและการพัฒนาของพวกเขาจะหยุดนิ่ง ในเวลาเดียวกันตระกูลเจียงหยางก็จะได้รับประโยชน์จากสิ่งนี้และศักดิ์ศรีของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นในเวลาเดียวกันกับที่สำนักหัวหยุนดิ่งลง
ผู้อาวุโสทั้งสองไม่เต็มใจที่จะให้สิ่งนี้เกิดขึ้นเลย
เจี้ยนเฉินและเจียงหวูจี่ได้กลับไปยังตระกูลเจียงหยางแล้ว แต่ตอนนี้มีเพียงเจียงหวูจี่, เจียงหยางป้าและไป๋หยุนเทียนเท่านั้นที่รู้ว่าเจี้ยนเฉินทำอะไรลงไป พวกเขาเลือกที่จะเงียบเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่ก็มีความสุข ใครจะคิดว่าสำนักหัวหยุนที่แข็งแกร่งจะถูกครอบงำโดยลูกของตัวเอง ความแข็งแกร่งทางทหารและความสำเร็จของเจี้ยนเฉินเป็นสิ่งที่พ่อแม่ของเขาภูมิใจอย่างมาก
หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็อยู่แต่ในตระกูลและไม่ได้ออกไปไหน เขาเลือกที่จะใช้เวลาพูดคุยอยู่กับแม่ของเขา
เนื่องจากลูกเสือยังคงดูดซับสมบัติสวรรค์ ลูกเสือจึงยังคงอยู่ในห้องของเจี้ยนเฉิน นอนบนเตียงของเขา
ลูกเสือกำลังเติบโตในอัตราที่เร็วขึ้น เจี้ยนเฉินรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของลูกเสือซึ่งอยู่ในระดับของสัตว์อสูรระดับ 2 ตราบใดที่ความก้าวหน้านี้ดำเนินต่อไปเช่นนี้ มันจะกลายเป็นสัตว์อสูรระดับ 3 ภายในไม่กี่วัน
โรงเตี๊ยมอันหรูหราภายในเมืองลอร์ ชายเสื้อคลุมสีแดงอายุ 27 ปีนั่งอยู่ที่โต๊ะและดื่มสุราขณะที่สายตาของเขาจ้องมองไปรอบ ๆ
เสี่ยวเอ้อคนหนึ่งเดินมาพร้อมกับจานที่มีเนื้อสัตว์อสูรนึ่ง นางวางมันลงบนโต๊ะพร้อมกับก้มศีรษะอย่างนุ่มนวล “ลูกค้าที่มีเกียรติ นี่คืออาหารของท่าน ท่านต้องการอะไรอีกบ้าง ? ” เสี่ยวเอ้อในโรงเตี๊ยมทั้งหมดรู้เรื่องเกี่ยวกับชายหนุ่มชุดคลุมสีแดง นั่นเป็นเพราะชายคนนี้อาศัยอยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งนี้เป็นเวลา 1 เดือนในห้องที่ดีที่สุด และเขายังกินอาหารที่ดีที่สุดทุกวัน เขามีเงินมากมายและพูดจาสุภาพ บางครั้งเขาจะให้เหรียญทองเป็นรางวัลและหลังจากทั้งเดือนเสี่ยวเอ้อทั้งหมดก็ได้รับเงินจำนวนมากซึ่งเทียบเท่ากับเงินเดือนตลอดทั้งปี.
ดังนั้นเสี่ยวเอ้อทุกคนในโรงเตี๊ยมจึงมองว่าชายหนุ่มคนนี้คือเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง
เมื่อเขาโบกมือ เสี่ยวเอ้อจึงถอยกลับไป ปล่อยให้เขามีความสุขกับมื้ออาหารแสนอร่อย
” ทำไมข้าถึงหาเจี้ยนเฉินไม่เจอ ? ด้วยสถานะและความแข็งแกร่งของเขา เขาควรจะเป็นที่รู้จักในเมืองลอร์ แต่ทำไมเมื่อข้าถามคนแถวนี้ถึงไม่มีใครเคยได้ยินชื่อของเจี้ยนเฉินมาก่อน เป็นไปได้หรือไม่ที่เจี้ยนเฉินไม่ใช่ชื่อจริงของเขา ? ” ชายคนนั้นพูดกับตนเองด้วยเสียงเบา ๆ
เขาอยู่ในเมืองลอร์มา 1 เดือน หลังจากสิ้นสุดงานชุมนุมกลุ่มทหารรับจ้าง เจี้ยนเฉินได้ให้คำแนะนำแก่เขาให้มาเจอเขาในเมืองลอร์ของอาณาจักรเกอซุน แต่เขาก็ไม่รู้ว่าควรหาตรงจุดไหนในเมืองลอร์
“คงต้องรอ เจี้ยนเฉินน่าจะออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วในตอนนี้ ถ้าเขามาจากเมืองทหารรับจ้าง มันจะต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าเขาจะมาถึงที่นี่ถ้าเขาไม่ใช้ประตูมิติ ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนที่จะเงียบลงเพื่อเพลิดเพลินกับอาหารของเขาต่อ
ในเวลาเดียวกันภายในป้อมปราการของอาณาจักรเกอซุน ชายวัยกลางคนสองคนขี่สัตว์อสูรระดับ 3 อย่างช้า ๆ พวกเขาเห็นซากปรักหักพังทุกหนทุกแห่ง
หนึ่งในนั้นคือชายอายุประมาณ 40 ปีที่มีหัวล้าน เขามีร่างกายที่กำยำ มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง รูปร่างหน้าตาของเขานั้นเด่นชัดมากจนถือได้ว่าเป็นที่สะดุดตา.
ชายอีกคนดูอ่อนกว่าชายคนแรก เขาสวมเสื้อคลุมสีฟ้า ผมสีดำของเขาพาดลงมาที่ไหล่ เขาดูเหมือนนักปราชญ์ ดวงตาทั้งสองข้างของเขาเปล่งประกายคมชัดเช่นกัน
“หยุนเจิ้ง มองดูป้อมปราการนั้นสิ นั่นน่าจะเป็นอาณาจักรเกอซุน” ชายที่ดูแข็งแรงกว่าชี้ไปที่ป้อมปราการที่ถูกทำลาย
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หยุนเจิ้งจึงหยิบแผนที่ออกมาจากเข็มขัดมิติและมองดูก่อนที่จะพยักหน้า “ถูกต้อง ตามแผนที่ อาณาจักรเกอซุนอยู่ตรงหน้าเรา เมื่อเห็นว่าป้อมปราการได้รับความเสียหายเช่นนั้น พวกเขาคงเพิ่งมีสงคราม ยังมีกลิ่นเหม็นคาวเลือดหลงเหลืออยู่ในอากาศ”
ชายกำยำถอนหายใจ “หลังจากเดินทางมาครึ่งปี ในที่สุดเราก็มาถึงอาณาจักรเกอซุน ข้าคิดว่าเราควรเข้าไปหาที่พักในเมือง ข้าไม่ได้กินอาหารดี ๆ มานานแล้ว หลังจากกินเสร็จแล้ว เราก็จะได้มุ่งหน้าเข้าสู่เมืองลอร์ได้อย่างสบายใจ ! “
……..
นอกเมืองลอร์ ชาย 5 คนอายุต่างกันสวมเสื้อคลุมที่มีราคาขณะที่พวกเขาเดินไปตามทาง แต่ละคนดูค่อนข้างธรรมดาแต่มีรัศมีที่สามารถมองเห็นได้ พวกเขายังส่งผลกระทบต่อพ่อค้าและทหารรับจ้างที่เดินทางบนถนนสายเดียวกัน ผู้คนปลีกตัวออกห่างจากพวกเขาโดยไม่รู้ตัว ราวกับว่าไม่มีใครกล้าเข้าใกล้พวกเขา จากระยะไกล สามารถมองเห็นกำแพงสู่เมืองลอร์
มือของเทียนลั่วถือถุงน้ำที่มีสุราอยู่ เขาดื่มมันอย่างกระหายขณะที่เดินไป จากนั้นเขาก็หันไปหาผู้อาวุโสถัดจากเขา “เซียวเทียน เมืองลอร์เป็นเมืองชั้นหนึ่งที่มีพื้นที่กว้างขวาง เราจะไปหาผู้พิทักษ์จักรพรรดิได้ที่ไหน ? “
เซียวเทียนส่ายหัว “ผู้พิทักษ์จักรพรรดิไม่ได้บอกเราไว้อย่างชัดเจน เราควรรอดูว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น”
“อ่า ผู้พิทักษ์จักรพรรดิมาจากอาณาจักรเกอซุนจริงหรือไม่? เหตุใดบุคคลที่แข็งแกร่งเช่นผู้พิทักษ์จักรพรรดิจึงไม่เป็นที่รู้จักในอาณาจักรเกอซุน? นี่มันแปลกเกินไป” ฉิงเส้าฟานพูดอย่างสงสัย.
“ข้ารู้สึกว่ามันแปลก ๆ เช่นกัน ด้วยความแข็งแกร่งของผู้พิทักษ์จักรพรรดิ อาณาจักรเกอซุนควรรู้เกี่ยวกับเขา มันค่อนข้างแปลกที่ไม่มีใครรู้จักเขาเลย” ตงยี่จุนป่ายเอ่ยขึ้นมา
เซียวเทียนมองอีกคนด้วยท่าทางไม่พอใจ “พอได้แล้ว.เราอยู่บนถนนสายหลักแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป เราคงได้รู้คำตอบในเร็ว ๆ นี้
ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าม้าก็ดังขึ้น เสียงวิ่งเหยาะ ๆ ข้ามพื้นจากด้านหลังในขณะที่ทหารชุดเกราะดำกลุ่มใหญ่ควบสัตว์อสูรเข้ามา ร่องรอยควันลุกขึ้นเหนือพื้นดินขณะที่พวกเขาเดินทางผ่านพื้นที่ ทุกคนสามารถมองเห็นธงได้ในอากาศทำให้พ่อค้าและทหารรับจ้างทุกคนหน้าซีด
“นั่นคือทหารชุดเกราะดำ รีบหลบไปให้พ้นทาง” พ่อค้าคนหนึ่งร้องออกมาด้วยความตกใจก่อนที่จะบังคับรถม้าของเขาให้ออกไปด้านข้างเพื่อหลีกทางให้กองทัพ จากนั้นพวกเขาแต่ละคนมองกองทัพขณะที่ผ่านพวกเขาไปด้วยความสับสน
“ทหารชุดเกราะดำเป็นกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดที่ปกป้องครอบครัวของราชา พวกเขาไม่ค่อยออกมาให้เห็น ดังนั้นวันนี้เมื่อกองกำลังทั้งหมดมารวมตัวกันอย่างบ้าคลั่ง มันเกิดอะไรขึ้น ? ” ทหารรับจ้างจำนวนมากเริ่มตั้งคำถาม
ในขณะนั้นที่ปรึกษาจักรพรรดิทั้งห้าคนเดินขึ้นไปและหันหน้าไปมองที่กองทัพทหารชุดเกราะดำ
“เอ๊ะ นั่นคือราชาของอาณาจักรเกอซุนใช่หรือไม่ ? เหตุใดเขาจึงรีบร้อนอย่างนี้หรือว่าเขากำลังตามหาเราอยู่ ? ” เทียนลั่วพูดด้วยความประหลาดใจ.
ทหารชุดเกราะดำกำลังเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงและเข้ามาใกล้กับที่ปรึกษาจักรพรรดิ ในเวลานั้นผู้นำของทหารชุดเกราะดำที่คุ้มกันราชาแห่งอาณาจักรเกอซุนก็ตระหนักได้ทันทีว่าห้าคนนั้นคือใคร เขาโบกมือแล้วร้องออกมาทันทีว่า “หยุดก่อน ! “
ทันใดนั้นทหารชุดเกราะดำก็หยุดเคลื่อนไหว ราชารีบลงมาจากสัตว์อสูรและเดินขึ้นไปหาที่ปรึกษาจักรพรรดิห้าพร้อมด้วยรอยยิ้ม เขาโค้งคำนับอย่างอบอุ่น เราไม่คิดเลยว่าเราจะได้พบกับที่ปรึกษาจักรพรรดิผู้ทรงเกียรติที่นี่ มันช่างบังเอิญอย่างมาก”
เมื่อทหารชุดเกราะดำคนอื่นรู้ว่าจอมยุทธ์ทั้งห้าคือใคร พวกเขาก็ก้มศีรษะและคำนับทันที
“ฝ่าบาท เราเห็นว่าท่านรีบเร่งมาก มีอะไรเกิดขึ้นหรือ ? ” ตงยี่จุนป่ายถามด้วยท่าทางที่อยากรู้อยากเห็น
ราชายิ้มออกมา “ที่ปรึกษาจักรพรรดิผู้ทรงเกียรติอาจไม่เชื่อ แต่มีจอมยุทธ์ที่เก่งกาจในอาณาจักรเกอซุนของเรา แม้จะยังเด็กมากแต่เขาก็ได้กลายมาเป็นเซียนสวรรค์ เขาสามารถเอาชนะเซียนสวรรค์อีก 3 คนได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แม้แต่ข้าเองก็ยังรู้สึกทึ่งในความสามารถเช่นนี้”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ ที่ปรึกษาจักรพรรดิทั้งห้าคนมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจและความสับสนก่อนที่ เซียวเทียนจะพูดว่า ฝ่าบาท ท่านผู้นี้เป็นใคร ?
“เขาคือคุณชายสี่ของตระกูลเจียงหยาง เจียงหยางเซียงเทียน” ราชายิ้มได้อย่างสดใสโดยไม่มีอะไรแอบแฝง ในใจของเขา เขารู้ว่าคนที่มีพรสวรรค์อย่างเจียงหยางเซียงเทียน แม้แต่ที่ปรึกษาจักรพรรดิจากอาณาจักรฉินหวงก็ต้องการผูกมิตรภาพกับเขา การหมั้นหมายของเจียงหยางเซียงเทียนกับลูกสาวของเขารวมทั้งความสัมพันธ์กับอาณาจักรฉินหวง อาณาจักรเกอซุนจะได้รับประโยชน์อย่างแน่นอน เป็นไปได้อย่างยิ่งที่เจียงหยางเซียงเทียนจะสามารถนำความสัมพันธ์ระหว่างสองอาณาจักรมาสู่ระดับที่สูงขึ้นได้
“คุณชายสี่ของตระกูลเจียงหยาง เจียงหยางเซียงเทียน ! “
ที่ปรึกษาจักรพรรดิทั้งห้าท่องชื่อของเขา พวกเขาทั้งห้าตกลงที่จะติดตามองค์ราชาไปยังตระกูลเจียงหยางทันที สำหรับคำขอติดตามดังกล่าว องค์ราชาไม่ต้องการที่จะปฏิเสธพวกเขาและเห็นด้วยกับคำตอบที่ตรงไปตรงมา ในใจเขารู้สึกดีใจมากที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้