เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 480: กลับมายังอาณาจักรฉินหวง
ตอนที่ 480: กลับมายังอาณาจักรฉินหวง
อาณาจักรต้าโจวอยู่ไม่ไกลจากตระกูลเทียนฉิน หลังจากที่บินมาหลายชั่วยาม เจี้ยนเฉินก็ได้มาถึงอาณาจักรต้าโจว จากแผนที่เจี้ยนเฉินสามารถเดินตามเส้นทางไปยังเมืองราชาได้
หลังจากที่บินมา 2 ชั่วยาม เจี้ยนเฉินก็เดินทางมาได้กว่า 3,000 กิโลเมตรและในที่สุดเขาก็มาถึงเมืองราชา คราวนี้เขามาขอความช่วยเหลือจากพวกเขาและด้วยการที่ต้องทำตัวสุภาพและเคารพ เจี้ยนเฉินก็ไม่ได้บินเข้าไปในพระราชวังและลงมาอยู่หน้าประตูวังแทน
เมื่อยามที่รักษาการณ์อยู่ทั้งกลางวันกลางคืนที่พระราชวังเห็นการมาเยือนของเซียนสวรรค์ ทุกคนก็ตกใจพร้อมกับจ้องมองมาที่เจี้ยนเฉินและคุกเข่าทักทายเจี้ยนเฉิน ท่านผู้อาวุโส ข้าคือหัวหน้าของยามหน่วยที่ 5 ข้าขอทราบเหตุผลของผู้อาวุโสได้หรือไม่ ? ในขณะที่เขาพูด ชายคนนั้นก็มองเจี้ยนเฉินด้วยความสงสัย เมื่อเขาทราบว่าเจี้ยนเฉินยังเด็กอยู่ หัวหน้าไม่อาจช่วยได้นอกจากแปลกใจ หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็สรุปได้ว่าเจี้ยนเฉินคงจะใช้วิธีการลับบางอย่างเพื่อคงร่างที่เยาว์วัยของเขาทั้ง ๆ ที่อายุจริง ๆ ของเขานั้นมากกว่า
ข้าคือที่ปรึกษาจักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวง วันนี้ที่ข้ามาที่อาณาจักรของเจ้าเพื่อมาเยี่ยมเยียน โปรดส่งข้อความนี้ให้ข้าด้วย เจี้ยนเฉินพูดอย่างสงบ
เมื่อได้ยินว่าบุคคลเบื้องหน้าเป็นที่ปรึกษาจักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวง หัวหน้ายามก็ตกใจทันที ขอรับ ข้าน้อยจะส่งคนไปทันที เจ้า ! ส่งอาวุโสเข้าไปในพระราชวัง หัวหน้ายามส่งให้คนพาเจี้ยนเฉินไป ขณะที่ตัวเองใช้ทักษะการเคลื่อนไหวบางอย่างและหายเข้าไปในพระราชวัง
เมื่อใดก็ตามที่มีเซียนสวรรค์มาเยี่ยม มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลย ที่ปรึกษาอาณาจักรฉินหวงจะต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นหัวหน้ายามไม่กล้าประมาทและรีบรายงานต่อองค์ราชาทันที
ภายในพระราชวังที่งดงามของอาณาจักรต้าโจว นางกำนัลที่แต่งหน้าอย่างงดงามมากมายกำลังร้องเพลงพร้อมกับร่ายรำด้วยเสื้อผ้าที่บางเบาปกคลุมร่างกายของพวกนาง ด้านหน้าของเขามีโต๊ะทองคำบริสุทธิ์ตัวหนึ่ง มีอาหารแตกต่างกันทุกประเภท องค์ราชาที่ดูอายุ 50 ปีและสวมเสื้อคลุมมังกรทอง นั้งอยู่ที่โต๊ะทองคำตัวนั้นและสนุกกับการแสดงตรงหน้าของเขา
ในเวลานั้น ขันทีคนหนึ่งก็เข้ามาคุกเข่าต่อหน้าองค์ราชาและกระซิบข้าง ๆ หู
ทันใดนั้นการแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนเป็นตกใจ ขณะที่องค์ราชาหันไปถามกับขันทีว่า อะไรนะ ? ที่ปรึกษาจักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวงมาเยือนงั้นรึ ?
พะยะค่ะ ฝ่าบาท หัวหน้ายามของพระราชวังเข้ามารายงานกับข้าและเขาก็ไม่ได้โกหก
องค์ราชาทรงยืนขึ้นและเดินไปนอกห้องโถงและตรัสว่า มากับข้า ไปต้อนรับเขา ! และให้บางคนนำที่ปรึกษาจักรพรรดิคนนั้นเข้ามา
เจี้ยนเฉินถูกพาไปยังท้องพระโรงที่ใหญ่โตอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งมีราชารอต้อนรับเขาอย่างอบอุ่น
มีผู้เฒ่าผมขาว 5 คนเดินเข้ามาในพระราชวัง ทันทีที่พวกเขาเข้ามาและเห็นเจี้ยนเฉิน พวกเขาก็นั่งลงยังเก้าอี้ใกล้ ๆ
ด้วยการทักทายเจี้ยนเฉิน องค์ราชาแห่งต้าโจวก็ตรัสว่า ที่ปรึกษาจักรพรรดิผู้ทรงเกียรติแห่งอาณาจักรฉินหวง คนเหล่านี้คือที่ปรึกษาจักรพรรดิทั้งห้าของข้า
เจี้ยนเฉินยิ้มและป้องมือไปยังที่พวกเขาทั้งห้า ทั้งห้าคนนี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับเขา ครั้งล่าสุดที่พวกเขาอยู่ที่นี่ พวกเขาเป็นคนที่เขาเห็นเมื่อเขาอยู่กับตระกูลเทียนฉินเพื่อใช้งานประตูมิติเพื่อไปยังเมืองทหารรับจ้าง
ที่ปรึกษาทั้งห้าคำนับทักทายเจี้ยนเฉินอย่างเป็นมิตรและยังพูดคุยกันอยู่หลายคำ สำหรับการที่ที่ปรึกษาจักรพรรดิแห่งอาณาจักรฉินหวงมาที่นี่ มันถือเป็นเกียรติอย่างมากสำหรับอาณาจักรต้าโจวของเรา แต่เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างสำคัญ ถ้าไม่ว่ากะรไร ได้โปรดแสดงสิ่งยืนยันฐานะด้วย ?
เจี้ยนเฉินยิ้มเล็กน้อย เขารู้ว่าอีกฝ่ายคงจะสงสัยในตัวตนของเขาอย่างแน่นอน อาณาจักรฉินหวงอยู่ห่างไกลจากอาณาจักรต้าโจวมาก สำหรับการที่ที่ปรึกษาจักรพรรดิได้มาเยือนอาณาจักรต้าโจว พวกเขาต้องมีข้อสงสัยอย่างแน่นอน
เจี้ยนเฉินหยิบจี้หยกสีม่วงออกมาจากแหวนมิติของเขาเพื่อแสดงให้เหล่าอาวุโสดู สิ่งนี้สามารถพิสูจน์ได้หรือไม่ ?
เมื่อผู้อาวุโสรับจี้หยกมาจากเจี้ยนเฉินและเริ่มตรวจสอบ มันถูกสร้างขึ้นจากงานฝีมือของผู้เชี่ยวชาญและธงของอาณาจักรฉิงหวงที่เขียนว่า ‘ฉิน’ ถูกแกะสลักไว้ด้านใน ขณะที่อีกด้านเขียนคำว่า ‘ผู้พิทักษ์’
อย่างไรก็ตามเหล่าผู้เฒ่าก็ได้ตระหนักว่าสิ่งนี้ทำมาจากหยกน้ำงาม ดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้างอย่างประหลาดใจอย่างมา พลอยจิตวิญญาณม่วง !
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ที่ปรึกษาทั้งสี่ซึ่งอยู่รอบๆพวกเขารู้ว่าอะไรคือ พลอยจิตวิญญาณม่วง มันเป็นหยกที่หายากและมีคุณภาพที่สูงซึ่งเป็นสินค้าที่แม้แต่เหล่าขุนนางก็ไม่อาจหาซื้อได้ มีการกล่าวว่าพลอยจิตวิญญาณม่วงทำมาจากเมฆสีม่วงที่มารวมกันในโลก เหตุการณ์เหล่านี้หายากมากและแทบจะไม่สามารถเห็นได้ในทวีปเทียนหยวน
เมื่อเห็นตราสัญลักษณ์นี้ทำมาจากพลอยจิตวิญญาณม่วงที่หายากอย่างมาก ที่ปรึกษาจักรพรรดิก็มั่นใจว่าเจี้ยนเฉินเป็นที่ปรึกษาจักรพรรดิจริงตามที่เขาบอกมา ภายในใจของพวกเขาก็ยังคงประหลาดใจและคิดในใจว่า ไม่น่าแปลกใจที่อาณาจักรฉินหวงจะเป็นหนึ่งในแปดมหาอำนาจของเหล่าอาณาจักร แม้กระทั่งที่ปรึกษาจักรพรรดิก็ยังได้รับตราสัญลักษณ์ที่ทำมาจากพลอยจิตวิญญาณม่วง
พวกเขาไม่ได้มาจากอาณาจักรฉินหวงและพวกเขาก็อยู่ไกลเกินกว่าพวกเขาจะรู้แผนการที่อยู่เบื้องหลังของอาณาจักรฉินหวง พวกเขารู้เพียงเล็กน้อยว่าที่ปรึกษาจักรพรรดิจะได้รับเหรียญสัญลักษณ์ที่ทำจากโลหะหายากเป็นเครื่องพิสูจน์ มันไม่ได้ทำมาจากพลอยจิตวิญญาณม่วงแต่อย่างใด ที่ปรึกษาจักรพรรดิจะไม่มีคำว่า ‘ผู้พิทักษ์’ สลักอยู่บนตราของพวกเขา มีเพียง 5 คนเท่านั้นในอาณาจักรฉินหวงที่จะมีคุณสมบัติถือตราสัญลักษณ์ที่ทำมาจากพลอยจิตวิญญาณม่วง
ที่ปรึกษาจักรพรรดิส่งหยกคืนให้กับเจี้ยนเฉินพร้อมกับรอยยิ้ม โปรดอภัยในความอยากรู้ของข้าก่อนหน้านี้ด้วย ข้าหวังว่าท่านผู้อาวุโสจะไม่ติดใจกับมัน หลังจากยืนยันตัวตนของเขาแล้ว ทุกคนก็เริ่มปฏิบัติท่าทีกับเจี้ยนเฉินดีกว่าแต่ก่อน
หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยกันสักพักแล้ว เจี้ยนเฉินก็วกกลับเข้ามาเรื่องสำคัญที่ทำให้เขามาที่นี่ วันนี้ข้ามาที่อาณาจักรที่โอ่อ่าของท่านเพื่อขอใช้ประตูมิติของท่าน ไม่ทราบว่าได้หรือไม่?
ได้ ได้ ได้แน่นอน แน่นอนเลยว่าไม่ลำบาก ที่ปรึกษาจักรพรรดิของเราจะเปิดมันให้ท่านทุกเวลา ราชาไม่ลังเลที่จะยอมรับคำขอของเจี้ยนเฉิน หลังจากที่หยุดอยู่ครู่หนึ่ง ราชาก็ตรัสเสริมขึ้นมาว่า อาณาจักรต้าโจวของเราและอาณาจักรฉินหวงนั้นแม้จะอยู่ห่างไกลกัน แต่ข้าหวังว่าจะได้เป็นสหายที่ดีกันในอนาคต เราหวังว่าผู้อาวุโสจะนำควาตั้งใจที่ดีของเรากลับไปทูลที่อาณาจักรฉินหวง
ข้าจะถ่ายทอดคำพูดเหล่านั้นออกไปแน่นอน เจี้ยนเฉินตอบรับคำขอของพวกเขา พื้นที่แถบนี้มีเพียงอาณาจักรนี้อาณาจักรเดียวที่มีประตูมิติและเจี้ยนเฉินไม่รู้เลยว่าเขาต้องใช้ประตูนี้บ่อยแค่ไหน ดังนั้นเขาจึงต้องมั่นใจว่าการติดต่อหากันจะไม่สะดุด
หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็เดินตามราชาแห่งต้าโจวไปยังประตูมิติ บริเวณประตูมิติมีข่ายเวทมนตร์ลึกลับซ่อนอยู่
ที่ปรึกษาจักรพรรดิคนหนึ่งได้นำแกนอสูรระดับ 5 ออกมาจากแหวนมิติของเขาและสอดเข้าไปในช่องของประตูมิติ เพียงแค่นั้นข่ายอาคมก็ส่องแสงและพลังงานก็ผันผวนอย่างรุนแรง ในที่สุดประตูขนาดใหญ่กว่า 3 เมตรก็ก่อตัวขึ้น มันเป็นประตูโค้งที่ตรงกลางมีหลุมน้ำวนกำลังหมุนวนอยู่ภายใน
ท่านที่ปรึกษาจักรพรรดิ ปลายทางของท่านอยู่ที่ใด ? ที่ปรึกษาจักรพรรดิที่ควบคุมประตูมิติเอ่ยถามเจี้ยนเฉิน
อาณาจักรฉินหวง !
เมื่อดูแผนที่แล้วที่ปรึกษาจักรพรรดิก็พบที่ตั้งและเริ่มควบคุมประตูมิติอย่างรวดเร็ว ในพริบตาภายในประตูมิติก็เริ่มเห็นภาพที่ชัดเจนของเทือกเขาอันใหญ่โต
เนื่องจากเราไม่มีจุดหมาย เราจึงไม่อาจยืนยันได้ว่านี่คือที่ตั้งของอาณาจักรฉินหวง เราสามารถส่งท่านไปด้วยที่ตั้งคร่าว ๆ แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในอาณาจักรฉินหวง แต่ก็ควรจะอยู่ใกล้ ๆ กัน ที่ปรึกษาจักรพรรดิเชิญเข้าไป ผู้เฒ่าที่ควบคุมประตูมิติพูด
แน่นอนว่าข้าจะต้องขอบคุณท่านแน่ ๆ ในอนาคต เจี้ยนเฉินพูดก่อนที่จะเดินเข้าไปในประตูเพียงครั้งเดียว พริบตาเขาก็มาปรากฏห่างออกไปนับหมื่นกิโลเมตร
หลังจากเจี้ยนเฉินเดินออกมาจากประตูมิติ ความผันผวนก็หายไปและกลับมาอยู่ในสภาพเดิม เมื่อมองไปรอบ ๆ เจี้ยนเฉินก็เห็นว่าเขาอยู่ในเทือกเขาที่มีแนวเขาล้อมรอบ
หลังจากหยิบแผนที่ออกมาดูซักพัก เขาก็เริ่มบินไปยังทิศตะวันออก หลังจากนั้นครึ่งวันเจี้ยนเฉินก็มาถึงอาณาจักรฉินหวงในที่สุด
ทันทีที่เขาถึงพื้น ทหารหลายคนที่มีจิตสังหารที่น่ากลัวก็บินมา ในเวลาเดียวกันเขาสามารถรับรู้ถึงพลังปราณจำนวนมากในอาณาจักรฉินหวง ไม่นานเซียนสวรรค์หลายคนที่มีท่าทีเหมือนเจอศัตรูก็มารายล้อมเจี้ยนเฉิน
เมื่อพวกเขาเห็นว่าเขาเป็นใคร พวกเขาก็ตกตะลึงสักพักก่อนที่จะป้องมือ พวกเราทุกคนขอคารวะผู้พิทักษ์จักรพรรดิ
ในเวลานี้เหล่าทหารที่รายล้อมเจี้ยนเฉินก็ได้ตระหนักถึงตัวตนของเขา ทันใดนั้นจิตสังหารมากมายก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย คนหลายคนเริ่มคุกเข่าด้านหน้าเขาและแสดงความเคารพ พวกเราขอคารวะท่านผู้พิทักษ์จักรพรรดิ คนเหล่านี้คือทหารชั้นสูงที่มีความแข็งแกร่งเกินกว่าทหารทั่วไป ขณะที่พวกเขาพูดพร้อมกันเสียงของพวกเขาก็ดังราวกับฟ้าร้องและดังไปถึงพระราชวัง
เจี้ยนเฉินบอกให้ทหารยืนได้ก่อนที่จะหันไปถามเซียนสวรรค์อย่างสับสน เกิดอะไรขึ้นกับอาณาจักรฉินหวง ถึงได้เข้มงวดกันมากเช่นนี้ ?
ท่านผู้พิทักษ์จักรพรรดิ ทางพระราชวังห้ามไม่ให้มีการบิน แม้แต่เราก็ต้องเดินเข้าไปในวัง เมื่อเขาเห็นคนบินมาทางพระราชวัง เราทุกคนก็คิดว่ามันเป็นศัตรู หนึ่งในที่ปรึกษาจักรพรรดิพูด
ทันใดนั้นเจี้ยนเฉินก็ตระหนักว่าเขาไม่ได้อยู่ในอาณาจักรฉินหวงนานนัก ดังนั้นเขาจึงไม่รู้กฏของดินแดนนี้
พวกเจ้าไปได้แล้ว ข้ามีเรื่องที่จะคุยกับราชา จากนั้นเจี้ยนเฉินจากไป
เจี้ยนเฉินกระจายการรับรู้ของเขาไปทั่วทั้งวังและไม่นานเขาก็พบเห็นราชาอยู่ที่ห้องทรงอักษรและรีบไปทิศทางนั้นทันที แม้ว่าพระราชวังฉินหวงจะมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดด้วยยามลาดตะเวนถึง 3 ชั้น แต่จากสถานะของเจี้ยนเฉินในฐานะผู้พิทักษ์ก็ทำให้เขาเดินไปได้อย่างไม่มีข้อจำกัด ไม่มีใครคิดที่จะหยุดเขา ดังนั้นเจี้ยนเฉินจึงสามารถเข้าไปในห้องทรงอักษรขององค์ราชาได้ขณะที่องค์ราชากำลังอ่านหนังสือที่โต๊ะของเขา