เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 460: เจ้ากับกองทัพรึ ?
ตอนที่ 460: เจ้ากับกองทัพรึ ?
องค์ชายรองยิ้มด้วยความโกรธ “ดี ! เอาล่ะ ดูเหมือนว่าอาณาจักรเกอซุนมีความประสงค์ที่จะเป็นศัตรูกับอาณาจักรอินทรีสวรรค์ เจ้าหนู มันไม่สำคัญหรอกว่าเจ้าเป็นใครวันนี้ข้าจะทำให้แน่ใจว่าเจ้าจะไม่ได้มีชีวิตรอดออกไป
“เจ้ากับกองทัพอะไรรึ ? ” ชายหนุ่มมองอย่างดูถูกเหยียดหยาม การดูถูกเหยียดหยามเช่นนี้ทำให้องค์ชายรองระเบิดเป็นพายุที่รุนแรง ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไม่รู้ว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นใคร เขาคงสั่งให้ทหารโจมตีเขาไปนานแล้ว
“เจ้าเป็นใคร ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าคำพูดของเจ้าอาจสร้างปัญหาใหญ่ให้กับอาณาจักรเกอซุน ? ” อัครเสนาบดีพูดด้วยสีหน้ามืดมน
ชายหนุ่มหัวเราะ “ข้ามีชื่อว่าหมิงตง ข้าไม่ได้มาจากอาณาจักรเกอซุน พวกเจ้าไม่ต้องเสียเวลาเชื่อมโยงข้ากับพวกเขาหรอก เจียงหยางเซียงเทียนเป็นพี่น้องร่วมสาบานของข้า หากเจ้ากล้าที่จะสร้างปัญหากับน้องชายของข้า เจ้าจะต้องผ่านข้าไปก่อน”
ดีมาก มาดูกันหน่อยสิว่าเจ้ามีพลังอะไรถึงเหิมเกริมเช่นนี้” องค์ชายรองมองหมิงตงอย่างเกรี้ยวกราด “ไปจับตัวเขาไว้”
จอมยุทธ์สามคนจากอาณาจักรอินทรีสวรรค์พุ่งเข้าหาหมิงตงด้วยดวงตาที่เยือกเย็น อาวุธเซียนของพวกเขากระเพื่อมด้วยพลังงานจำนวนมากขณะที่พวกเขาล้อมรอบและโจมตีหมิงตงโดยปราศจากความเมตตา
ดวงตาของหมิงตงก็เปล่งประกายด้วยแสงเย็นยะเยือกในขณะที่พลังเซียนของเขาควบแน่นอยู่ในมือขวา ในช่วงเวลาต่อไป กระบี่ยาวสีฟ้าปรากฏขึ้นในมือของเขาก่อนที่จะโจมตีมา 3 กระบวนท่า ปะทะกับอาวุธทั้งสามของศัตรูเขา
ตามเสียงดังกราวจากการปะทะกัน เซียนปฐพี 3 คนจากอาณาจักรอินทรีสวรรค์จึงหน้าซีด แม้ว่าชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าพวกเขายังเด็กแต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่ด้อยไปกว่าพวกเขา กระบี่สีฟ้านั้นมีพลังเซียนที่แข็งแกร่งกว่าอาวุธเซียนของพวกเขา เขาเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงกลัวมาก ด้วยการปะทะกันครั้งเดียว จอมยุทธ์ของอาณาจักรอินทรีสวรรค์ก็ถูกบังคับให้ต้องถอยกลับไปหลายก้าว พวกเขามองหมิงตงด้วยสีหน้าตื่นตกใจ
“เซียนปฐพีวัฏจักรที่ 6 เจ้ามาถึงระดับนี้แล้วเหรอ ! ” เซียนปฐพีคนหนึ่งร้องออกมาด้วยความตกใจ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ พวกเขาเองเป็นอัจฉริยะที่มีความสามารถ แต่มันแลกมาด้วยการใช้ทรัพยากรจำนวนมากและพวกเขาต้องฝึกฝนอย่างหนักหลายสิบปีกว่าพวกเขาจะมาไกลจนถึงทุกวันนี้ แต่ตอนนี้มีชายหนุ่มที่อายุไม่ถึง 30 ปีที่มีพละกำลังเหนือกว่าพวกเขา สิ่งนี้ทำให้พวกเขาตกใจมาก
“อะไรกัน เขาเป็นเซียนปฐพีวัฏจักรที่ 6 หรือ ? ” องค์ชายรองก็ตกใจเหมือนกัน เมื่อมองดูใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของหมิงตง หัวใจของเขารู้สึกไม่เชื่อ อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของเขามืดไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า มันไม่สำคัญว่าเขาจะเป็นเซียนปฐพีวัฎจักรที่ 6 ไปจับตัวเขามา เขากล้าพูดจาหยิ่งยโสกับข้า มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรให้อภัย ไม่เช่นนั้นเกียรติศักดิ์ของอาณาจักรอินทรีสวรรค์ของเราจะไปอยู่ที่ไหน ? “
พะยะค่ะ ! ตามคำสั่งขององค์ชาย เซียนปฐพีอีก 6 คนก็จู่โจมหมิงตงทันที
“องค์ชาย ราชาเสด็จมาถึงแล้ว ! “
ทันใดนั้นเสียงร้องตะโกนดังขึ้น ขณะที่ราชาและทหารชุดเกราะดำหลายคนกำลังเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ราชาสวมเสื้อคลุมยาวสีขาว ผมของเขาค่อนข้างยุ่งเหยิง
เห็นได้ชัดว่าเขากำลังรีบมาก; เจียงหยางป้าและไป๋หยุนเทียนยืนอยู่ข้างหลังเขา
ราชาทอดพระเนตรภาพที่น่าตื่นเต้นตรงหน้าเขาก่อนที่จะมองไปที่คนของอาณาจักรอินทรีสวรรค์ด้วยความฉุนเฉียว “องค์ชายรอง นี่มันหมายความว่าอะไร ? ” ดวงตาของราชาดูขุ่นเคือง ทัศนคติของเขาที่มีต่ออาณาจักรอินทรีสวรรค์ลดลงไปมาก
“ฝ่าบาท เจียงหยางเซียงเทียนและหมิงตงหยาบคายมากเกินไปและยังได้พูดจาระรานอาณาจักรอินทรีสวรรค์ของข้า ข้าต้องการพาทั้งสองกลับบ้านเพื่อรอให้เสด็จพ่อลงโทษพวกเขา ข้าจะไม่ให้อภัยไม่ว่าใครหน้าไหนที่กล้าขัดอาณาจักรอินทรีสวรรค์ของข้า นี่เป็นเรื่องที่ท่านไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยว” องค์ชายรองพูดอย่างเย็นชาราวกับว่าเขาดูถูกองค์ราชา
“องค์ชายรอง เจ้าควรพาคนของเจ้าออกไปจากที่นี่ทันที หากเจ้ายังคงสร้างปัญหา อาณาจักรอินทรีสวรรค์ของเจ้าจะไม่สามารถรับมือกับผลที่ตามมาได้”
องค์ชายรองตะโกนว่า “ฝ่าบาท ท่านจะยื่นมือเข้ามาขัดขวางอาณาจักรอินทรีสวรรค์รึ ? “
“องค์ชายรอง นี่คือพระราชวังแห่งอาณาจักรเกอซุน นี่ไม่ใช่อาณาจักรอินทรีสวรรค์ของเจ้า” ตอนนี้ราชาโกรธจัด ตอนนี้อาณาจักรเกอซุนมีสายสัมพันธ์กับอาณาจักรฉินหวง เขาจึงไม่กลัวอาณาจักรอินทรีสวรรค์อีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นผู้พิทักษ์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรฉินหวงยังเป็นว่าที่บุตรเขยของเขา ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเกือบจะแน่นเหมือนเหล็ก
“และถ้าเรายืนกรานที่จะไม่ไปล่ะ ? ” อัครเสนาบดีถาม
“หากเจ้ายังคงยืนกรานที่จะสร้างปัญหาในพระราชวังต่อไป อย่าคาดหวังว่าข้า, เย่หมิงจะใจดีกับพวกเจ้า” เสียงดังมาจากฟากฟ้าในขณะที่ร่างที่สวมเสื้อคลุมสีขาวของเย่หมิงกำลังบินเข้ามาอยู่ข้างจักรพรรดิ
อัครเสนาบดีเช่อส่งเสียงดัง “ดูเหมือนว่าอาณาจักรเกอซุนปรารถนาที่จะเป็นศัตรูกับอาณาจักรอินทรีสวรรค์ของเราอย่างแท้จริง ถ้าอย่างนั้น ผู้อาวุโสเจ๋อเจี้ยน เราจะขอให้ท่านลงมือ”
ชายชราวัย 50 ปีบินออกมาจากกลุ่มตามคำสั่งของอัครเสนาบดี ผู้ชายคนนี้ดูค่อนข้างธรรมดาโดยไม่มีรายละเอียดที่โดดเด่นใด ๆ คนอย่างเขาจะถูกมองข้ามอย่างง่ายดาย
“ข้าไม่คิดว่ากลุ่มราชทูตของเจ้าจะมีเซียนสวรรค์ ข้าตัดสินผิดไปจริง ๆ ” เย่หมิงหัวเราะด้วยสายตาที่เผยให้เห็นถึงความประหลาดใจ
อัครเสนาบดีและองค์ชายรองมั่นใจอย่างมาก อัครเสนาบดีกล่าวว่า “องค์ชายแห่งอาณาจักรอินทรีสวรรค์ของเราเดินทางมาแสนไกล หากไม่มีองค์รักษ์เป็นเซียนสวรรค์ ราชาคงไม่ปล่อยให้เขามาถึงที่นี่”
“นั่นเป็นเรื่องจริง” เย่หมิงพยักหน้าเห็นด้วย “อย่างไรก็ตาม เจ้ามีเซียนสวรรค์เพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งมันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก”
เจ๋อเจี้ยนก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับพลังที่สั่นสะเทือนจากพื้นดิน “ดูเหมือนว่าอาณาจักรเกอซุนของเจ้าต้องพินาศเพราะกล้ามาเป็นศัตรูกับอาณาจักรอินทรีสวรรค์ เจียงหยางเซียงเทียนและหมิงตงเป็นคนที่เราจะนำตัวกลับไปแน่นอน หากเจ้ายังคงแทรกแซง อาณาจักรทั้งสองของเราจะต้องต่อสู้กัน
เมื่อถึงตอนนี้เจี้ยนเฉินก็พูดว่า “ผู้อาวุโสเย่หมิง เนื่องจากพวกเขาตั้งใจแน่วแน่ที่จะจับตัวข้า ให้พวกเขาพาข้าไปเถอะ ข้าจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ท่านไม่จำเป็นต้องเข้ามายุ่ง” เจี้ยนเฉินพูดด้วยสีหน้านิ่ง ๆ แต่ตาของเขาจ้องมองคนของอาณาจักรอินทรีสวรรค์ด้วยความไม่พอใจ
เย่หมิงและราชาต่างก็มองหน้ากันครู่หนึ่งก่อนที่ราชาจะพูดว่า “เอาล่ะ ข้าเห็นด้วยเพราะนั่นเป็นสิ่งที่ลูกเขยของข้าปรารถนา”
“เจี้ยนเฉิน ผู้ชายพวกนี้หยาบคายเกินไป เราต้องสอนบทเรียนให้กับพวกเขา ข้าจะคอยให้กำลังใจเจ้า ! ” หมิงตงพูด ในใจเขารู้ดีว่าเจี้ยนเฉินแข็งแกร่งเพียงใด
เจี้ยนเฉินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เมื่อเผชิญหน้ากับอาณาจักรอินทรีสวรรค์ เขาพูดว่า “เนื่องจากกลุ่มของเจ้าต้องการที่จะพาข้ากลับไป พวกเจ้าก็รีบเข้ามาจับตัวข้าสิ ข้าไม่ชอบเสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระ”
“เจ้าเด็กเหลือขอ ! ” ใบหน้าของเจ๋อเจี้ยนเปลี่ยนสี เขารู้ว่าเจี้ยนเฉินเป็นคนที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง เขาจึงเป็นคนชิงลงมือก่อน มือขวาของเขากระเพื่อมกับพลังเซียนกลายเป็นสีฟ้า เขาพยายามฟาดมันเข้าไปที่ลำคอของเจี้ยนเฉิน
มือขวาของเจี้ยนเฉินสร้างกำปั้นและนำธาตุไฟจำนวนมากในโลกมาหมุนรอบตัวมัน เขานำมันมาปะทะกับมือของเจ๋อเจี้ยนโดยไม่ลังเล
เมื่อทั้งสองฝ่ายปะทะกัน พลังงานจำนวนมากไหลไปในทุกทิศทางทำให้เกิดฝุ่นและทรายบินไปทุกหนทุกแห่ง ทำให้เกิดพายุฝุ่นที่ปกคลุมทั่วทั้งสถานที่
หลังจากการโจมตี ร่างของเจ๋อเจี้ยนก็ถูกส่งบินถอยหลังกลับไป เขาจ้องเจี้ยนเฉินด้วยความตกใจสุดขีดและอุทานว่า “นั่นคือพลังงานของโลก ! หากเจ้าสามารถควบคุมพลังงานของโลกได้ นั่นแสดงว่าเจ้าเป็นเซียนสวรรค์แล้ว ! “
ในคำกล่าวนี้ คนที่ไม่เคยรู้เกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินก็ตกตะลึง แม้แต่ทหารชุดเกราะดำก็แข็งเป็นหิน
อะไรนะ ! เซียนสวรรค์รึ ? เจียงหยางเซียงเทียนคือเซียนสวรรค์ ไม่ นั่นเป็นไปไม่ได้ ! นั่นเป็นไปไม่ได้แน่นอน ! ” องค์ชายรองหน้าซีดในทันที เขาตกใจมาก แม้แต่อัครเสนาบดีก็มีสีหน้าอัปลักษณ์
“มันค่อนข้างโชคร้าย พวกเจ้ารู้ตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้ว” เจี้ยนเฉินพูดอย่างเย็นชา แสงสีฟ้าสดใสและแสงสีม่วงสามารถมองเห็นได้ในขณะที่เจี้ยนเฉินนำพลังงานดั้งเดิมของจิตวิญญาณกระบี่พุ่งเข้าใส่เจ๋อเจี้ยน
เมื่อเจ๋อเจี้ยนรู้ว่าตอนนี้เขากำลังต่อสู้กับชายผู้มีระดับเท่ากัน เขาจึงไม่สามารถออมมือได้อีกต่อไป เขารีบนำอาวุธเซียนของเขาออกมาและแทงสวนเจี้ยนเฉินกลับไปทันที
“ติ้ง ! “
เจ๋อเจี้ยนไม่รู้เลยว่าพลังงานดั้งเดิมของจิตวิญญาณกระบี่นั้นแข็งแกร่งเพียงใด ในช่วงเวลาแห่งการปะทะกันระหว่างอาวุธเซียนและพลังงานดั้งเดิม เสียงโลหะจึงดังสนั่นก่อนที่จะมีรูขนาดปานกลางปรากฏบนอาวุธเซียนของเจ๋อเจี้ยน
“พรวด ! ” เจ๋อเจี้ยนกระอักเลือดออกมาเต็มปากขณะที่ใบหน้าของเขาซีดลงทันที ในเวลาเดียวกันเขามองลงไปที่อาวุธเซียนด้วยท่าทางที่ตกใจมาก
“เป็นนนน ..เป็นไปได้อย่างไร? จ – เจ้า..เจ้าทำลายอาวุธเซียนของข้า ! ” เจ๋อเจี้ยนร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจ ความกลัวท่วมท้นขึ้นมาในร่างกายของเขาและทำให้เขาเสียสมาธิ
เจี้ยนเฉินไม่ปล่อยให้เจ๋อเจี้ยนมีโอกาสพักหายใจ เขารวบรวมพลังงานดั้งเดิมเป็นแสงส่องเข้าหาเจ๋อเจี้ยนในครั้งที่สอง
หลังจากพ่ายแพ้ในครั้งแรก ตอนนี้เจ๋อเจี้ยนก็กลัวจิตวิญญาณกระบี่ม่วง-ฟ้า เขากลัวการปะทะครั้งที่สอง เขาจึงหลบการจู่โจมทันที เจี้ยนเฉินไม่ได้หยุดพักหลังจากพลาดเป้า เขาใช้ประโยชน์จากพลังงานดั้งเดิม เขาถือว่ามันเป็นเหมือนกระบี่วายุโปรย แม้จะไม่มีพลังเซียนใด ๆ ในร่างกายของเขาเพื่อสนับสนุนตัวเองหรือรักษาความเร็วที่มีธาตุลมเข้ามาช่วย มันทำให้ความเร็วของเจี้ยนเฉินไม่เป็นสองรองใคร
เจ๋อเจี้ยนเพิ่งหลบระเบิดครั้งที่สามในระยะแคบ แต่ก่อนที่เขาจะตั้งหลักได้ กระบี่ของเจี้ยนเฉินก็ฟาดลงมาที่เขาแล้ว มันบังคับให้เจ๋อเจี้ยนอยู่ในสถานการณ์ที่เขาไม่สามารถหลบได้ เขาได้แต่ใช้อาวุธเซียนปิดกั้นมัน เมื่ออาวุธทั้งสองปะทะกัน อาวุธเซียนของเจ๋อเจี้ยนก็มีรอยหักเนื่องจากได้รับความเสียหายอีกครั้ง สิ่งนี้ทำให้ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บเช่นกัน
“บัดซบ พลังนี้คืออะไร ? เจ้าแข็งแกร่งขนาดนั้นได้อย่างไร ? ” เจ๋อเจี้ยนตกใจ เขาไม่สามารถหลบการโจมตีที่ทรงพลังเช่นนี้ได้ ในที่สุดเขาก็ถูกครอบงำโดยที่ไม่สามารถใช้กำลังได้เต็มที่
ด้วยอาการบาดเจ็บร้ายแรงเหล่านี้ พลังของเจ๋อเจี้ยนจึงลดลงอย่างมาก ในที่สุดหลังจากถูกโจมตีด้วยกำปั้นที่ห่อหุ้มด้วยธาตุไฟของเจี้ยนเฉินตรงหน้าอกอีกครั้งหนึ่ง เจ๋อเจี้ยนก็กระเด็นกลับไปโดยมีเลือดท่วมปาก