เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 49 : ตกตะลึง
Chaotic Sword God ตอนที่ 49 ตกตะลึง
ได้ยินคำกล่าวเช่นนั้นของเจี้ยนเฉิน ลูกศิษย์ทั้งหมดที่ยืนเรียงกันอยู่ข้างหลังเขา นอกเหนือจากเถี่ยต้าแล้ว คนอื่น ๆ ต่างก็มีท่าทีตกตะลึงออกมา พวกเขาทั้งหมดจ้องมองเจี้ยนเฉินอย่างประหลาดใจและคนจำนวนไม่น้อยต่างคิดว่าพวกเขาฟังผิดไป ในมุมมองของพวกเขา ถ้าต้องการส่งมอบแกนอสูร แล้วทำไมไม่ส่งมันไปเล่า ทำไมต้องวุ่นวายเกี่ยวกับขนาดของโต๊ะที่ใช้ด้วย ? นี่มันเป็นเป็นการหาเรื่องกันหรืออย่างไร ?
คน ๆ นั้นคือใครกัน ? เขาช่างสะเพร่าจริง ๆ ถึงกระทั่งต้องการให้ท่านอาจารย์เปลี่ยนโต๊ะ … .
เขาช่างโง่จริง ๆ กล้าบอกอาจารย์สตีฟ ว่าโต๊ะมีขนาดเล็กเกินไปต่อหน้าผู้คนได้อย่างไรกัน ยิ่งไปกว่านั้นเขาต้องการที่จะให้อาจารย์สตีฟเปลี่ยนโต๊ะเพื่อเขาอีกต่างหาก สวรรค์ สำหรับเขาที่เผชิญหน้ากับอาจารย์สตีฟเกี่ยวกับเรื่องโต๊ะนั่น นั่นเขาไม่ทราบหรืออย่างไรว่าอาจารย์สตีฟเป็นอาจารย์ที่เข้มงวดที่สุดในสำนักคากัต ?
…..
คนจำนวนไม่น้อยเริ่มที่จะชี้ไปยังเจี้ยนเฉิน มองเขาราวกับว่าเขาเป็นคนโง่เขลา
อาจารย์ผู้ตรวจสอบมีท่าทีเปลี่ยนไปทันที ในขณะที่เขาขมวดคิ้วของเขาและจ้องมองอย่างจริงจังไปที่เจี้ยนเฉิน เขาส่งเสียงขึ้นจมูกและจากนั้นก็กล่าวเสียงต่ำว่า เจ้ามีนามว่าอะไร? เจ้าถึงกับกล้ากล่าวเช่นนี้กับอาจารย์ โต๊ะนี้เป็นได้ถูกเตรียมมาชั่วอายุคนแล้ว มันไม่ใช่สิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เพียงเพราะเจ้าบอกว่ามันควรเปลี่ยน
ในคำพูดของเจี้ยนเฉิน ไม่เพียงแต่ทำให้อาจารย์ผู้ตรวจสอบรู้สึกหงุดหงิด อาจารย์ผู้ตัดสินที่อยู่ด้านหลัง ก็ช่วยไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วของเขา ขณะที่พวกเขามองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยท่าทางไม่พอใจ คำกล่าวของเจี้ยนเฉินนั้นไม่สุภาพอย่างมากกับพวกเขาที่เป็นอาจารย์
ไม่มีเพียงสักคนเดียวที่พิจารณาว่าในความจริงแล้ว เจี้ยนเฉินได้ร้องขอเปลี่ยนโต๊ะนั้นเพราะขนาดของโต๊ะที่ไม่เหมาะสมกับแกนอสูรทั้งหมดในเข็มขัดมิติของเขา
แน่นอน ยกเว้นอาจารย์บางคน ท่าทีของพวกเขาก็ยังคงเงียบสงบมาก ใบหน้าของพวกเขายังคงมีรอยยิ้ม อาจารย์กลุ่มนี้เป็นเหล่าคนที่ได้เห็นเจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าเอาชนะฝูงหมาป่าสีน้ำเงินได้
ในเวลานี้อยู่เบื้องหลังพวกเขาเป็นสาวสวย ดวงตาที่ส่องประกายของนางเริ่มเต็มไปด้วยท่าทีสงสัย จมลงไปในความคิดและกระซิบเบา ๆ นั่นแปลก ทำไมข้าถึงรู้สึกคุ้นเคยกับเงาของเขานัก อาจเป็นเพราะข้าได้พบกับเขาในสักแห่ง ? คิ้วของหญิงสาวเริ่มขมวดจากการใช้ความคิด ทันใดนั้นดวงตาของนางประกายและความคุ้นเคยเป็นอย่างมากได้ปรากฏขึ้นในใจของนาง ช่วงเวลาต่อไป ดวงตาของนางแสดงให้เห็นท่าทีของความประหลาดใจ นางตะโกนออกมาอย่างไม่ทันรู้ตัว เจียงหยางเซียงเทียน เขาคือเจียงหยางเซียงเทียน
หญิงสาวไม่ได้ออมเสียง นั่นทำให้ผู้คนจำนวนมากได้ยินเสียงนาง ทุกคนในช่วงเวลานี้ที่ได้ยินชื่อเจียงหยางเซียงเทียน ใบหน้าของพวกเขาเริ่มเปลี่ยนไปทันที เป็นลูกศิษย์ที่ก่นด่าว่าเจียงหยางเซี่ยงเทียนว่าสะเพร่าเกินไป เริ่มที่จะปิดปากของพวกเขาทันที เหมือนเด็กที่เชื่อฟัง
เจียงหยางเซียงเทียนเป็นนามที่มีชื่อเสียงอย่างมากในสำนักคากัตและเป็นคนที่ทุกคนล้วนรู้จัก แต่อย่างไรก็ตาม กลับไม่มีใครจดจำเขาได้ ใบหน้าเจี้ยนเฉินเต็มไปโดยโคลนและสิ่งสกปรกจำนวนไม่น้อย เสื้อผ้าของเขาก็ยังขาดรุ่งริ่งซึ่งมองดูคล้ายกับขอทาน กับรูปลักษณ์ในปัจจุบันของเขา ไม่มีใครจะสามารถที่จะจำเขาได้ แม้เขาจะอยู่ด้านหน้าของทุกคนก็ตาม
หลังจากที่ได้ยินชื่อเจียงหยางเซียงเทียน สีหน้าของอาจารย์ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบแกนอสูรก็ว่างเปล่า ในขณะที่เขาเพ่งดูอย่างใกล้ชิด เห็นได้ชัดว่าเจียงหยางเซียงเทียนเป็นชื่อที่แม้กระทั่งอาจารย์ก็คุ้นเคยกับมัน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเจี้ยนเฉินจะมีอำนาจที่จะสามารถที่จะสั่งให้เขานำโต๊ะมาเปลี่ยนใหม่ ปากของอาจารย์อ้า และหุบอีกครั้งหนึ่งอย่างไม่เชื่อ ก่อนที่จะเตรียมที่จะพูดอีกครั้ง แต่ในตอนนั้นไป่เอินก็กล่าวออกมาจากคณะกรรมการของสำนัก จงนำโต๊ะที่ใหญ่กว่านี้ออกมาให้เร็ว รอยยิ้มกลับปรากฏบนใบหน้า แทนที่จะเป็นท่าทีไม่พอใจ ทันใดนั้นเขามองเจี้ยนเฉินด้วยสายตาคาดหวัง ราวกับเขารู้เหตุผลว่าทำไมเจี้ยนเฉินนั้นต้องการที่จะเปลี่ยนเป็นโต๊ะขนาดใหญ่
รองอาจารย์ใหญ่ ไป่เอิน แม้ว่าเขาจะอายุเพียง 34 ปี แต่ศักดิ์ศรีของเขาภายในสำนักคากัตอยู่ในระดับสูงมาก ซึ่งเป็นรองเพียงอาจารย์ใหญ่เท่านั้น เมื่อเขาพูดออกมา อาจารย์ทั้งหมดก็เงียบไปทันที นอกเหนือจากอาจารย์ไม่กี่คนแล้ว อาจารย์ส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าใจถึงสิ่งที่รองอาจารย์ใหญ่ได้พยายามจะสื่อ โดยพวกเขาต่างก็คิดว่า โต๊ะเดิมนั้นก็ใหญ่ก็มากเกินพอที่จะนับแกนอสูรแล้ว ซึ่งโต๊ะขนาดใหญ่กว่านั้นมันไม่จำเป็นด้วยซ้ำ
ไม่นานหลังจากนั้น โต๊ะขนาดยาว 3 เมตร กว้าง 2 เมตร ถูกยกขึ้นไปบนเวทีและโต๊ะเดิมที่เคยใช้ตรวจสอบก็ถูกนำออกไป
เจียงหยางเซียงเทียน เจ้าควรจะมีความพอใจกับเรื่องนี้ใช่ไหม? อาจารย์ตรวจสอบนั่งอยู่ในด้านหน้าของโต๊ะที่มีขนาดใหญ่ ทัศนคติที่เขามีต่อเจี้ยนเฉินนั้นไม่ได้ดีนัก มันเห็นได้ชัดว่าการร้องขอของเจี้ยนเฉินสำหรับโต๊ะขนาดใหญ่ ได้สร้างความประทับใจที่ไม่ดีนักกับอาจารย์อาวุโสที่อายุราว 50-60 ปี
ความเห็นในใจของผู้อาวุโสที่มีอคติ ช่วยไม่ได้ที่เจี้ยนเฉินต้องยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เขาไม่เคยคิดว่าเพียงเพราะอะไรบางอย่างเช่นนี้ อาจารย์ถึงกับต่อต้านเขาลึก ๆ นี่แน่นอนความคาดหวังได้ปลิวหายไปด้วย แต่เจี้ยนเฉินไม่ได้ใส่ใจมันนัก
หลังจากนั้น เจี้ยนเฉินหยิบของในเข็มขัดมิติ ซึ่งแตกต่างจากลูกศิษย์คนอื่น ๆ ที่ได้นำมันออกมาเพียงทีละ 1 อัน โดยครั้งหนึ่งเขาคว้ามันออกมากว่า 10 อัน และดึงออกมาวางอย่างเบามือ แกนอสูรทั้งหมดเหล่านี้เป็นสีขาวจาง ๆ และมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่มากไปกว่านิ้วของผู้ใหญ่
เห็นเจี้ยนเฉินดึงแกนอสูรออกมาถึง 10 ชิ้นในครั้งเดียว ผู้อาวุโสตรวจสอบถึงแม้ว่าจะไม่พอใจกับเจี้ยนเฉินในการกระทำก่อนหน้านี้ แต่ช่วยไม่ได้ที่เขาจะพยักหน้าออกมา แต่เช่นเดียวกับผู้อาวุโสสันนิษฐานว่าแกนอสูรเหล่านี้ล้วนมาจากฝีมือของเจี้ยนเฉินทั้งหมด เจี้ยนเฉินเอื้อมมืออีกครั้งเข้าไปในเข็มขัดมิติของเขาและยังคงดึงมันออกมาด้วยแกนอสูรที่เต็มกำมืออีกครั้งหนึ่ง ที่ยังมีถึง 10 ชิ้นในกำมือของเขา
ตอนนี้จำนวนแกนอสูรทั้งหมด 20 ชิ้นได้วางเรียงกันอยู่บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว เห็นอย่างนี้ตาของผู้อาวุโสตรวจสอบสว่างขึ้น เขามองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความประหลาดใจและคิดในใจว่า ชื่อเสียงของเจี้ยนเฉินไม่ได้เกินจากที่ร่ำลือเลยสักนิด แม้ว่าเขาจะยังไม่ถึงระดับเซียน เขาก็สามารถที่จะเอาชนะเซียนได้ ดูเหมือนว่าเขาจะมีฝีมือมากจริง ๆ
หลังจากนี้ เจี้ยนเฉินยังคงสอดมือเข้าไปในเข็มขัดมิติและดึงแกนอสูรออกมาอีกหนึ่งกำมือ ก่อนที่จะวางเบา ๆ ลงบนโต๊ะ ตึง ตึง ตึง เสียงดังออกมานั้นเป็นเสียงแกนอสูรที่สัมผัสกับโต๊ะไม้
หลังจากที่เห็นเจี้ยนเฉินนำแกนอสูรออกมาอีก 10 อันจากเข็มขัดมิติของเขา อาจารย์ตรวจสอบนั้นได้เปลี่ยนแปลงท่าทีในทันที ดวงตาของเขาในขณะนี้สะท้อนให้เห็นถึงความตกตะลึง เนื่องจากตอนนี้เจี้ยนเฉินได้นำแกนอสูรออกมาถึง 30 อัน ซึ่งมันมากกว่ามู่เทียนมีถึง 7 อัน
สำหรับลูกศิษย์ที่ยังไม่ถึงระดับเซียนแต่กลับสังหารสัตว์อสูรระดับ 1 ในป่าได้ถึง 30 ตัวภายใน 3 วัน นั่นไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะต้องถูกจดจำ แม้กระทั่งผู้อาวุโส ที่ได้เดินทางไปทั่วโลกและร่วมเป็นสักขีพยานตั้งหลายสิ่งหลายอย่าง ก็ช่วยไม่ได้ที่จะถึงกับอ้าปากค้างด้วยความไม่อาจเชื่อ แม้ว่าสัตว์อสูรเหล่านี้จะมีพลังโจมตีที่ค่อนข้างต่ำ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นงานง่าย สำหรับผู้ที่อยู่เพียงขั้นสูงสุดของระดับ 10 จะสังหารพวกมันได้
เมื่อเจี้ยนเฉินคว้ามันออกมาถึง 30 ชิ้น อาจารย์ผู้ตรวจสอบนั้นได้กลายเป็นประหลาดใจ พร้อมกับอาจารย์คนอื่น ๆ ที่อยู่เบื้องหลังเขา ขณะที่พวกเขาเฝ้าดูสิ่งแปลกประหลาดนี้ไม่เคยคาดคิดมาก่อน เพียงอาจารย์ไม่กี่คน ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่อง บนใบหน้าของพวกเขาปรากฏรอยยิ้ม ขณะที่ลูกศิษย์ที่เรียงรายอยู่ด้านหลังเขา ได้แต่ตะลึงเมื่อเขาได้ดึงแกนอสูรออกมาทั้งหมด 30 ชิ้น
แต่เจี้ยนเฉินไม่ได้สนใจที่จะมองท่าทางของบรรดาอาจารย์และลูกศิษย์โดยรอบ ในขณะที่ทุกคนกำลังจ้องมองที่เขา มือของเขาเอื้อมเข้าไปในเข็มขัดมิติของเขาอีกครั้ง และคว้าแกนอสูรออกมาวางบนโต๊ะอีกครั้ง เมื่อมือของเขายังไม่หยุด อาจารย์ทุกคนมองด้วยอย่างนิ่งงัน ขณะที่เป็นวงจรซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาเอื้อมมือเข้าไปในเข็มขัดมิติและคว้าออกมาอีกครั้ง …
หลังจากนั้นไม่นาน เจี้ยนเฉินไว้วางแกนอสูรที่เต็มมือของเขาลงบนโต๊ะ ไม่นานโต๊ะขนาดใหญ่ก็เต็มไปด้วยแกนอสูร แม้ว่าทั้งหมดจะเป็นแกนอสูรระดับ 1 ทั้งหมด เพราะพวกมันมาจากสายพันธุ์ที่แตกต่างกัน แกนเหล่านั้นจึงไม่ได้มีขนาดเดียวกันทั้งหมด บางแกนอสูรที่มีขนาดเล็กก็เกือบขนาดของนิ้วหัวแม่เท้าของคนและบางแกนที่ใหญ่ที่สุดก็มีขนาดเท่ากับกำปั้นของเด็ก
ไม่ว่าจะเป็นเหล่าอาจารย์และลูกศิษย์นั้นต่างตกอยู่ในความตกตะลึง สำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ในระดับเซียน และฆ่าสัตว์อสูรระดับ 1 กว่า 100 ตัว ในช่วงระยะเวลาเพียง 3 วัน; ถ้าหากมีคนพยายามที่จะพูดแบบนี้กับคนอื่น พวกเขาจะไม่เชื่อ ในขณะนี้ นอกเหนือจากคนกลุ่มเล็ก ๆ ส่วนใหญ่หลายคนไม่เชื่อ หลายคนมีความคิดที่ว่าจำนวนแกนอสูรที่มากถึงเพียงนั้นเป็นผลมาจากหลาย ๆ คนช่วยเขาเก็บแกนอสูรหรือไม่ก็ได้มาจากการขโมย ความเห็นของคนส่วนใหญ่นั้นไม่ได้คิดว่าเขาได้ฆ่าสัตว์อสูรระดับ 1 ด้วยตัวเขาเพียงคนเดียว
เห็นโต๊ะนั้นเต็มไปด้วยแกนอสูรนับร้อยจากเจี้ยนเฉิน อาจารย์ผู้ตรวจสอบได้แต่สูดหายใจเข้าลึก ๆ แม้ว่าในใจของเขาคิดว่าเจี้ยนเฉินจะต้องได้รับมันจากการต่อสู้กลุ่มอื่น ๆ อีกมากมาย สำหรับจำนวนแกนอสูรของเจี้ยนเฉิน เขาได้แต่ชื่นชมในความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉิน อย่างไรก็ตาม แม้พวกมันจะได้มาจากการแย่งชิง แต่อาจารย์ก็ไม่ได้ให้ความสนใจ เพราะมันเป็นเหตุการณ์ปกติในทวีปเทียนหยวน
เห็นแกนอสูรนับร้อยจากเจี้ยนเฉิน รองอาจารย์ใหญ่ไป่เอินมองดูอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขารู้ดีแก่ใจว่าทำไมเขตแดนที่ 2 ถึงมีผู้คนน้อยนิดที่ล่าแกนอสูร เพราะว่าพวกมันถูกปล้นโดยเจี้ยนเฉิน ที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เจี้ยนเฉินขโมยแกนอสูรมาจากบางคน มิฉะนั้นทุกคนคงจะต้องผ่านการทดสอบแกนอสูรเป็นแน่
ด้วยสิ่งเหล่านี้ รองอาจารย์ใหญ่ไป่เอินเงียบ ขณะที่ในใจของเขาตกตะลึง ในขณะเดียวกันก็มีข้อสงสัยเล็ก ๆ ว่ามันอาจเป็นไปได้ว่าเจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าสามารถฆ่าสัตว์อสูรได้อย่างง่ายดายโดยไม่จำเป็นต้องใส่ปราณลงในอาวุธ ? แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว เขาคงไม่ต้องบ่มเพาะพลังอีกต่อไปแล้ว? โดยไม่คาดคิดเลยว่าเจี้ยนเฉินและเถี่ยต้า พวกเขาทั้งสองคนได้สังหารสัตว์อสูรกว่า 100 ตัว โดยระยะเวลาเพียง 3 วันจริง ๆ
มองเข้าไปในสายตาของอาจารย์ค่อนข้างซับซ้อน หลังจากที่เขาได้เริ่มต้นที่จะนับแกนอสูรบนโต๊ะ อาจารย์ไม่ได้ถามเขาว่าได้รับมาอย่างไร เนื่องจากเขาได้สรุปมันออกมาในใจของตัวเองแล้ว