เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 493 นิกายพยัคฆ์มังกร(2)
ตอนที่ 493 นิกายพยัคฆ์มังกร(2)
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งในชุดเกราะประสานมือก่อนที่จะพูดออกมาอย่างไม่ทุกข์ร้อน “พวกเรามาจากนิกายพยัคฆ์มังกร วันนี้ อาณาจักรอินทรีสวรรค์ได้กลายเป็นนิกายของพวกเรา พวกเราหวังว่าอาณาจักรฉินหวงจะปล่อยอาณาจักรอินทรีสวรรค์ไป”
คิ้วของเจี้ยนเฉินขมวดในขณะที่ใบหน้าของเขามืดมน แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่านิกายพยัคฆ์มังกรนั้นมีอิทธิพลขนาดไหน แต่จากการที่พวกเขาไม่กลัวอาณาจักรฉินหวงนั้น ทำให้เจี้ยนเฉินเข้าใจว่าความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นต้องไม่ธรรมดาแน่
อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินสาบานว่าจะกำจัดอาณาจักรอินทรีสวรรค์ สำหรับการที่นิกายพยัคฆ์มังกรเข้ามาวุ่นวายและปกป้องอาณาจักรอินทรีสวรรค์แล้วนั้น เจี้ยนเฉินค่อนข้างไม่พอใจ
แม้แต่ที่ปรึกษาจักรพรรดิทั้งสิบและแม่ทัพทั้งสามยังมองไปที่พวกเขาด้วยใบหน้าที่บูดบึ้งและสายตาที่ดุร้าย
“สำหรับการที่นิกายพยัคฆ์มังกรเข้ามายุ่งกับเรื่องของอาณาจักรฉินหวงของพวกเรานั้น เจ้าอยากจะเป็นศัตรูกับพวกเรางั้นหรือ ? ” หนึ่งในที่ปรึกษาจักรพรรดิพูดออกมา เขาเป็นหนึ่งในห้าคนที่มาหร้อมกับกองกำลังทหาร
ชายวัยกลางคนดูเหมือนจะไม่กลัวอาณาจักรฉินหวงเลย เขายิ้มและประสานมือและพูดอย่างเป็นกันเอง “คำพูดของท่านนั้นก็ดูรุนแรงเกินไป นิกายพยัคฆ์มังกรของพวกเรานั้นไม่อยากที่จะเป็นศัตรูกับอาณาจักรฉินหวง แต่อาณาจักรอินทรีสวรรค์นั้นได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในการความควบคุมของนิกายพยัคฆ์มังกรแล้ว ดังนั้นตามสิทธิ์แล้ว พวกเราก็ควรจะมายุ่งเรื่องนี้” หลังจากนั้น ชายคนนั้นก็หยุดทันที เหมือนกับเขาตระหนักได้ว่าสิ่งที่เขาพูดแทนอาณาจักรอินทรีสวรรค์นั้นเพียงพอแล้ว น้ำเสียงของเขานุ่มนวลลลงในขณะที่เขาเผชิญหน้ากับอาณาจักรฉินหวง เผื่อว่ามันจะเป็นไปได้ที่จะทำให้อาณาจักรฉินหวงโกรธเข้า
“ความเข้าใจผิดระหว่างอาณาจักรเกอซุนและอาณาจักรอินทรีสวรรค์นั้นเป็นอะไรที่นิกายเข้าใจ อาณาจักรอินทรีสวรรค์นั้นผิด และในฐานะตัวแทนของอาณาจักร นิกายพยัคฆ์มังกรของพวกเราก็ปรารถนาที่จะขอโทษเกี่ยวกับเรื่องนั้นและจะชดเชยเงินจำนวนมากให้กับพระราชา เพื่อหวังที่ให้สงครามสงบและเปลี่ยนเป็นมิตรไมตรีแทน” เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้นั้นมีตำแหน่งที่สูงในนิกาย ไม่เพียงแต่เขาจะเป็นตัวแทนพวกเขาเท่านั้น แต่เขายังสามารถชี้ชะตาของอาณาจักรอินทรีสวรรค์ได้เพียงคำพูดแค่ประโยคเดียว
เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างเยือกเย็น แม้ว่าเขาจะรู้ว่านิกายพยัคฆ์มังกรนั้นไม่ได้กลัวความแข็งแกร่งของอาณาจักรฉินหวง แต่เขาก็ไม่กลัวพวกนั้นเช่นเดียวกัน “ข้าต้องกำจัดอาณาจักรอินทรีสวรรค์ ผลลัพธ์นั้นเปลี่ยนไปไม่ได้ ถ้านิกายของเจ้าอยากจะต่อต้านพวกเรา ก็ตามสบาย” เจี้ยนเฉินพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ทำให้ทุกคนรู้ว่าการทำลายอาณาจักรอินทรีสวรรค์นั้นเป็นการตัดสินใจที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว
ชายวัยกลางคนในชุดฟ้ามองนิ่งไปสักพักก่อนที่สายตาของเขาจะเยือกเย็น มันเหมือนว่าคำพูดของเจี้ยนเฉินนั้นทำให้เขาโกรธเล็กน้อย คนอื่น ๆ จากนิกายพยัคฆ์มังกรก็ดูไม่ดีเช่นดัน คำพูดของเจี้ยนเฉินที่เพิ่งพูดออกไปเหมือนเป็นการข่มขู่พวกเขา
สงครามเบื้องล้างไม่ได้หยุดลงเลย ปืนใหญ่ผลึกแกนอสูรยังคงยิงไปที่ฝ่ายอื่นลูกแล้วลูกเล่าอย่างต่อเนื่องทำให้อากาศเต็มไปด้วยฝุ่น ทหาร 500,000 คนของกองทัพเทพดาบตะวันออกและทหารหลายคนของอาณาจักรอินทรีสวรรค์ได้ต่อสู้กันอย่างดุร้าย
อย่างไรก็ตาม สงครามด้านล่างนั้นไม่ได้มีผลกระทบกับเซียนสวรรค์ที่อยู่ด้านบน ชายวัยกลางคนในชุดฟ้าจากนิกายพยัคฆ์มังกรจ้องไปที่เจี้ยนเฉิน “ท่านต้องเป็นนายน้อยสี่ของตระกูลเจียงหยาง เจียงหยาง เซียงเทียนแน่ การที่ได้เป็นเซียนสวรรค์ด้วยอายุขนาดนี้นับว่าเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง ๆ ในทวีปเทียนหยวน แต่นายน้อยเจียงหยาง เซียงเทียน นี่เป็นการเจรจากันระหว่างนิกายพยัคฆ์มังกรกับอาณาจักรฉินหวง ท่านไม่มีสิทธิที่จะมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ หรือเป็นไปได้ที่ท่านนั้นเป็นตัวแทนของอาณาจักรอินทรีสวรรค์เช่นนั้นหรือ ? ” เมื่อเป็นเรื่องของเจียงหยาง เซียงเทียน ชายคนนี้ต้องได้รับข้อมูลมาจากอาณาจักรอินทรีสวรรค์แน่ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขารู้นั้นเป็นข้อมูลบางส่วนจากอาณาจักรอินทรีสวรรค์เท่านั้น
“เจียงหยาง เซียงเทียนเป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวงของพวกเรา มันไม่ได้หรือที่ผู้พิทักษ์จักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวงของพวกเรานั้นไม่เพียงพอที่จะเป็นตัวแทนของอาณาจักรของพวกเราได้ ? ” ก่อนที่เจี้ยนเฉินจะพูดไป เซียวเทียนก็ตอบกลับอย่างโกรธเกรี้ยวและจ้องมองอย่างดุดันไปที่ชายวัยกลางคน
จากคำพูดของเซียวเทียน ทั้งอาณาจักรอินทรีสวรรค์และนิกายพยัคฆ์มังกรหน้าซีดและมองไปที่เจี้ยนเฉิน แม้แต่เจ๋อเจี้ยนที่เคยเห็นเจี้ยนเฉินมาหลายครั้งก่อนหน้านี้แล้วยังอดไม่ได้ที่จะพูดโพล่งออกมาอย่างตกใจ “อะไรนะ! เขาเป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวงอย่างนั้นหรือ?!” ใบหน้าของเจ๋อเจี้ยนเต็มไปด้วยความตกใจและความเหลือเชื่อ
ไม่มีใครคาดว่านายน้อยสี่ของตระกูลเจียงหยาง เจียงหยาง เซียงเทียนจะเป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวง ในตอนนี้การที่ข้อมูลแบบนี้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว มันก็อธิบายได้ง่ายว่าทำไมอาณาจักรฉินหวงถึงได้พยายามอย่างมากที่จะช่วยอาณาจักรเกอซุน
เจี้ยนเฉินไม่ได้มีปฏิกิริยาในการที่ตัวตนของเขาถูกเปิดเผยเลย เขายังทำท่าทางเหมือนเดิม และเขาก็มองไปที่ชายที่อยู่ตรงหน้าเขา “ข้ามีสิทธิ์ที่จะเป็นตัวแทนของอาณาจักรฉินหวงหรือยังตอนนี้ ? “
ชายวัยกลางคนจากนิกายพยัคฆ์มังกรพบว่ามันยากที่จะเอาคำพูดที่เขาพูดก่อนหน้านี้กลับคืนมาได้ เขาไม่คิดว่าก่อนเลยในชีวิตว่า คนหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเขาคนนี้จะเป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวงจริง ๆ
แม้ว่านิกายพยัคฆ์มังกรจะเป็นหนึ่งในตระกูลระดับสูงของทวีปเทียนหยวนที่ดูเหมือนจะไม่กลัวอาณาจักรฉินหวง แต่มันก็ยังมีความแตกต่างในด้านกำลังเล็กน้อย เหตุผลที่พวกเขากล้าต่อต้านอาณาจักรฉินหวงในตอนนี้เนื่องมาจากปัจจัยหลายอย่าง
อย่างแรก ระยะทางระหว่างที่นี่และอาณาจักรฉินหวงนั้นไกลกันมาก ถ้าพวกเขาอยากจะโจมตีนิกายพยัคฆ์มังกรนั้น พวกเขาจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อที่จะทำอย่างนั้นได้ และด้วยความแข็งแกร่งของนิกายพยัคฆ์มังกร แม้แต่อาณาจักรฉินหวงยังต้องได้รับผลกระทบหนัก
อย่างที่สอง อาณาจักรอินทรีสวรรค์นั้นเป็นส่วนหนึ่งในอาณาเขตของนิกายพยัคฆ์มังกรแล้วในตอนนี้ การที่จะปกครองที่นี่นั้นเป็นสิทธิ์ของพวกเขา และการที่นิกายของพวกเขาเข้ามายุ่งนั้นก็เป็นเรื่องที่เหมาะสม มันเป็นเรื่องของ “อาณาเขต”
อย่างที่สาม เป็นเพราะว่า มันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา นิกายพยัคฆ์มังกรจึงคิดว่า พวกเขาจะขอโทษและจ่ายเงินเพื่อหาทางออกจากปัญหาให้ได้
อาณาจักรอินทรีสวรรค์ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับอาณาจักรเกอซุนมาก มีเพียงทหารบางคนตายและพระราชวังก็ได้รับความเสียหาย แต่ไม่ได้ใหญ่โตอะไร มีเพียงชื่อเสียงของพวกเขาเท่านั้นที่เสียไป เรื่องที่อาณาจักรเกอซุนได้รับความช่วยเหลือจากทหาร 500,000 นายของอาณาจักรฉินหวงมาช่วยก็เพียงพอที่ทำให้พวกเขากู้หน้าที่พวกเขาเสียไปได้ขึ้นมาได้แล้ว นอกเหนือไปจากนั้น นิกายพยัคฆ์มังกรก็ไม่ใช่ฝ่ายที่จะถูกรังแกได้ง่าย ๆ มันเกือบจะแน่นอนที่อาณาจักรฉินหวงจะไม่ให้เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้นั้นไปทำให้พวกเขาเป็นศัตรู ดังนั้นนิกายพยัคฆ์มังกรแทรกแซงเข้าไปในโอกาสอันนั้น เช่นกันกับอาณาจักรฉินหวง นิกายพยัคฆ์มังกรนั้นมีเซียนผู้คุมกฎอยู่ข้างพวกเขา แต่จำนวนนั้นก็มากเท่าอาณาจักรฉินหวง
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้พวกเขาได้ไปหาเรื่องผู้พิทักษ์จักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวง นี่ไม่เป็นเรื่องเล็กน้อยอีกต่อไปแล้ว ผู้พิทักษ์จักรพรรดินั้นมีสถานะที่ไม่ได้ต่ำไปกว่าพระราชาในอาณาจักรฉินหวงเลย ผู้พิทักษ์จักรพรรดิหลายคนสามารถปลดพระราชาที่ปกครองอยู่ในปัจจุบันได้เลย สถานการณ์เริ่มย่ำแย่ขึ้นเรื่อย ๆ นิกายพยัคฆ์มังกรเห็นเรื่องเล็กตรงหน้าของพวกเขานั้นใหญ่ขึ้นใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ มันไม่นานหรอกก่อนที่ทั้งสองขั้วอำนาจจะเริ่มปะทะกัน
ชายวัยกลางคนประสานมือไปที่เจี้ยนเฉินด้วยท่าทางขอโทษ “ข้าน้อยเป็นผู้ช่วยของหัวหน้านิกาย ฮูป้า ข้าน้อยต้องขอโทษในความตรงไปตรงมาของข้าน้อยต่อผู้พิทักษ์จักรพรรดิก่อนหน้านี้ ข้าน้อยหวังว่าผู้พิทักษ์จักรพรรดิจะไม่ถือสา” ท่าทีของชายคนนี้ที่มีต่อเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อเขาตระหนักได้ว่า เจี้ยนเฉินนั้นเป็นปัญหาหลักที่เขาต้องจัดการ ความขัดแย้งระหว่างอาณาจักรอินทรีสวรรค์และอาณาจักรเกอซุนขึ้นอยู่กับชายหนุ่มผู้นี้
ไม่นานหลังจากเสียเวลาไปกับเรื่องเล็กน้อย เจี้ยนเฉินก็พูดออกมา “ผู้ช่วยหัวหน้านิกายฮูป้า คำพูดของข้ายังคงเหมือนเดิม อาณาจักรอินทรีสวรรค์ต้องพังทลาย แต่ยังพอมีเวลาให้นิกายของเจ้าถอยไปอยู่” เจี้ยนเฉินเสียเวลาและพลังงานไปมากเพื่อที่จะนำกองทหารของอาณาจักรฉินหวงมาที่นี่ ไม่มีทางที่เขาจะถอยกลับไปง่าย ๆ ในตอนนี้ เจี้ยนเฉินไม่อยากที่จะหันหนีจากสิ่งที่เขากำลังจะได้
ใบหน้าของฮูป้าสลดลงเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดออกมา ” ผู้พิทักษ์จักรพรรดิ สำหรับเรื่องเล็กน้อย ท่านอยากที่จะทำให้นิกายพยัคฆ์มังกรเป็นศัตรูเช่นนั้นหรือ มันคุ้มค่าหรือไม่ ? “
“มันไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากปล่อยให้เจ้าไป แต่เจ้ากำลังพยายามอย่างที่สุดที่จะยุ่งกับเรื่องนี้ ข้าจะพูดอีกครั้ง เจ้ายังมีเวลาที่จะรามือจากอาณาจักรอินทรีสวรรค์” เจี้ยนเฉินพูดเตือนนิกายพยัคฆ์มังกรเป็นครั้งสุดท้าย
“ถ้าผู้พิทักษ์จักรพรรดิยืนยันแบบนี้ ถ้างั้นพวกเราก็ไม่มีอะไรที่จะต้องพูดอีกเช่นกัน” ฮูป้าพูด แม้ว่าอาณาจักรฉินหวงจะแข็งแกร่งกว่านิกายพยัคฆ์มังกร แต่พวกเขาก็ไม่กลัวอาณาจักรฉินหวง ด้วยระยะทางที่ห่างไกลกัน อาณาจักรฉินหวงต้องเสียเวลามากมายและต้องสูญเสียทรัพยากรอย่างมากที่จะมาถึงได้
หลังจากที่ฮูป้าพูด คนจากอาณาจักรอินทรีสวรรค์และนิกายพยัคฆ์มังกรก็เตรียมพร้อมในการต่อสู้ เมื่อมีนิกายพยัคฆ์มังกรคอยหนุนหลังพวกเขา นักสู้ของอาณาจักรอินทรีสวรรค์ก็มีไฟขึ้นมาในที่สุด
เจี้ยนเฉินส่งเสียงก่อนที่จะโบกมือ “บุก!”
ที่ปรึกษาจักรพรรดิทั้งสิบและแม่ทัพทั้งสามบินไปทางนักสู้ของนิกายพยัคฆ์มังกรและอาณาจักรอินทรีสวรรค์ทันที ในฐานะที่เป็นสมาชิกหลักของอาณาจักรฉินหวง พวกเขาตระหนักดีถึงความแข็งแกร่งของอาณาจักรของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่คิดว่านิกายพยัคฆ์มังกรนั้นมีอะไรใหญ่โต เว้นแต่ในเรื่องเซียนสวรรค์และเซียนผู้คุมกฎ อาณาจักรฉินหวงนั้นมีมากกว่าอีกฝ่าย แม้แต่ที่อาณาจักรสาขา อาณาจักรฉินหวงก็มีมากกว่าที่จะมาเพิ่มกำลังให้พวกเขาได้
“ผู้พิทักษ์จักรพรรดิ ถ้าเช่นนั้นได้โปรดให้ข้า ฮูป้า ได้รับทราบฝีมือของท่านด้วย” ผู้ช่วยหัวหน้านิกายบอกคำเตือนสุดท้ายไปในที่สุด อาณาจักรอินทรีสวรรค์เป็นส่วนที่สำคัญของพวกเขา เพราะมันจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้พวกเขาได้มาก พวกเขาจำเป็นต้องปกป้องอาณาจักรนี้
นอกเหนือไปจากนั้น อาณาจักรอินทรีสวรรค์ยังเป็นอะไรที่นิกายพยัคฆ์มังกรอยากได้มาก พวกเขาเจรจากับอาณาจักรอินทรีสวรรค์หลายครั้งในอดีตเพื่อที่จะขอการสนับสนุน แค่ความพยายามทุกครั้งก็จบด้วยความล้มเหลว ในตอนนี้ที่อาณาจักรอินทรีสวรรค์ตกลงรับข้อเสนอแล้วในที่สุด พวกเขาก็คงไม่สละข้อเสนอนี้ไปเร็วนัก แม้ว่ามันจะหมายความว่าพวกเขาต้องไปหาเรื่องอาณาจักรฉินหวงตาม มันก็ไม่ได้เป็นการแลกเปลี่ยนที่เสียหายมากนัก
เมื่อเห็นฮูป้าพุ่งมาทางเขา เจี้ยนเฉินก็ไม่ได้กลัว กลับกัน เขารู้ถึงแรงอยากต่อสู้ที่เกิดมาจากด้านใน