เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 467 - พบผู้อาวุโสเฟิงและหยุนอีกครั้ง
ตอนที่ 467 – พบผู้อาวุโสเฟิงและหยุนอีกครั้ง
นอกเหนือจากผ่าสวรรค์ แล้วเจี้ยนเฉินยังค้นพบวิธีการบ่มเพาะระดับสวรรค์ แม้ว่ามันจะเป็นระดับสวรรค์ แต่วิธีการบ่มเพาะนั้นค่อนข้างธรรมดาเมื่อเทียบกับทักษะการต่อสู้ ทั้งตระกูลเจียงหยางและสำนักคากัตต่างก็มี แม้จะเป็นเช่นนั้นเจี้ยนเฉินก็ไม่ได้เพิกเฉยกับวิธีการบ่มเพาะ เพราะตระกูลอันทรงพลังจะไม่มีวิธีการบ่มเพาะเพียงอย่างเดียว
ผู้คนสามารถเรียนรู้วิธีการบ่มเพาะเพียงอย่างเดียว แต่เมื่อมันเป็นถึงพลังของตระกูล มันเป็นการดีที่สุดที่จะมีมากกว่าหนึ่งให้เลือก อย่าลืมว่าไม่ใช่ว่าวิธีการบ่มเพาะทุกวิธีจะเหมาะสำหรับทุกคน
ไม่มีสิ่งที่มีค่ามากมายในแหวนมิติที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังโดยเซียนผู้คุมกฎ ไม่สามารถมองเห็นแกนอสูรหรือเงินสักเหรียญเดียว พวกมันอาจถูกทิ้งไว้ในอาณาจักรฉินกาน นอกเหนือจากทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์และวิธีการบ่มเพาะแล้ว ไม่มีสิ่งอื่นใดที่เจี้ยนเฉินให้ความสนใจ
หลังจากที่เขาดูสิ่งของในแหวนมิติเสร็จแล้ว เจี้ยนเฉินก็ค้นบ้านทั้งหลังอีกครั้ง แต่ในที่สุดเขาก็ไม่พบอะไรที่ผิดปกติ อย่างไรก็ตาม เขาพบว่าหลังจากเขาเอาโครงกระดูกของเซียนผู้คุมกฎไปแล้ว พลังงานที่สะสมอยู่ในบ้านก็หายไป แม้ว่าบ้านหลังนี้สร้างขึ้นจากไม้และเหล็ก แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ในถ้ำที่ชื้นตลอดไป หากไม่มีพลังงานของโครงกระดูกของเซียนผู้คุมกฏสำรองไว้ ในขณะที่พลังงานที่หลอมรวมในบ้านถูกระบายออกไป บ้านเก่านับพันปีก็จะหายไปจากโลก
หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็กวาดตามองพื้นที่ทั้งหมดอีกครั้ง เนื่องจากไม่มีผลประโยชน์ที่พบ เขาออกจากบ้าน การออกจากพื้นที่นั้นง่ายกว่าการเข้ามา ช่วงเวลาที่เขาก้าวเข้ามาในข่ายอาคมพรางตา เขารู้สึกถึงช่องว่างภายในตัวสั่นก่อนที่เขาจะถูกส่งไปยังบนทางเดินสีดำสนิทเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 เมตร
เจี้ยนเฉินสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะเดินออกไปข้างนอกพร้อมกับรอยยิ้มจาง ๆ ในใจเขาคิด” อย่างที่คาดไว้อาณาจักรฉินกานไม่ได้โกหกข้า มีถ้ำเซียนผู้คุมกฎที่สมบูรณ์ครบถ้วนอย่างแท้จริง ไม่เพียงแต่ข้าจะได้รับโครงกระดูกของเซียนผู้คุมกฏที่มีพลังงานจำนวนมาก แต่ข้ายังสามารถรับทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์และวิธีการบ่มเพาะได้อีกด้วย”
มีแสงสว่างที่ปรากฎขึ้นในทัศนวิสัยของเจี้ยนเฉิน เขารีบเดินออกจากถ้ำเซียนผู้คุมกฏ มาถึงเหนือทะเลสาบเยือกเย็นที่ด้านล่างของหุบเขาเย็น
ทันใดนั้นสีหน้าของเจี้ยนเฉินก็เปลี่ยนไป มีแสงวูบวาบในดวงตาของเขาตามด้วยแสงสีฟ้าจาง ๆ ขณะที่ร่างกายของเขาขยับไปทางด้านข้าง 5 เมตร
“หวือ ! ” “หวือ ! ” “หวือ ! ” “หวือ ! ” “หวือ ! “
สามารถได้ยินเสียงฝ่าอากาศ 5 เสียงที่หูสามารถแยกออกมาจากการโจมตีของปราณกระบี่ที่แตกต่างกัน 5 สายซึ่งบินไปข้างหน้าเพื่อทิ้งระเบิดจุดที่เจี้ยนเฉินเพิ่งยืนเข้ามา ปราณกระบี่ร้องคำรามลงไปที่กึ่งกลางของทะเลสาบที่เย็นจนเป็นน้ำแข็งทำให้เกิดการกระเซ็นไปทุกที่
สีหน้าของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปเป็นอัปลักษณ์ เขาเงยศีรษะของเขาขึ้นมาทันทีเพื่อดูจุดที่มีร่างห้าร่างปรากฏขึ้นมาเหนือเขา การโจมตีทั้งห้าที่เพิ่งถูกส่งออกมาจากพวกเขา
ธาตุลมได้ล้อมรอบร่างของเจี้ยนเฉินพลันมีพลังมากขึ้น ร่างของเขาพุ่งขึ้นไปในอากาศราวกับลูกศรที่หลุดจากคันธนูอันลึกลับ
“อย่าปล่อยให้เขาหนีไปได้ ! ” หนึ่งในห้าของพวกเขาร้องออกมา พวกเขาทั้งห้าสร้างวงแหวนขึ้นกลางอากาศทันทีเพื่อปิดล้อมเส้นทางหลบหนีที่เป็นไปได้ทั้งหมดของเจี้ยนเฉิน ในเวลาเดียวกันการโจมตีของปราณกระบี่ 5 สายถูกยิงเข้าหาเจี้ยนเฉินอีกครั้ง
ดวงตาของเจี้ยนเฉินเผยให้เห็นประกายตาที่ลุกโชนเมื่อกระบี่อัคคีทั้งห้าปรากฏตัวตัวขึ้นที่หน้าอก จากนั้นพวกมันเปลี่ยนร่างเป็นมังกรพิโรธ 5 ตัวที่เปล่งประกายความร้อนอันแรงกล้าซึ่งปะทะกับปราณกระบี่
“ตูม ! “
ท้องฟ้าระเบิดออกมาพร้อมกับการระเบิดอย่างรุนแรงในขณะที่พลังงานจากธาตุไฟเต็มไปทั่วทั้งท้องฟ้าและหุบเขา ผลที่ตามมาของการระเบิดสะท้อนออกมาจากผนังของหุบเขาและแตกออกเป็นรอยร้าวเหมือนใยแมงมุมหลายแห่ง สิ่งนี้ยังคงทำซ้ำไปซ้ำมาจนกระทั่งหน้าผาทั้งสองด้านมีรอยแตกขนาดใหญ่น้อยนับไม่ถ้วน ทั้งหุบเขาสั่นสะเทือนภายใต้แรงกระแทกทำให้หินหลายก้อนหล่นลงมาและตกลงไปในน้ำเย็นด้านล่าง
เจี้ยนเฉินพุ่งขึ้นจากหน้าผาด้านล่าง ไม่ได้วิ่งหนีไปเหมือนที่เซียนสวรรค์ทั้งห้าคิดว่าเขาจะทำ แต่เขากลับลอยอยู่ในระดับที่เท่าเทียมกับพวกเขา
พวกเจ้าเป็นใคร ? ” เจี้ยนเฉินถามด้วยเสียงต่ำ ๆ ดวงตาของเขาแผ่จิตสังหารไปยังเซียนทั้งห้าขณะที่สายตาของเขากวาดผ่านไป อย่างไรก็ตามเมื่อเขามองไปที่ชายสองคนที่อยู่ตรงกลาง ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ
ทันใดนั้นจิตใจของเจี้ยนเฉินก็นึกย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อนที่เมืองเวค เขากำลังอาบน้ำด้วยความประมาทเมื่อเจอหวงหรวน หลังจากนั้นเขาได้ต่อสู้กับบุคคลที่แข็งแกร่งทั้งสองของหวงหรวนซึ่งนางเรียกว่าลุงเฟิงและลุงหยุน ชายสองคนนี้ไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าเขาเหมือนคนเหล่านี้มานานมากแล้วใช่หรือไม่ ? แม้เวลาจะผ่านไปนานมากแล้ว เจี้ยนเฉินก็ยังจำพวกเขาได้
เป็นเจ้านั่นเอง !
“เป็นเจ้า ! “
ช่วงเวลาที่เจี้ยนเฉินจำคนทั้งสองได้ ผู้อาวุโสทั้งสองก็จำเขาได้เช่นกัน สายตาของพวกเขาได้เพิ่มความประหลาดใจ ความตกใจเริ่มปรากฏไปทั่วใบหน้าของพวกเขา
ชายอีกสามคนสังเกตเห็นความตกใจบนใบหน้า หนึ่งในนั้นถามอย่างรวดเร็ว “ท่านอาวุโสเฟิง ท่านผู้อาวุโสหยุน ท่านทั้งสองคนรู้จักเขา ? “
ผู้อาวุโสทั้งสองดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำถามและยังคงมองดูเจี้ยนเฉินต่อไป คนหนึ่งพูดด้วยเสียงที่สั่นเทาว่า “เจ้า..เจ้า..เจ้าก้าวเข้าสู่ขอบเขตของเซียนสวรรค์” ในขณะนั้นหัวใจของผู้เฒ่าทั้งสองกำลังถูกจู่โจมด้วยอารมณ์
เมื่อกล่าวถึงเจี้ยนเฉิน พวกเขาไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับเขาและประทับใจในตัวเขา เนื่องจากความประมาทเลินเล่อของพวกเขาในเมืองเวค เซียนระดับสูงเพียงคนเดียวจึงสามารถ “แอบ” เห็นหวงหรวนอาบน้ำ หวงหรวนอันมีค่าของพวกเขาถูกแอบเห็นโดยชายคนหนึ่งเป็นครั้งแรก และเมื่อพวกเขาได้โจมตีเจี้ยนเฉิน พวกเขาได้รับบาดเจ็บจากจิตวิญญาณกระบี่สีฟ้าและสีม่วงของเขา สิ่งนี้ทำให้พวกเขาตกใจเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้นในระหว่างงานชุมนุมของทหารรับจ้างเมื่อครึ่งปีที่ผ่านมา พวกเขาได้เห็นการประลองของเจี้ยนเฉินบนเวที ในเวลานั้นมันช่างน่าตกใจอย่างยิ่ง ก่อนหน้านั้นเจี้ยนเฉินเป็นเพียงเซียนระดับสูงเท่านั้น พวกเขาไม่ได้คิดเลยว่าในเวลา 4 ปี เจี้ยนเฉินจะพัฒนาเพิ่มขึ้นในอัตราที่ไม่น่าเชื่อและกลายเป็นเซียนปฐพี ความแข็งแกร่งประเภทนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน
นอกจากนี้พวกเขายังได้ยินจากหวงหรวนว่าเจี้ยนเฉินได้ถูกท้าทายในระหว่างงานชุมนุมกลุ่มของทหารรับจ้าง เมื่อธนูสุริยันจันทราของตระกูลหวงเกือบจะถูกขโมยโดยตระกูลชิ มันเป็นเพราะว่าเจี้ยนเฉิน จึงทำให้รักษาธนูสุริยันจันทราเอาไว้ได้ในนาทีสุดท้าย ดังนั้นตระกูลชิผู้ทรงอำนาจจึงโกรธแค้นเจี้ยนเฉินมาก
และตอนนี้อีกครึ่งปีต่อมาเจี้ยนเฉินก็พัฒนาสูงขึ้นอย่างไม่คาดคิดจากการเป็นเซียนปฐพีถึงเซียนสวรรค์ ความเร็วที่ไม่น่าเชื่อเช่นนี้ทำให้ผู้เฒ่าทั้งสองพูดไม่ออกและหนักใจ
“ผู้อาวุโสเฟิง ผู้อาวุโสหยุน เขาคือใคร ? ท่านสองคนรู้จักเขา ? ” อีกคนถาม
ผู้เฒ่าถอนหายใจก่อนที่จะทำใจให้เข้มแข็งอย่างช้า ๆ “เขาคือเจี้ยนเฉิน เจี้ยนเฉินผู้เดียวกับที่ได้อันดับหนึ่งในงานชุมนุมของทหารรับจ้าง”
“อะไร ? เขาคือเจี้ยนเฉิน ? ” เมื่อได้ยินเช่นนั้นชายสามคนอีกคนก็เผยให้เห็นถึงความตกใจ เมื่อพวกเขาเบนสายตาจ้องมองไปที่เจี้ยนเฉินอีกครั้ง
ผู้ที่เข้าร่วมงานชุมนุมของกลุ่มทหารรับจ้างจะต้องมีอายุต่ำกว่า 50 ปี ถ้าเจี้ยนเฉินเข้าร่วมในครั้งนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาก็อายุน้อยกว่านั้น เมื่อมาถึงจุดนี้ มันก็แค่ครึ่งปีนับตั้งแต่งานชุมนุมของกลุ่มทหารรับจ้าง ต้องบอกว่านี่หมายความว่าผู้เยาว์ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขามาถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ก่อนอายุ 50 ปี
ภายในทวีปเทียนหยวน ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วเช่นนี้อาจหมายความว่าเขาเป็นอัจฉริยะที่หาตัวจับยาก
” เจี้ยนเฉิน ทำไมเจ้ามาที่นี่ ? ” ผู้อาวุโสหยุนถามด้วยความประหลาดใจ
เจี้ยนเฉินจ้องมองทุกคนด้วยสีหน้าที่สงบนิ่ง” ข้าควรถามคำถามนี้ ท่านมาที่นี่ทำไมและทำไมต้องลงมือกับข้าตอนนี้ ? “
เมื่อได้ยินเช่นนี้สายตาของผู้อาวุโสหยุนก็ย้ายไปที่ปากทางเข้าของถ้ำเซียนผู้คุมกฏที่มีแสงระยิบระยับ เขาเชื่อมต่อจุดต่าง ๆ อย่างเงียบ ๆ พูดอย่างหนักใจด้วยสีหน้าที่หนักอึ้ง” ข้าไม่เคยคิดเลยว่าคนที่เซียนสวรรค์ของอาณาจักรฉินกานพูดถึงนั้นคือเจี้ยนเฉิน”
แม้ว่าผู้อาวุโสจะพูดด้วยน้ำเสียงเบา ๆ แต่เจี้ยนเฉินก็ได้ยินมันชัดเจน ดวงตาของเขาเริ่มลุกโชนด้วยแสงจ้าที่น่าหวาดกลัวในขณะที่เขาถามว่า “เฉียนหยุนบอกสถานที่ตั้งของถ้ำเซียนผู้คุมกฎหรือ ? “
“ถูกต้อง เซียนสวรรค์จากอาณาจักรฉินกานบอกเราเกี่ยวกับถ้ำเซียนผู้คุมกฎ ในการแลกเปลี่ยนเขาบอกให้เราเอาชีวิตของใครบางคน” ชายวัยกลางคนพูดโดยไม่แสดงออกทางสีหน้า แต่การจ้องมองของเขาก็ส่งสัญญาณของแสงเย็น ๆ เมื่อเขามองดูที่เจี้ยนเฉิน
ปากของเจี้ยนเฉินเหยียดเป็นรอยยิ้มเย็นชาเมื่อการเหลือบมองของเขาลดลงมาหลายองศา ” ข้าไม่คิดว่าอาณาจักรฉินกานจะจัดการเช่นนี้ หากพวกเขาต้องการให้ท่านฆ่าใครซักคน มันก็ต้องเป็นข้าอย่างแน่นอน”
“ถูกต้อง ! ” ชายวัยกลางคนคนเดียวกันตอบกลับโดยไม่แสดงสีหน้า
เจี้ยนเฉินมองชายคนนั้นและถามว่า” ตอนนี้ข้าอยู่ที่นี่แล้ว ท่านจะทำเช่นไรตอนนี้ ? “
ความโกรธขึ้นมาเต็มหัวใจของผู้คน เขาตะคอกอย่างเย็นชาและพูดว่า “คำสัญญาที่ตระกูลหวงของเราให้ไว้ต้องเป็นจริง ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร เจ้าจะไม่สามารถจากไปในวันนี้!”
“ไม่ ! ผู้อาวุโสหยุนและผู้อาวุโสเฟิงร้องออกมาว่า “เจี้ยนเฉินเป็นผู้มีพระคุณต่อตระกูลหวงของเรา ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ธนูสุริยันจันทราของเราจะถูกขโมยโดยตระกูลชิ นอกจากนี้เขายังช่วยชีวิตคนรุ่นหลังของเราด้วย”
“ผู้อาวุโสหยุนนั่นเป็นเรื่องที่ผิดพลาด เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในพื้นที่ห่างไกลระหว่างการแข่งขันที่เราไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างเรื่องหลอกลวงกับความจริงได้ ใครจะรู้ว่าคำที่คุณหนูกล่าวถึงนั้นจริงหรือไม่ ? ” ชายวัยกลางคนที่ถูกแย้งโต้กลับ
“ความตายของชิเซียงกรานยังไม่เป็นการพิสูจน์ความจริงเรื่องนั้นอีกหรือ” ผู้อาวุโสเฟิงตอบอย่างชัดเจนว่าเขาอยู่ข้างเจี้ยนเฉิน
“และความตายของชิเซียงกรานจะสามารถพิสูจน์ได้อย่างไร? มันไม่ได้บอกอย่างแน่นอนว่ามีบุญคุณหรือความแค้นระหว่างเจี้ยนเฉินและชิเซียงกราน” ชายผู้นั้นพูดอย่างชอบธรรม
ผู้อาวุโสทั้งสองเหลือบมองกัน สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นอัปลักษณ์มาก หลังจากตระหนักว่าเป้าหมายของพวกเขาคือเจี้ยนเฉิน ทั้งสองมีการเปลี่ยนแปลงแผน แม้ว่าพวกเขากล้าที่ทำลายชื่อเสียงของตระกูลของพวกเขา พวกเขาก็ไม่ต้องการลงมือต่อเจี้ยนเฉิน ไม่เพียงแต่เขาเป็นอัจฉริยะ แต่เขายังเป็นผู้มีพระคุณต่อตระกูลของพวกเขาด้วย นี่เป็นสิ่งที่เพียงพอสำหรับผู้อาวุโสสองคนที่จะทำเช่นนั้น นอกจากนี้เขาและหวงหรวนยังมีความสัมพันธ์ที่แปลกประหลาดระหว่างพวกเขา
อย่างไรก็ตามความปรารถนาของพวกเขาไม่ได้พูดกับคนทั้งตระกูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งทัศนคติของชายวัยกลางคนทำให้ยากต่อการลงมือกระทำ